TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “สิทธิบัตรทอง” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อ่าน
5 เรื่องที่ต้องรู้! บัตรทองคุ้มครองอะไรบ้าง สิทธิประโยชน์ยังไง (อัปเดต 2568)
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน! ถ้าพูดถึง "บัตรทอง" หรือระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่ามันคุ้มครองอะไรบ้าง ได้สิทธิประโยชน์อะไร และปี 2568 นี้มีอะไรอัปเดตใหม่ที่น่าสนใจ ในมุมมองของผู้เขียนนะครับ บัตรทองเป็นสวัสดิการที่คนไทยทุกคนควรรู้จัก เพราะเป็นตัวช่วยสำคัญในเรื่องสุขภาพแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย เอาล่ะครับ! มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ต้องรู้! 1. บัตรทองคืออะไร? ใครใช้สิทธิ์ได้บ้าง? ก่อนอื่นเลยนะครับ "บัตรทอง" หรือ "หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" เป็นสิทธิที่ประชาชนไทยทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมหรือสวัสดิการข้าราชการสามารถใช้ได้ครับ โดยสิทธิ์นี้ได้รับการคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าท่านไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทที่มีประกันสังคมหรือข้าราชการ ก็สามารถใช้บัตรทองได้เลยครับผม ในมุมมองของผู้เขียน บัตรทองเป็นสวัสดิการที่ดีมากนะครับ เพราะช่วยให้คนที่ไม่มีเงินมากพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาแพง ๆ เลย 2. บัตรทองคุ้มครองอะไรบ้าง? หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าบัตรทองรักษาได้แค่โรคทั่วไป แต่จริง ๆ แล้ว มันคุ้มครองเยอะมากครับ! นี่คือบริการหลัก ๆ ที่สามารถใช้บัตรทองได้: การตรวจรักษาพยาบาลทั่วไป เช่น ไข้หวัด ปวดท้อง อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ การรักษาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ การผ่าตัดและรักษาโรคร้ายแรง รวมถึงมะเร็งบางชนิดที่สามารถรักษาได้ตามสิทธิ์ ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่ายา เมื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐ สิทธิทำฟัน เช่น ขูดหินปูน ถอนฟัน อุดฟัน (โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในวงเงินที่กำหนด) บริการฝากครรภ์และคลอดบุตร รวมถึงวัคซีนสำหรับเด็ก ในมุมมองของผู้เขียนนะครับ ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องรักษาโรคเรื้อรังหรือมีค่าใช้จ่ายสูงด้านสุขภาพ 3. อัปเดตสิทธิประโยชน์ใหม่ปี 2568 ปีนี้มีการอัปเดตสิทธิ์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมที่น่าสนใจมากครับ ได้แก่: การรักษามะเร็งเพิ่มเติม โดยเพิ่มสิทธิ์การรักษาด้วยยาสมัยใหม่ เช่น ยาภูมิคุ้มกันบำบัด ขยายบริการสุขภาพจิต เช่น ปรึกษานักจิตวิทยา และเข้ารับการบำบัดภาวะซึมเศร้า บริการ Telemedicine หรือการพบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล สำหรับผู้ป่วยบางประเภท ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล เพิ่มสิทธิ์กายภาพบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพ สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะอัมพาตหรือปัญหาทางร่างกาย ผู้เขียนมองว่าอัปเดตเหล่านี้ทำให้บัตรทองตอบโจทย์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง Telemedicine ที่ช่วยให้คนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงหมอได้ง่ายขึ้นนะครับ! 4. สิทธิเด่น ๆ ที่หลายคนยังไม่รู้ แม้จะมีบัตรทอง แต่ก็ยังมีหลายสิทธิ์ที่คนไม่ค่อยรู้กันนะครับ เช่น: สิทธิ์ล้างไตฟรี สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ฉีดวัคซีนฟรี ครอบคลุมทั้งเด็กและผู้สูงอายุ รวมถึงวัคซีนบางตัวสำหรับโรคระบาด ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมฟรี บริการดูแลผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีเจ้าหน้าที่ดูแลถึงบ้าน หลายสิทธิ์ถือว่าเป็นประโยชน์มากครับ แต่หลายคนกลับไม่ทราบว่ามีบริการพวกนี้ให้ฟรี! 5. วิธีใช้บัตรทองให้คุ้มค่า บัตรทองจะใช้ได้ที่โรงพยาบาลที่ท่านลงทะเบียนไว้นะครับ ถ้าอยากใช้สิทธิ์เต็มที่ นี่คือคำแนะนำจากผู้เขียน: ตรวจสอบสิทธิ์ก่อนใช้ สามารถเช็กผ่านแอป "สปสช." หรือโทร 1330 ได้เลยครับ รู้จักโรงพยาบาลหลักของตัวเอง จะได้ไปใช้สิทธิ์ได้ถูกที่ ใช้สิทธิ์ให้ครบ เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี ฝากครรภ์ ตรวจคัดกรองโรค กรณีฉุกเฉินไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ (รักษาฟรีใน 72 ชั่วโมงแรก) ในมุมมองของผู้เขียนนะครับ บัตรทองเป็นสวัสดิการที่ดีมากและช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาเลย ปี 2568 ยังมีการอัปเดตสิทธิ์ใหม่ ๆ ที่ทำให้บัตรทองใช้งานได้สะดวกและครอบคลุมมากขึ้นไปอีกครับ สุดท้ายนี้ ท่านผู้อ่านที่มีบัตรทอง อย่าลืมใช้สิทธิ์ของตัวเองให้คุ้มค่านะครับ! หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านเข้าใจบัตรทองมากขึ้น แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับผม! ภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก ภาพโดย fernando zhiminaicela จาก Pixabay ภาพที่ 1 ภาพโดย fernando zhiminaicela จาก Pixabay ภาพที่ 2 ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay ภาพที่ 3 ภาพโดย Tung Nguyen จาก Pixabay ภาพที่ 4 ภาพโดย Sasin Tipchai จาก Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
Story • 2 วันที่แล้ว
อ่าน
30 บาทรักษาทุกที่ ปฏิรูประบบสาธารณสุขไทยในยุคดิจิทัล
การปฏิวัติระบบสาธารณสุขครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ในรูปแบบใหม่ ที่ไม่เพียงขยายจุดให้บริการไปยังร้านยาและคลินิกเอกชน แต่ยังผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน นับเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการให้บริการสาธารณสุขของไทยไปอย่างสิ้นเชิงหากย้อนมองอดีตระบบสาธารณสุขไทยเผชิญความท้าทายมากมาย ทั้งปัญหาความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ต้องรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก ความไม่สะดวกในการเดินทางของผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล และความยุ่งยากของระบบส่งต่อที่บางครั้งทำให้การรักษาไม่ทันท่วงที แต่วันนี้ ภาพเหล่านั้นกำลังจะเปลี่ยนไป ด้วยระบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างตรงจุดความฉลาดของระบบใหม่อยู่ที่การแบ่งระดับการให้บริการตามความรุนแรงของอาการ โดยผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถเข้ารับบริการที่ร้านยา คลินิกชุมชนอบอุ่น หรือ รพ.สต. ซึ่งช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ไม่ถึงขั้นวิกฤต สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งหรือโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมกับ สปสช. และสำหรับกรณีวิกฤตถึงชีวิต ระบบครอบคลุมการรักษาในทุกโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดภายใต้สิทธิ UCEPหัวใจสำคัญของการปฏิรูปครั้งนี้คือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ที่รวมฟีเจอร์สำคัญไว้มากมาย ทั้งระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลที่ไม่จำเป็นต้องพกบัตรประชาชน ระบบค้นหาสถานพยาบาลที่แสดงพิกัดหน่วยบริการใกล้เคียง ระบบจัดการประวัติสุขภาพที่เก็บข้อมูลการรักษาอย่างเป็นระบบ ระบบเปลี่ยนหน่วยบริการที่ให้อิสระในการเลือกสถานพยาบาลประจำ และระบบดูผลตรวจสุขภาพผ่าน Health Link ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากทุกสถานพยาบาลอย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นการเข้าถึงของผู้สูงอายุที่อาจไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ความพร้อมและมาตรฐานของสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ การกระจายตัวของจุดบริการในพื้นที่ห่างไกล และการบูรณาการข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลให้เป็นไปอย่างไร้รอยต่อมองไปข้างหน้าการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบสาธารณสุขดิจิทัลที่จะนำไปสู่การแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Healthcare) ที่ใช้ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลในการวางแผนการรักษา และรองรับความท้าทายด้านสาธารณสุขในอนาคต เช่น สังคมผู้สูงอายุ หรือโรคอุบัติใหม่ท้ายที่สุด ความสำเร็จของโครงการนี้จะวัดได้จากการที่ประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีฐานะอย่างไร สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมและทันท่วงที การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการพัฒนาระบบเทคโนโลยี แต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ ให้สมกับคำว่า สุขภาพดี เริ่มที่ใกล้บ้าน อย่างแท้จริงภาพ Freepik
TNN ช่อง16 • 5 ม.ค. 68
อ่าน
มะเร็งรักษาทุกที่! สปสช. ยืนยันไม่ยกเลิก แต่เตรียมปรับเงื่อนไขการเบิกจ่าย
ทันตแพทย์ อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. เปิดเผยกรณีกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ที่ระบุ สปสช. จะยกเลิกนโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 นั้น ว่า ไม่เป็นความจริง ผู้ป่วยโรคมะเร็งยังคงสามารถรับบริการที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษามะเร็งได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องมีใบส่งตัวอย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณ สปสช.จะปรับเงื่อนไขการเบิกจ่าย โดยจำกัดเฉพาะการรักษาโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือ การรังสีรักษา ส่วนการรักษาโรคแทรกซ้อน โรคร่วม หรือการตรวจสอบโรคจะไม่ได้รับการเบิกจ่ายจากกองทุนนี้เหตุผลสำคัญที่ต้องปรับเงื่อนไขการเบิกจ่าย มาจากข้อมูลที่พบว่า การเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการฯ ที่ผ่านมา มีการใช้ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง เช่น ค่าตรวจโรคทั่วไปหรือการรักษาโรคอื่น ๆ ที่ไม่สัมพันธ์กับโรคมะเร็ง มากกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมด ส่งผลให้เกิดความซ้ำซ้อน และใช้งบประมาณในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างไม่มีประสิทธิภาพนอกจากนี้ สปสช.ได้แจ้งเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงไปยังหน่วยบริการตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 แต่ยังพบข้อกังวลจากหน่วยบริการว่า อาจกระทบต่อความสะดวกของผู้ป่วย และเพิ่มขั้นตอนในการให้บริการ ด้วยเหตุนี้ สปสช.จึงเตรียมจัดประชุมร่วมกับหน่วยบริการในระบบ เพื่อทบทวนเงื่อนไขการเบิกจ่าย และรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงให้เกิดความสมดุลระหว่างการใช้งบประมาณและการดูแลผู้ป่วยทั้งนี้ สปสช. ยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิกมะเร็งรักษาทุกที่ ผู้ป่วยยังสามารถเข้ารับบริการได้ตามเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือเงื่อนไขการเบิกจ่ายเท่านั้น ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ คำนึงถึงทั้งประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ และความสะดวกของผู้ป่วยเป็นหลัก โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
TNN ช่อง16 • 27 พ.ย. 67
อ่าน
เพิ่มสิทธิประโยชน์บัตรทอง คัดกรองดาวน์ซินโดรมหญิงตั้งครรภ์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาได้พิจารณาข้อเสนอ การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ด้วยวิธี non-invasive prenatal test :NIPT และให้ความเห็นชอบกำหนดเป็นประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาทเพิ่มเติม และมอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องจากนี้ เช่น การจัดทำระบบเพื่อรองรับการดำเนินการ หรือการจัดทำประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าบริการตรวจคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ ด้วยวิธี NIPT ให้มีผลดำเนินการบริการเมื่อมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดย สปสช. จะแจ้งให้หน่วยบริการในระบบและประชาชนรับทราบต่อไปนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ผ่านมาได้มีการจัดชุดสิทธิประโยชน์เพื่อดูแลหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ โดยได้ทำการพัฒนาสิทธิประโยชน์บริการมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริการตรวจความเสี่ยงของทารกในครรภ์ด้วยวิธี Quadruple test ที่เป็นการตรวจภาวะโคโมโซมที่ผิดปกติ หรือ ดาวน์ซินโดรม ที่เป็นมาตรฐานบริการทางการแพทย์ให้กับผู้หญิงไทยตั้งครรภ์ทุกคน ภายใต้สิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาด้วยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ในการเพิ่มเติมบริการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ด้วยวิธี NIPT ซึ่งทางคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารกองทุน ได้พิจารณาและนำเสนอต่อบอร์ด สปสช. ในวันนี้ ด้วยเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ยังน้อย ทั้งให้ผลการตรวจแม่นยำเมื่อเปรียบเทียบการตรวจด้วยวิธี Quadruple test จากร้อยละ 7 เหลือเพียงร้อยละ 0.15 ทำให้ลดจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องเข้ารับการเจาะตรวจน้ำคร่ำและลดความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ยังลดงบประมาณค่าใช้จ่ายบริการเจาะตรวจน้ำคร่ำได้อีกด้วย ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลังจากที่มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฯ นี้ ที่ผ่านมา สปสช. ได้ทำหนังสือถึงราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์เพื่อขอความเห็นต่อการเพิ่มเติมบริการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ด้วยวิธี NIPT ซึ่งทางราชวิทยาลัยฯ ได้ให้ความเห็นตอบกลับ โดยสนับสนุนการตรวจคัดกรองโดยใช้วิธี Quadruple test ตามแนวทางที่ สปสช. ประกาศไว้แล้ว แต่สามารถใช้ NIPT เป็นบริการตรวจที่ครอบคลุมหญิงไทยตั้งครรภ์ทุกคนได้หากมีงบประมาณสนับสนุนเพียงพออย่างไรก็ตาม หลังจากที่บอร์ด สปสช. เห็นชอบให้ดำเนินการสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ด้วยวิธี NIPT แล้ว ทาง สปสช. จะเดินหน้าต่อในขั้นตอนการต่อรองราคาบริการ เนื่องด้วยการตรวจด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธี Quadruple test ซึ่ง สปสช. ต้องดำเนินการจัดบริการให้สมดุลกับงบประมาณที่มีอยู่ในระบบ พร้อมจัดทำระบบตลอดจนประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการ ทั้งนี้การดำเนินการต่างๆ หากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาง สปสช. จะแจ้งหน่วยบริการในระบบและประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรับทราบต่อไป
TNN ช่อง16 • 4 ก.ย. 67
อ่าน
3 วิธีเช็คสิทธิ์บัตรทองออนไลน์ด้วยตัวเอง อัปเดต 2567
ปัจจุบันการใช้สิทธิบัตรทองหรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็แค่เพียงยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่เข้ารับการรักษาได้ แต่จริง ๆ เราก็สามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ได้เช่นกัน ทั้งรวดเร็ว สะดวก ไม่ยาก อยู่ที่ไหนก็สามารถเช็คได้ ที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเงิน อีกด้วย วันนี้เรามี 3 วิธีเช็คสิทธิ์บัตรทองออนไลน์ ข้อมูลอัปเดตปี 2567 มาฝากค่ะ1. เช็คสิทธิ์บัตรทองผ่านเว็บไซต์ ขั้นตอนเปิดเว็บไซต์ https://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtmlกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิดและรหัสที่ระบุตัวเลข ตัวอักษรในภาพข้อมูลก็จะขึ้นมาทั้งสิทธิ์การรักษา สถานพยาบาล วันที่เริ่มใช้สิทธิ์ 2. เช็คสิทธิ์บัตรทองผ่านไลน์สปสช.ขั้นตอนแอดไลน์สปสช. @nhso เพิ่มเพื่อนให้เรียบร้อย และกลับมาที่หน้าแชท เลือก “ตรวจสอบสิทธิ์” หน้าจอที่ขึ้นมาจะเป็นแบบข้อ 1. ค่ะ กรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด กรอกรหัสที่ระบุในภาพ ข้อมูลก็จะขึ้นมาให้เราตรวจสอบ3. เช็คสิทธิ์บัตรทองผ่านแอปพลิเคชันสปสช.ขั้นตอนค้นหาแอปพลิเคชันชื่อ “สปสช” ดาวน์โหลดและติดตั้งให้เรียบร้อยจากนั้นทำการลงทะเบียนและกำหนดรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชั่นในครั้งต่อ ๆ ไปจากนั้นเข้ามาที่หน้าหลัก เลือก “ตรวจสอบสิทธิตนเอง”ข้อมูลสิทธิ์การรักษาก็จะแสดงขึ้นมาอย่างครบถ้วนเลยค่ะอย่าเช็คสิทธิ์การรักษาของตัวเองก่อนที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลนะคะ หากทราบข้อมูลก่อนจะได้ไม่ผิดพลาด ไม่ไปผิดที่และจะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่นเองค่ะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสปสช. Android ios ภาพประกอบที่ 1 จากเว็บไซต์ สปสช. ภาพที่ 2 3 จากไลน์ @nhso ภาพที่ 4 จากแอปฯสปสช.ภาพปก ภาพที่ 1 จากเว็บไซต์สปสช. ภาพที่2 จากแอปพลิเคชันสปสช.7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์
purplewings • 28 ก.ค. 67
อ่าน
สปสช. เตรียมพร้อมสิทธิประโยชน์รักษา "ภาวะมีบุตรยาก" ในระบบบัตรทอง
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ผู้มีบุตรยาก (INFERTILITY CENTER) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ปฏิบัติงานและนำข้อมูลกลับไปพิจารณาประกอบการออกหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ช่วยเหลือผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ประสบปัญหามีบุตรยากนพ.จเด็จ กล่าวว่า คณะกรรมการ สปสช. ได้มีมติเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ให้การรักษาผู้มีบุตรยากเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่ง สปสช. เตรียมประกาศหลักเกณฑ์วิธีการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวในปีงบประมาณ 2568 นี้ อย่างไรก็ดี สปสช. คาดการณ์ว่าเมื่อประกาศสิทธิประโยชน์แล้วจะมีสตรีอายุ 35 ปี ขึ้นไป เข้ามารับบริการประมาณ 2 แสนรายทั่วประเทศดังนั้นก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลการให้บริการว่าหน่วยบริการมีข้อเสนอในเรื่องรูปแบบการจ่ายชดเชยค่าบริการอย่างไร หน่วยบริการมีความพร้อมหรือไม่ โดยเฉพาะหน่วยบริการของภาครัฐ ทั้งนี้ จากการการเยี่ยมชมโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์พบว่ามีความพร้อมทั้งด้านการลงทุนอุปกรณ์ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็น โดยมีผู้รับบริการแล้ว 400 กว่าคน คัดกรองมาถึงขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วแล้ว 19 คน และตั้งครรภ์แล้ว 2 คน รวมทั้งมีศักยภาพที่จะขยายงานได้ ซึ่งในอนาคตเมื่อ สปสช. ประกาศหลักเกณฑ์วิธีการออกมาแล้ว โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ก็จะเป็นกลไกสำคัญในภาคอีสาน ในการให้บริการแก่ประชาชนที่มีปัญหามีบุตรยากอย่างไรก็ตาม การรักษาผู้มีบุตรยากไม่ใช่ว่าทุกคนจะมารับบริการที่ศูนย์ผู้มีบุตรยากได้เลย เพราะระดับของการรักษามีตั้งแต่การให้คำปรึกษาและการรักษาโรคอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก (Intrauterine Insemination: IUI) และการทำเด็กหลอดแก้ว (In-vitro Fertilization : IVF) และจะมีเครือข่ายการให้บริการขั้นตอนต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษา หรือแม้แต่การการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกที่สามารถทำได้ในโรงพยาบาลชุมชนที่มีสูตินรีแพทย์ แต่เมื่อล้มเหลวถึงจะมาทำเด็กหลอดแก้วที่ศูนย์ผู้มีบุตรยาก เป็นต้นสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก เป็นกระบวนการที่ตั้งต้นจากปัญหาของประเทศไทยที่มีเด็กเกิดน้อย อย่างไรก็ดีจากข้อมูลเชิงวิชาการพบว่าจากจำนวนผู้รับบริการ 4 แสนคน จะมีเด็กเกิดขึ้นประมาณ 10,000 คน ดังนั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคงไม่สามารถทดแทนจำนวนเด็กที่เกิดน้อยลงได้ แต่จะเป็นมาตรการหนึ่งที่จะเติมเต็มคนที่อยากมีบุตร ซึ่งในอดีต การรักษาภาวะมีบุตรยากมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ระยะต่อไปเมื่อ สปสช. เข้ามาดูแลแล้ว ก็จะมีผู้เข้าถึงบริการมากขึ้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงฐานะ และยืนยันว่าหลักเกณฑ์ที่จะประกาศออกมาในปีงบประมาณ 2568 นี้ ประเด็นเรื่องเศรษฐานะจะไม่ใช่เงื่อนไขในการปฏิเสธการให้บริการด้าน พญ.ปราณี ศาสตราธรรม หัวหน้าศูนย์ผู้มีบุตรยาก โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ กล่าวว่า อัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์จะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับยุคนี้คนแต่งงานช้า กว่าจะตัดสินใจมีบุตรก็ช้าตามไปด้วย ซึ่งขั้นตอนการรักษาด้วยการทำ IUI หรือ IVF เป็นการแก้ที่ปลายเหตุดังนั้น อยากแนะนำให้เริ่มวางแผนการมีบุตรหรือเข้ามารับคำปรึกษากับสูตินรีแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยไม่ต้องรอให้เจอปัญหาการมีบุตรยากก่อน บางคนหากเข้ามารับบริการเร็ว เพียงแค่ให้คำแนะนำก็สามารถตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะช่วงอายุก่อน 35 ปี จะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการตั้งครรภ์
TNN ช่อง16 • 23 ก.ค. 67
อ่าน
สิทธิบัตรทอง! สปสช. อนุมัติเพิ่มงบการแพทย์แผนไทยเป็น 31.90 บาท/คน
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เห็นชอบวาระพิจารณา (ร่าง) หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2568 ให้ปรับเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนของงบบริการการแพทย์แผนไทย จาก 20.37 บาทต่อคน เป็นจำนวน 31.90 บาทต่อคน หรือปรับเพิ่มจากเดิม 11.53 บาทต่อคน เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการใช้ยาสมุนไพรไทยขณะนี้ในบัญชียาหลักแห่งชาติมียาสมุนไพรไทยบรรจุอยู่เกือบ 100 รายการ แต่งบประมาณเพื่อใช้ในการเบิกจ่ายให้ผู้ป่วยบัตรทองมีน้อยมาก การเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนของงบบริการการแพทย์แผนไทยจะทำให้เกิดการใช้สมุนไพรไทยอย่างจริงจัง และยังถือเป็นการสร้างความมั่นคงด้านยาให้กับประเทศ อีกยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาที่ปลอดภัย สำหรับการพิจารณางบประมาณ ฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยสภาผู้แทนราษฎร์ ในช่วงวาระ 2 และ 3 จากข้อเสนอการสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยนี้ สปสช. จะเสนอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนที่บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มเติมต่อไปรัฐบาลผลักดันนโยบายสนับสนุนส่งเสริมสมุนไพรไทยมาอย่างต่อเนื่อง กำหนดแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566-2567 ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เพื่อการผลิตสมุนไพรได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการใช้สมุนไพรรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันพัฒนาเกษตรกรสมุนไพรรวมถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในทุกส่วน พร้อมนำนวัตกรรม เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยธุรกิจของคนไทย เพื่อความก้าวหน้าของสินค้าสมุนไพรไทย เติมเต็มในทุกศักยภาพ พัฒนาอย่างสมดุล และยั่งยืน นายคารม ย้ำ
TNN ช่อง16 • 8 ก.ค. 67
อ่าน
สปสช. เพิ่มสิทธิ ‘พอกเข่า’ รักษาป่วยเข่าเสื่อมฟรี รับบริการ 5 ครั้งต่อสัปดาห์
ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีมติเห็นชอบ สิทธิประโยชน์บริการหัตถการพอกเข่า สำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม/โรคลมจับโปงแห้งเข่า หรือโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นรายการในชุดสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เพิ่มเติมให้กับประชาชนที่ไปรับบริการจากหน่วยบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า การให้บริการหัตถการพอกเข่าสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมนี้ เป็นการดูแลกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่มีอาการปวดเข่าจากภาวะเข่าเสื่อม ให้ได้รับการรักษาจากหน่วยบริการการแพทย์แผนไทย วันละไม่เกิน 1 ครั้ง รวม 5 ครั้งภายใน 2 สัปดาห์ จากหน่วยบริการที่ให้บริการแพทย์แผนไทยของรัฐ และหน่วยบริการนวัตกรรมสาธารณสุขวิถีใหม่ หรือ คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น ที่เป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่นอกจากนี้ ในส่วนงบประมาณสำหรับบริการชุดสิทธิประโยชน์ดังกล่าว หน่วยบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รวมถึงหน่วยบริการนวัตกรรมที่ให้การรักษา สามารถเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการหัตถการพอกเข่าด้วยสมุนไพรสำหรับรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมจาก สปสช. ในอัตรา 100 บาทต่อครั้งต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 5 ครั้งใน 2 สัปดาห์ ซึ่งคาดการณ์ปีงบประมาณ 2567 จะใช้วงเงินที่จำนวน 6.8 ล้านบาท ครอบคลุมการดูแลผู้ป่วยจำนวน 1.3 หมื่นคน และในส่วนปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะใช้งบประมาณในบริการดังกล่าวประมาณ 41 ล้านบาท ให้การดูแลผู้ป่วยประมาณ 8.2 หมื่นคนการพอกเข่า ช่วยรักษาอาการ โรคข้อเข่าเสื่อม ได้จริงหรือ?นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากผลการศึกษาวิจัยเรื่องประสิทธิผลและความปลอดภัยของหัตถการพอกเข่าในกลุ่มผู้ป่วยโรคลมจับโปงแห้งเข่า หรือโรคข้อเข่าเสื่อม ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สธ. ระบุว่า อาการปวดเข่าจะลดลงเมื่อรับบริการหัตถการพอกเข่าอย่างน้อย 1-5 ครั้ง อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการใช้งานข้อเข่าได้ดีกว่าเดิม และไม่มีอาการพึงประสงค์ตามมาปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในประเทศไทยประมาณ 165,217 คน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งโรคข้อเข่าเสื่อมส่งผลกระทบในทุกมิติ ทั้งด้านร่างกายที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิต รวมไปถึงมีผลกระทบด้านจิตใจ เกิดความวิตกกังวล และยังเป็นผลกระทบด้านเศรษฐกิจด้วย เพราะเป็นโรคที่ต้องรักษานานและมีค่าใช้จ่ายสูงp.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'}ภาพจาก: AFP
TNN ช่อง16 • 10 มิ.ย. 67
อ่าน
อัปเดตปี 2567 ช่องทางรับยา-พบหมอออนไลน์ สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากติดเชื้อโควิด
ปัจจุบัน (ปี 2567) หากป่วยโควิด-19 รักษาพยาบาลตามสิทธิ ส่วนผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 30 บาท สปสช.เพิ่มความสะดวกดูแลผู้ป่วยโควิด-19 นอกจากเข้ารักษาที่สถานพยาบาลตามสิทธิหรือหน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่งแล้ว ยังสามารถปรึกษาเภสัชกรและรับยาที่ร้านยาที่เข้าร่วมได้ หรือใช้บริการพบหมอออนไลน์ รอรับจัดส่งยาถึงบ้านกับ 4 แอปพลิเคชันไม่เสียค่าใช้จ่ายร้านยารับบริการปรึกษาเภสัชกรและรับยาตามอาการได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วม โดยสังเกตจากสติกเกอร์ ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.nhso.go.th/page/List_of_retail_pharmaciesnbsp;พบหมอออนไลน์นอกจากนั้นยังสามารถรับบริการโควิด-19 ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พบแพทย์ออนไลน์ รอรับยาจัดส่งถึงบ้านได้ผ่าน 4 แอปพลิเคชัน เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้1.แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) https://forms.gle/hfo2Wr9jdvybn8d57 สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @clicknic2. Totale Telemed (โททอลเล่ เทเลเมด) https://lin.ee/a1lHjXZn สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @totale หรือสายด่วน 0620462944, 06180195773. แอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) จำกัด https://form.typeform.com/to/cNKqNz3pnbsp สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @mordeeapp4. แอป Saluber MD www.telemed.salubermdthai.com ให้บริการเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี : @Sooksabaiclinicส่วน โทร จ่าย จบ หรือ เจอ แจก จบ ที่แชร์กันในไลน์ตอนนี้ (พ.ค.67) ยกเลิกให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2565 แล้ว ปัจจุบันใช้แนวทางนี้ สงสัยสอบถาม สายด่วน สปสช. 1330ข้อมูลจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติภาพจาก TNN ONLINE
TNN ช่อง16 • 5 พ.ค. 67
อ่าน
สงกรานต์ 2567 "สิทธิบัตรทอง" เจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤตเข้ารักษาได้ทุก รพ.
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 นี้ที่มีวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2567 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางต่างจังหวัดเพื่อกลับบ้านหรือเยี่ยมเยียนครอบครัว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ สปสช.ดูแลพร้อมแจ้งผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ในการเข้ารับบริการแบ่งเป็น 4 กรณี ดังนี้1.กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤตถึงแก่ชีวิต หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ของรัฐบาล โดยยื่นเพียงบัตรประชาชนใบเดียวและแจ้งใช้สิทธิ UCEP ซึ่งจะเข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซึ่งปัจจุบัน สปสช.มีระเบียบการเบิกจ่ายในส่วนของ UCEP ภาครัฐด้วย จากเดิมที่มีการเบิกจ่ายสิทธิ UCEP ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเท่านั้น นั่นหมายความว่าโรงพยาบาลรัฐที่รับการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิตด้วยสิทธิ UCEP ก็จะเบิกจ่ายได้เช่นเดียวกับโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาผู้ป่วยตามสิทธิ UCEPสำหรับสิทธิ UCEP นั้นผู้ป่วยจะได้รับการรักษาจนพ้นวิกฤติและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย โดยเมื่อพ้น 72 ชั่วโมง จะส่งรักษาต่อที่หน่วยบริการประจำ โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามอัตราที่กำหนด กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร. สายด่วน 1669 ได้ทั่วประเทศทั้งนี้ 6 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤต ประกอบด้วย1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง3.เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง4.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด6.มีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมอง ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากป่วยฉุกเฉินแต่ ไม่วิกฤติถึงแก่ชีวิต สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐที่ใกล้ที่สุด หรือโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมกับ สปสช. โดยยื่นเพียงบัตรประชาชนใบเดียวและแจ้งใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิ 30 บาท2.กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤต หรือผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่นแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง ไข้หวัด ปวดท้อง เคืองตา ทำแผลต่อเนื่อง ตัดไหม หรือยาหมด (ต้องกินยาต่อเนื่องแต่ยาหมดระหว่างเดินทางไปต่างพื้นที่ มาขอรับยาได้) ฯลฯ สามารถเข้ารักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐและหน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น รพ.สต., สถานีอนามัย, ศูนย์สุขภาพชุมชน, โรงพยาบาลประจำอำเภอ, หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาลประจำจังหวัด รวมถึงศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และคลินิกชุมชนอบอุ่น โดยยื่นบัตรประชาชนและแจ้งใช้สิทธิบัตรทอง3.กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย สปสช.ได้ร่วมกับสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข เพิ่มบริการให้ประชาชนมีความสะดวกมากขึ้นดังนี้-เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว ปรึกษาเภสัชกรและรับยาได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้ทั่วประเทศ ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสังเกตสติกเกอร์ ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.nhso.go.th/page/List_of_retail_pharmacies-เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว เข้ารักษาโรคเบื้องต้นตามขอบเขตวิชาชีพได้ที่คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่นกว่า 1,300 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ สังเกตสติกเกอร์ คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น-เจ็บป่วยเล็กน้อย 42 อาการ หากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) มีที่อยู่ให้จัดส่งยาได้ พบหมอออนไลน์ รอรับยาที่บ้านผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพ 4 ช่องทาง ดูรายละเอียดที่ https://www.nhso.go.th/news/43864.ประชาชนสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปหรืออยู่ที่จังหวัดนำร่อง 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว นอกจากเข้ารักษาที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำแล้ว ยังสามารถเข้ารักษาได้ทุกที่กับหน่วยบริการของรัฐและเอกชนที่เข้าร่วม โดยใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว ดูรายชื่อหน่วยบริการเอชนที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.nhso.go.th/page/Innovative-services-all-provincesนพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ส่วนประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ในกรณีที่เจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 สามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยผู้ป่วยกลุ่มไม่มีอาการหรือเจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถรับบริการรับยาที่ร้านยา, บริการโควิด-19 ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และบริการปฐมภูมิทุกที่ได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขอให้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ โดย สปสช. ยังคงสิทธิประโยชน์บริการเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างต่อเนื่อง ดูรายละเอียดที่ https://www.nhso.go.th/news/3674ที่มา สปสช.
TNN ช่อง16 • 11 เม.ย. 67
อ่าน
สปสช. เพิ่มสิทธิ ‘มีบุตรยาก’ ให้ยากระตุ้นไข่ - เด็กหลอดแก้ว
p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 20.0px Thonburi; color: #000000; color: rgba(0, 0, 0, 0.87); background-color: #ffffff} p.p2 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 20.0px Thonburi; color: #000000; color: rgba(0, 0, 0, 0.87); background-color: #ffffff; min-height: 28.0px} span.s1 {font-kerning: none}วันนี้ ( 25 มี.ค. 67 )นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เห็นชอบเพิ่มสิทธิการรักษาภาวะมีบุตรยากในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท เพื่อแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย โดยปี 2565 จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงอยู่ที่ 485,085 คน ขณะที่อัตราเจริญพันธุ์เหลือเพียง 1.08โดยกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้หญิงไทยสิทธิบัตรทอง อายุระหว่าง 30 40 ปี มีคู่สมรสและจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เป็นผู้มีภาวะมีบุตรยากและต้องการมีบุตร เบื้องต้นคาดว่ามีจำนวนประมาณ 4,150 คนสำหรับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากแบ่งเป็น 3 ระดับ ตามแนวทางเวชปฏิบัติภาวะมีบุตรยากของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566 โดยระดับที่ 1 ให้คำปรึกษาแนะนําปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถให้บริการโดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไประดับที่ 2 ให้ยากระตุ้นไข่และยาเหนี่ยวนําการตกไข่ และระดับที่ 3 ทำเด็กหลอดแก้ว โดยวิธีการย้ายตัวอ่อน 1-2 ครั้ง ให้บริการโดยสูตินรีแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โดยปัจจุบันมีหน่วยบริการรัฐที่ให้บริการ จำนวน 17 แห่ง ในจำนวนนี้เป็น รพ.สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3 แห่งด้านนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การรักษาภาวะมีบุตรยากจะเป็นส่วนที่ช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและขับเคลื่อนวาระแห่งชาติในการเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทย ซึ่งในอดีตสิทธิประโยชน์นี้อาจไม่จำเป็น แต่ด้วยปัจจุบันที่เด็กเกิดใหม่มีจำนวนลดลง สปสช. จึงร่วมสนับสนุนให้เกิดการเข้าถึงการรักษาภาวะมีบุตรยากในกลุ่มที่มีความพร้อมและต้องการมีบุตร โดยให้นำร่อง 3 ปี และติดตามประเมินผลอย่างรอบด้านเพื่อตัดสินใจขยายผลต่อไปp.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'}ภาพจาก:AFP
TNN ช่อง16 • 25 มี.ค. 67
อ่าน
สปสช. ชี้แจงแนวทางส่งต่อผู้ป่วยบัตรทองในกทม. มีใบนัดรพ. รับบริการได้ตามปกติ
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ในการชี้แจงแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยบัตรทองใน กทม. ว่า สปสช.เป็นหน่วยงานทำหน้าที่เหมือนบริษัทประกัน รับจัดสรรงบประมาณปลายปิดจากรัฐบาลและนำมาบริหารจัดการให้ประชาชน 48 ล้านคน เข้าถึงบริการสุขภาพ โดยกระจายงบประมาณไปแต่ละเขตพื้นที่ รวมถึง กทม. มีอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) กำหนดกติกาบริหารงบประมาณ ซึ่งในส่วนการดูแลผู้ป่วยนอกนั้น ใน กทม.จะมีคลินิกชุมชนอบอุ่น ใกล้บ้านใกล้ใจ เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิร่วมให้บริการด้วย ซึ่งการจัดสรรงบประมาณทุกอย่างได้ทำอย่างเป็นขั้นตอนภายใต้ข้อจำกัดงบประมาณอย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาเกิดปัญหางบประมาณผู้ป่วยนอกที่คลินิกชุมชนอบอุ่น ทำให้มีข้อเสนอจากคลินิกเอง ในการปรับวิธีการจัดสรรงบประมาณและได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ทำให้เกิดการร้องเรียนของผู้ป่วยที่มีใบส่งตัวเพื่อรับบริการที่ โรงพยาบาลรับส่งต่อใช้ไม่ได้ และโรงพยาบาลแนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปขอใบส่งตัวที่คลินิกฯ ที่ได้ลงทะเบียนไว้ ขณะที่คลินิกฯ ขอประเมินผู้ป่วยก่อนและจะออกใบส่งตัวให้ผู้ป่วยที่เกินศักยภาพดูแลเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหา โดย สปสช. ได้พยายามแก้ไขอยู่ในขณะนี้ โดยมีประชาชนเป็นตัวตั้ง ช่วงที่ผ่านมาทำให้มีประชาชนใช้ช่องทางสายด่วน สปสช. 1330 จำนวนมากเพื่อให้แก้ไขปัญหา โดยแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ1.กลุ่มผู้ป่วยที่ถึงวันนัดแล้วแต่รับบริการที่โรงพยาบาลไม่ได้ เพราะใบส่งตัวที่เคยใช้ไม่สามารถใช้ได้แล้ว มีประมา 10% ถือเป็นกลุ่มเร่งด่วนที่ต้องดูแล2.กลุ่มมีนัดเข้ารับการรักษาในระยะเวลาอันใกล้ และเกิดความกังวลว่าจะไม่สามรถเข้ารับบริการได้3.กลุ่มที่ยังไม่มีนัด แต่โทรมาสอบถามข้อมูลก่อนดังนั้น สปสช. ขอความร่วมมือในช่วงนี้ให้ผู้ป่วยกลุ่มที่ 1 ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนเข้ารับบริการโทรเข้ามาสอบถามที่สายด่วน 1330 ก่อน เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ขณะเดียวกัน สปสช. เองได้เพิ่มเจ้าหน้าที่เพื่อคอยรับสายเพิ่มเติมอีก 100 คน เพื่อให้บริการประชาชนได้เพิ่มขึ้น หรือฝากข้อความผ่านระบบออนไลน์ของ สปสช.ขณะนี้ สปสช.ได้รับการประสานจากหน่วยบริการภาคเอกเชนเพื่อขอเข้าร่วมจัดเครือข่ายคลินิกชุมชนอบอุ่นให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่ว กทม. เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้สะดวกเพิ่มขึ้นพญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ช่วงก่อนวันที่ 1 มี.ค. 2567 สปสช. ใช้ระบบการจ่ายชดเชยค่าบริการที่เรียกว่า Model 5 มีศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. เป็นหน่วยบริการประจำ และมีคลินิกชุมชนอบอุ่นเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่าย โดยจัดสรรเป็นงบประมาณรวม (Global budget) ที่แบ่งจัดสรรงบเป็น 2 ส่วน คือ งบจ่ายค่าบริการให้กับคลินิกชุมชนอบอุ่นตามรายการปลายปิด (FS.) และงบสำหรับกรณีส่งตัวผู้ป่วยรักษาที่โรงพยาบาล โดยคลินิกได้รับเงินตามจำนวนที่เรียกเก็บและได้รับเงินคงเหลือในช่วงปลายปี เป็นจำนวน 412 ล้านบาทในปี 2564 และ 618 ล้านบาทในปี 2565อย่างไรก็ดีในปี 2566 ด้วยจำนวนการส่งต่อผู้ป่วยไปรับบริการที่ รพ.รับส่งต่อเพิ่มมากขึ้น หลัการหักค่าใช้จ่ายจากการส่งต่อทำให้งบที่จ่ายค่าบริการแก่คลินิกชุมชนอบอุ่นไม่เพียงพอ ทางคลินิกชุมชนอบอุ่นจึงร่วมตัวและมีข้อเสนอเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินเป็น OP New Model 5 ให้เป็นงบเหมาจ่ายรายหัวที่โอนให้คลินิกชุมชนอบอุ่นทั้งก้อน โดยคลินิกฯ จะทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในพื้นที่และส่งต่อผู้ป่วย โดย อปสข. เขต 13 กทม. ได้มีมติตามข้อเสนอและได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมาทพญ.น้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น สปสช. เขต 13 ได้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ หลังเริ่มระบบใหม่ และได้ประชุมร่วมกับคณะทำงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมาต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้แนวทางการส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ กทม. ซึ่งได้เร่งทำการสื่อสารไปยังโรงพยาบาลและคลินิกชุมชนอบอุ่นแล้ว โดยเน้นไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้รับบริการอย่างไรก็ดี ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนทุกท่านว่า ยังสามารถเข้ารับบริการได้เหมือนเดิม แม้จะเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินชดเชยค่าบริการ แต่ระบบการให้บริการไม่ได้เปลี่ยน เพียงแต่ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ คลินิกชุมชนอบอุ่นที่ผู้มีสิทธิบัตรทองได้ลงทะเบียนไว้อยากจะขอดูแลท่านก่อน เพื่อประเมินอาการ หากเกินศักยภาพก็จะมีการส่งต่อโรงพยาบาลทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการปฐมภูมิของตนเองได้ในแอปพลิเคชันหรือไลน์ สปสช. หรือผ่าน สายด่วน 1330 และในกรณีต้องการย้ายหน่วยบริการปฐมภูมิให้ใกล้บ้านหรือใกล้ที่ทำงาน เพื่อความสะดวกการรับบริการก็สามารถย้ายได้ถึงปีละ 4 ครั้งขอย้ำว่า วันนี้ประชาชนท่านที่มีใบนัด มีใบส่งตัวเดิม ท่านไม่ต้องกังวล ขอให้ไปที่โรงพยาบาลรับส่งต่อได้เลย สามารถรับบริการได้ตามปกติ ที่ผ่านมา สปสช. ได้ทำการชี้แจง และโรงพยาบาลรับทราบแนวทางแล้ว โดยสามารถเบิกจ่ายจาก สปสช. ได้ ส่วนกรณีที่มีใบนัด แต่ไม่มีใบส่งตัวก็ให้โรงพยาบาลพิจารณาให้การรักษาแล้วแต่กรณี ซึ่งก็สามารถเบิกกับ สปสช. ได้เช่นกัน ผอ.สปสช.เขต 13 กทม.กล่าว พญ.ลลิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นสำคัญคือเรื่องการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งเป็นจะเป็นดุลยพินิจของหน่วยบริการปฐมภูมิ แต่ในฝั่งประชาชนก็มีความกังวล เพราะด้วยคลินิกชุมชนเป็นผู้ตามจ่าย ดังนั้นในระยะยาวจะต้องมีการจัดทำกลไกระบบส่งต่อเพื่อรองรับประชาชนที่จำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ช่วยลดความขัดแย้งกรณีการส่งต่อ โดยเฉพาะประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่มีความซับซ้อนหรือต้องใช้ยาราคาแพง ซึ่งเกินศักยภาพการดูแลของคลินิกชุมชนอบอุ่นอยู่แล้ว จัดระบบเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่เห็นชอบร่วมกัน เพื่อให้ผู้สามารถเข้ารับบริการได้ตามระบบ โดยไม่ต้องรอดุลยพินิจของหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือขอใบส่งตัว นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการเสนอตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อชี้ขาดกรณีผู้ป่วยไม่ได้รับใบส่งตัวด้วยข้อมูลจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติภาพจาก AFP
TNN ช่อง16 • 16 มี.ค. 67
อ่าน
"30 บาทรักษาทุกที่" เดินหน้าต่อเฟส 2 เพิ่มอีก 8 จ.
จากนโยบายของรัฐบาลที่ได้ยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุขผ่านโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ โดยในเบื้องต้นได้นำร่องใน 4 เขตสุขภาพ คือ จังหวัดแพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และจังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่ 8 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมานั้น สำหรับในเฟส 2 จะมีการขยายเพิ่มอีก 8 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา ในเดือน มี.ค. - เม.ย.นี้ หลังจากนั้นจะดูความพร้อม หากไม่มีปัญหาจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั่วประเทศและขยายทั่วประเทศภายใน 1 ปี คือภายในสิ้นปี 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินงานในเฟส 1 สร้างความพอใจต่อการใช้บริการของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยประชาชนสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาล ร้านขายยา คลินิก แล็บ ได้ทุกสังกัดไม่ว่าภาครัฐ หรือเอกชน ร่วมถึงคลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับบริการที่ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถมารับบริการที่คลินิกทันตกรรมได้นั้น จะเป็นไปตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำหนด คือ บริการตรวจฟัน รวมทั้งงานหัตถการซึ่งจะมี 5 บริการ คือ 1.อุดฟัน 2.ถอนฟัน 3.ขูดหินปูน 4.เคลือบหลุมร่องฟัน และ 5.เคลือบฟลูออไรด์ โดยเบื้องต้น สปสช.กำหนดใช้สิทธิรับบริการได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีงบประมาณ แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องรับบริการเพิ่ม ก็สามารถไปรับบริการต่อในโรงพยาบาลรัฐ หรือรับบริการต่อที่คลินิกโดยชำระเงินเอง
TNN ช่อง16 • 2 มี.ค. 67
อ่าน
บัตรทอง 30 บาท "สปสช." อนุมัติแพทย์ทางไกล ดูแลคนไทยในตปท. เริ่ม 15 ม.ค.
สปสช. อนุมัติระบบบริการ การแพทย์ทางไกลดูแลสุขภาพคนไทย สิทธิบัตรทอง 30 บาท ในต่างประเทศ เริ่ม 15 ม.ค. 67วันนี้ (8 มกราคม 2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บอร์ด สปสช. ได้มีมติรับทราบ แนวทางการจัดระบบบริการเพื่อดูแลคนไทยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในต่างประเทศผ่านระบบบริการการแพทย์ทางไกล เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับประชาชนชาวไทยที่อาศัยหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศโดยมอบสิทธิประโยชน์นวัตกรรมบริการที่ช่วยเพิ่มการเข้ารับบริการให้ประชาชน อย่างสิทธิประโยชน์บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ในกรณีที่ผู้มีสิทธิบัตรทองมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illness) สามารถรับบริการการแพทย์ทางไกลผ่านแอปพลิเคชันด้านสุขภาพของผู้ให้บริการการแพทย์ทางไกล 4 แห่ง ที่เป็นหน่วยบริการในระบบของ สปสช. ได้ 4 แอปพลิเคชันที่ร่วมให้บริการกับ สปสช. ประกอบด้วย1. แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @Sooksabaiclinic ลงทะเบียนรับบริการได้ที่ https://telemed.salubermdthai.com/2. แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @clicknic3. แอปพลิเคชัน Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @mordeeapp ลงทะเบียนรับบริการได้ที่ https://form.typeform.com/to/qKY8gV4X4. โททอลเล่เทเลเมด (Totale Telemed) โดยเดอะโททอลเล่คลินิก สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี @totaleบริการนี้จะเป็นการพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อขอรับคำปรึกษาในเรื่องสุขภาพ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างความอุ่นใจด้านสุขภาพให้กับคนไทยที่อยู่ในต่างแดนได้ ส่วนเรื่องยานั้น การส่งยาไปจากประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดขัดในด้านกฎหมายดังนั้น ผู้ให้บริการเทเลเมดิซีนอาจออกใบสรุปอาการและยาที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ป่วยที่ต้องไปพบบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศนั้น ๆ เพื่อรับการดูแลต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการรับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nhso.go.th หรือโทรสายด่วน 1330 หรือเพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. พิมพ์ @nhso สอบถามข้อมูล นายคารม กล่าวแฟ้มภาพ AFP
TNN ช่อง16 • 8 ม.ค. 67
อ่าน
ปีใหม่ 2567 หากเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต ประชาชนเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้
รัฐบาลย้ำประชาชนเดินทางปีใหม่ 2567 หากเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ สิทธิ UCEP/บัตรทองพร้อมดูแลนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นี้ที่มีวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางต่างจังหวัดเพื่อกลับบ้านหรือเยี่ยมเยียนครอบครัวรัฐบาลโดยนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. ดูแลพร้อมแจ้งผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล โดยในการเข้ารับบริการแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนี้1. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติถึงแก่ชีวิต หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ของรัฐบาล โดยยื่นเพียงบัตรประชาชนใบเดียวและแจ้งใช้สิทธิ UCEP ซึ่งจะเข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายปัจจุบัน สปสช.มีระเบียบการเบิกจ่ายในส่วนของ UCEP ภาครัฐด้วย เพิ่มเติมจากอดีตที่มีการเบิกจ่ายสิทธิ UCEP ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นั่นหมายความว่าโรงพยาบาลรัฐที่รับการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิตด้วยสิทธิ UCEP ก็จะเบิกจ่ายได้เช่นเดียวกับโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาผู้ป่วยตามสิทธิ UCEPสำหรับสิทธิ UCEP นั้นผู้ป่วยจะได้รับการรักษาจนพ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย โดยเมื่อพ้น 72 ชั่วโมง จะส่งรักษาต่อที่หน่วยบริการประจำ โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามอัตราที่กำหนด กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร. สายด่วน 1669 ได้ทั่วประเทศทั้งนี้ 6 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤต ประกอบด้วย1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ2. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง3. เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง4. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม5. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด6. มีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมอง ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งนี้ หากป่วยฉุกเฉินแต่ ไม่วิกฤตถึงแก่ชีวิต สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐที่ใกล้ที่สุด โดยยื่นเพียงบัตรประชาชนใบเดียวและแจ้งใช้สิทธิบัตรทองหรือสิทธิ 30 บาท2. กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤติ หรือผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่นแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง ไข้หวัด ปวดท้อง เคืองตา ทำแผลต่อเนื่อง ตัดไหม หรือยาหมด (ต้องกินยาต่อเนื่องแต่ยาหมดระหว่างเดินทางไปต่างพื้นที่ มาขอรับยาได้) ฯลฯสามารถเข้ารักษาได้ที่หน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น รพ.สต. สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชน โรงพยาบาลประจำอำเภอ หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาลประจำจังหวัด รวมถึงศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และคลินิกชุมชนอบอุ่น โดยยื่นบัตรประชาชนและแจ้งใช้สิทธิบัตรทอง3. กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย สปสช. ได้ร่วมกับสภาวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข เพิ่มบริการให้ประชาชนมีความสะดวกมากขึ้นดังนี้- เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว ปรึกษาเภสัชกรและรับยาได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้ทั่วประเทศ ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสังเกตสติกเกอร์ ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/204- เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ยื่นบัตรประชาชนใบเดียว เข้ารักษาโรคเบื้องต้นตามขอบเขตวิชาชีพได้ที่คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่นกว่า 600 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ สังเกตสติกเกอร์ คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น- เจ็บป่วยเล็กน้อย 42 อาการ หากอยู่ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) มีที่อยู่ให้จัดส่งยาได้ พบหมอออนไลน์ รอรับยาที่บ้านผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพ 4 ช่องทาง ดูรายละเอียดที่ https://www.nhso.go.th/news/4078ส่วนประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ในกรณีที่เจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 สามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยผู้ป่วยกลุ่มไม่มีอาการหรือเจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถรับบริการรับยาที่ร้านยา บริการโควิด-19 ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และบริการปฐมภูมิทุกที่ได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขอให้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ โดย สปสช. ยังคงสิทธิประโยชน์บริการเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างต่อเนื่องภาพจาก AFP
TNN ช่อง16 • 28 ธ.ค. 66
อ่าน
สปสช.เพิ่มยารักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลามสิทธิบัตรทอง 30 บาท
p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 18.0px Thonburi} p.p2 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 18.0px Thonburi; min-height: 24.0px}วันนี้ ( 13 พ.ย. 66 ) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติชอบเห็นชอบให้เพิ่มเติมรายการ ยาไรโบไซคลิบ (Ribociclib) เข้าไปอยู่ในแผนจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ซึ่งจะเป็นการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามให้เข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในที่ประชุม ยังมอบหมายให้สปสช. ติดตามการเข้าถึงยาและการใช้ ยาไรโบไซคลิบนี้ อย่างใกล้ชิด และรายงานสถานการณ์ต่อบอร์ด สปสช. ผ่านคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดําเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนทุก 6 เดือนนพ.ชลน่าน ระบุอีกว่า จากมติบอร์ดสปสช. ในครั้งนี้จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามสามารถเข้าถึงยาไรโบไซคลิบได้ จากแต่เดิมที่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองยังเข้าไม่ถึงยารักษานี้ ด้วยเป็นยาใหม่ที่มีราคาแพง นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สนับสนุนนโยบายมะเร็งครบวงจร เพื่อยกระดับ 30 บาท Upgrade ภายใต้ Quick win ด้านสาธารณสุขของรัฐบาล ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งให้ได้รับบริการอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงยาที่มีประสิทธิภาพในปีงบประมาณ 2567 นี้ด้านนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตามแผนการจัดซื้อยาของ สปสช. ในปีงบประมาณ 2567 ได้มีแผนที่จะจัดซื้อยานิโลตินิบ (nilotinib) ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว รวมงบประมาณราว 301.63 ล้านบาท ต่อมาบริษัทที่จำหน่ายยามะเร็งดังกล่าวนี้ ได้นำเสนอยาไรโบไซคลิบที่เป็นยาใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดยเสนอปรับลดราคายานิโลตินิบ และยาไรโบไซคลิบจากข้อเสนอดังกล่าวนี้ ทำให้ สปสช. จัดซื้อยานิโลตินิบได้จำนวนเท่าเดิม ในราคาที่ลดลง ขณะเดียวกันได้จัดซื้อยาไรโบไซคลิบสำหรับดูแลผู้ป่วย 876 คน.p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'}ภาพจาก:AFP
TNN ช่อง16 • 13 พ.ย. 66
อ่าน
รีวิว ผ่าฟันคุด โรงพยาบาลรัฐ สิทธิบัตรทอง 30 บาท ดีหรือไม่ดี?
การผ่าฟันคุด ถือเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรทำก่อนอายุ 25 ปีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะอายุก่อนหน้านั้นร่างกายของเราจะยังสามารถฟื้นตัวได้เร็ว อีกทั้งรากฟันและกระดูกก็ยังไม่ได้แข็งมากนัก แต่เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนที่มีฟันคุดน่าจะกำลังกลัวหรือไม่แน่ใจว่าจะไปผ่าดีไหม เพราะดูแล้วน่ากลัวมาก ๆ ในบทความนี้ SunnysisterStudio จะมาแชร์ประสบการณ์การผ่าฟันคุดแบบเรียล ๆ ในวัย 2X ปีให้ได้อ่านประกอบการตัดสินใจค่ะ อีกทั้งยังเป็นการผ่าฟันคุดโรงพยาบาลรัฐ จ่ายแค่ 30 บาทเท่านั้น (หลายคนกลัวว่าจ่ายน้อยแล้วจะได้รับการบริการดีไหม) สามารถอ่านรีวิวนี้ได้เลยค่ะทำไมต้องผ่าฟันคุด?ฟันคุด (Wisdom Tooth) เป็นฟันที่มีลักษณะดังนี้ฟันคุดที่ขึ้นแนวตรงฟันคุดที่ขึ้นแนวนอนฟันคุดที่ขึ้นแนวเฉียงซึ่งฟันคุดแม้ในตอนแรกเราจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด แต่ฟันคุดสามารถทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ จากการที่เราไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดภาวะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ฟันผุที่ฟันกรามซี่ข้างเคียง เนื่องจากฟันคุดอาจดันฟันข้างเคียงให้เอียงหรือเคลื่อนตัวไป ซึ่งทำให้ทำความสะอาดบริเวณซอกฟันได้ยาก เศษอาหารและแบคทีเรียจึงมีโอกาสสะสมและทำให้เกิดฟันผุได้เหงือกอักเสบหรือติดเชื้อ เศษอาหารและแบคทีเรียที่สะสมบริเวณฟันคุดอาจทำให้เกิดเหงือกอักเสบหรือติดเชื้อ ซึ่งอาจลุกลามไปยังกระดูกขากรรไกรและเนื้อเยื่อรอบข้างได้มีกลิ่นปาก เนื่องจากเหงือกที่อักเสบ ฟันผุ และเศษอาหารตกค้างปวดฟัน ฟันคุดอาจดันฟันข้างเคียงหรือกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดฟันสูญเสียฟัน หากฟันคุดเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้สูญเสียฟันข้างเคียงหรือฟันคุดเองได้นอกจากนี้ การไม่ผ่าฟันคุดออกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่นการติดเชื้อในกระแสเลือดถุงน้ำหรือเนื้องอกในบริเวณฟันคุดการแตกหักของกระดูกขากรรไกรหลังจากที่รู้ข้อเสียของการมีฟันคุดแล้ว แนะนำว่าเพื่อน ๆ ควรรีบไปผ่าฟันคุดตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการเจ็บปวดหรืออักเสบจะดีที่สุด เพราะเมื่อไปผ่าฟันคุดตอนที่มีอาการอักเสบแล้ว จะมีข้อเสียหลายประการ เช่น อ้าปากได้น้อย (คุณหมอฟันจะทำงานได้ยากขึ้น ตัวเราเองก็จะเจ็บด้วย), ยาชาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ (ข้อนี้แอบน่ากลัว) ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังปวดฟันคุด จากประสบการณ์ของไรท์ ไรท์จะไปปรึกษากับคุณเภสัชที่ร้านยา เขาก็จะจ่ายยาฆ่าเชื้อ (Antibiotic) มาให้ เมื่อกินจนหายดีแล้วค่อนไปผ่าฟันคุดออกภายหลังนะคะวิธีเช็คว่ามีฟันคุดไหม?การที่เราจะรู้ได้ว่าตัวเองมีฟันคุดไหม ข้อสังเกตแรกให้นับฟันแท้ในปาก ถ้ามีครบ 32 ซี่ขึ้นได้ตามปกติ ก็หมายความว่า "เราไม่มีฟันคุด" ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ แต่ถ้าใครที่ฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบ 32 ซี่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีฟันคุด แนะนำให้เข้าไปปรึกษาคุณหมอฟันเพื่อทำการเอ็กซ์เรย์ต่อไปค่ะส่วนตัวคุณหมอเคยมาตรวจสุขภาพช่องปากให้ที่โรงเรียนสมัยที่เรียนม.ปลาย คุณหมอก็บอกเลยว่าเรามีฟันคุดนะ เพราะตอนนั้นมีฟันแค่ 28 ซี่ค่ะ ขั้นตอนการผ่าฟันคุด โรงพยาบาลรัฐขั้นตอนการเข้าไปผ่าฟันคุดที่โรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นระบบที่คล้าย ๆ กัน เราขอเล่าประสบการณ์ขั้นตอนการไปผ่าฟันคุดที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ที่เราไปใช้บริการ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนต่อไปนี้1. จองคิวออนไลน์พบคุณหมอ เพื่อจองคิวผ่าฟันคุดขั้นตอนแรกเราก็ต้องจองคิวเพื่อไปปรึกษากับคุณหมอฟันก่อนว่าเราอยากผ่าฟันคุด ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลก็มีระบบจองคิวแตกต่างกันไป ของเราใช้การ "จองคิวออนไลน" ก็จะสะดวกมาก ๆ ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปจับบัตรคิว แถมเลือกวันและเวลาเข้ารักษาได้ด้วยนะ (มี Slot เวลาให้เลือก)2. พบคุณหมอและแจ้งความต้องการเมื่อเราผ่านการซักประวัติกับคุณเจ้าหน้าที่แล้ว เราก็แจ้งไปเลยว่า "มาผ่าฟันคุดค่ะ" คุณเจ้าหน้าที่ก็จะทำคิวให้เราได้พบกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าฟันคุด (ของเรารอไม่นานเลยค่ะ ประมาณ 5-10 นาทีก็ได้พบคุณหมอแล้ว)คุณหมอที่เราได้เข้ารับการรักษาเป็นคุณหมอเฉพาะทางที่จบวุฒิบัตรทันตกรรมทั่วไปนะคะ เขาก็จะมีความเชี่ยวชาญสามารถผ่าฟันคุด/ถอนฟันคุดได้อย่างชำนาญค่ะ คุณหมอก็จะเช็คฟันคุดซี่ที่เราจะผ่าว่ามันอักเสบไหม ต้องรับการรักษาอย่างไร ต้องเอ็กซ์เรย์ช่องปากไหม (อยู่ที่ดุลยพินิจของทันตแพทย์) ในเคสของเราไม่ได้ X-Ray ค่ะ เพราะฟันโผล่ขึ้นมาเกือบทั้งซี่แล้ว จากนั้นคุณหมอก็จะนัดคิวให้เรา ซึ่งของเราคิวก็ยาวนิดนึงได้มาทำอีกทีประมาณ 2 เดือนค่ะ3. เข้าพบคุณหมออีกครั้ง เพื่อผ่าฟันคุดออกเวลา 2 เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก หลังจากที่มาที่โรงพยาบาลก็ทำการวัดความดันแล้วยื่นใบนัดให้เจ้าหน้าที่ได้เลย แล้วนั่งรอคุณหมอเรียกเข้าไปในห้องทำฟันค่ะ4. เซ็นใบยินยอมรับการรักษาคุณหมอจะให้เราเซ็นยินยอมการรักษา ในนั้นมีเนื้อความเกี่ยวกับการแจ้งอาการแทรกซ้อนจากการผ่าฟันคุด ถ้าเราอ่านแล้วรับได้ก็เซ็นรับการรักษาได้เลย ถ้าเป็นน้อง ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องมีลายเซ็นผู้ปกครองค่ะ5. ฉีดยาชาเพื่อให้เราไม่เจ็บปวดระหว่างการผ่าฟันคุด คุณหมอก็จะต้องฉีดยาชาให้ค่ะ ของเราตอนแรกโดนไป 2 เข็ม แต่เราไม่รู้ว่าอาการชามันเป็นยังไง เพราะไม่รู้สึกเลยว่าชา คุณหมอกลัวเราเจ็บก็เลยฉีดให้อีก 1 เข็มแล้วเทสดู ปรากฏว่าชาแล้ว คุณหมอก็เลยลงมีดเลยค่ะ6. เริ่มผ่าฟันคุดระหว่างผ่าฟันคุด คุณหมอจะบอกว่าอาการชาไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้สึกอะไรเลยนะ แต่เป็นอาการที่ไม่เจ็บปวด ซึ่งบอกเลยว่าเราก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บนะคะ แต่รู้สึกว่าคุณหมอเขาดึงฟันออกลำบากนิดนึงเราก็เลยรู้สึกตึง ๆ หน่อย แต่ทนได้ค่ะ ระหว่างที่เรามือสั่นด้วยความตกใจอยู่ คุณผู้ช่วยก็ปลอบใจพยายาม Cheer Up ไปพร้อม ๆ คุณหมอ (ตอนนี้คุณหมอเริ่มเหนื่อยกับฟันคุดแสนดื้อของเราละ) เราก็รู้สึกว่าเอ้อ...ผ่าฟันคุดนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันแฮะ (เพื่อน ๆ ที่กำลังไปผ่า ไม่ต้องกลัวนะ ความยากง่ายมันแล้วแต่เคสค่ะ ที่สำคัญคือไปผ่าเถอะ อย่าเก็บไว้เลยค่ะ)พอผ่าเสร็จคุณหมอก็บอกว่า "เหลือแค่เย็บแผลแล้ว" ได้ยินอย่างนั้นเราก็ใจชื้นละค่ะ เพราะ Finally มันเสร็จแล้ว!! ขุ่นพระ ในที่สุดก็รู้สึกว่านี่มันจะจบแล้ว พอระหว่างที่ฟันออกไป เริ่มรู้สึกว่าปากชาค่ะ (เป็นความรู้สึกที่เหมือนปากเรามันบวม ๆ ตุ่ย ๆ แต่พอดูเอ้ะ มันก็ไม่ตุ่ยนะ ชาไล่มาถึงคางเลยค่ะ ซึ่งนี่แหละค่ะที่เรียกว่าอาการชา) แล้วคุณหมอก็จะให้เรากัดผ้าก๊อซไว้ 1 ชม. เพื่อห้ามเลือดค่ะ และคุณหมอก็จะนัดให้มาตัดไหมภายใน 7-10 วันค่ะ7. คุณผู้ช่วยให้ถุงน้ำแข็งมาประคบพอทำการผ่าฟันคุดเสร็จ คุณหมอก็บอกกับเราว่า "อาจจะมีอาการบวมเล็กน้อยนะ กินยาที่หมอสั่งให้เดี๋ยวก็หาย" ได้ยินแล้วก็โอเคค่ะ แต่ตอนนั้นยังมึน ๆ งง ๆ ก็ขอบคุณคุณหมอแล้วคุณพี่ผู้ช่วยก็ไปเอาถุงน้ำแข็งประคบกับผ้าก๊อซสำหรับเปลี่ยนมาให้ค่ะ เราก็ประคบทันทีเลยเพราะกลัวหน้าบวม8. จ่ายเงิน รับยา กลับบ้านเมื่อทุกอย่างเสร็จแล้ว เราก็เดินออกไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ค่ะ จ่ายเพียง 30 บาทเท่านั้น!! เพราะใช้สิทธิบัตรทองค่ะ จากนั้นก็ไปรับยา 2 ตัว คือ Ibruprofen เพื่อแก้ปวด และ Amoxicillin เพื่อฆ่าเชื้อค่ะ 9. ตัดไหมผ่าฟันคุดของเราคุณหมอเว้นไปประมาณ 10 วันค่ะหลังจากผ่าฟันคุดให้เข้ามาตัดไหม ซึ่งการตัดไหมไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรเลยค่ะ (แทบไม่รู้สึกเลยว่าหมอทำอะไรกับเรา แค่ไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว) ซึ่งคุณหมอก็จะดูด้วยว่าแผลเราโอเคไหม ติดเชื้อหรือเปล่าค่ะ การเตรียมตัวก่อนผ่าฟันคุด1. รับประทานอาหารให้พออิ่มท้องแนะนำเพื่อน ๆ ให้ทานอาหารไปให้อิ่มพอประมาณ (ไม่ต้องอิ่มเกินนะคะ เดี๋ยวอาจจะปวดท้องได้) เพราะหลังจากผ่าฟันคุดไปแล้วอาจรับประทานอาหารลำบาก ถ้าหิวขึ้นมานี่แย่เลย ดังนั้นกินตุนเก็บไว้ก่อนดีกว่าค่ะ2. อย่าขับรถไป-กลับเองแนะนำเพื่อน ๆ ว่าควรมีคนไปเป็นเพื่อนหรือเรียกใช้รถรับส่งจะดีกว่าค่ะ เพราะหลังจากที่ผ่าฟันคุดเสร็จเราต้องรอให้ลิ่มเลือดออกมาปิดบาดแผล ดังนั้นการขับรถเองก็อาจจะไม่สะดวกนะคะแนะนำแอปเรียกรถ Bolthttps://intrend.trueid.net/post/3780353. คนที่มีโรคประจำตัวให้นำยาไปด้วยหากเพื่อน ๆ คนไหนมีโรคประจำตัว แพ้อาหารทะเล หรือเป็นไทรอยด์ อย่าลืมแจ้งคุณหมอและเจ้าหน้าที่นะคะ แนะนำให้นำยาที่ทานประจำไปแจ้งให้คุณหมอทราบด้วยค่ะ เขาจะได้วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยนะคะการดูแลตัวเองหลังผ่าฟันคุดหลังจากที่เราผ่าฟันคุดไปแล้วบอกเลยว่าไม่ได้ปวดขนาดนั้นค่ะ เราเคยฟันคุดอักเสบมาก่อนหน้านี้บอกเลยว่าอันนั้นเจ็บกว่ามาก ๆ อ้าปากไม่ได้ กินอะไรไม่ได้เลย แต่สำหรับหลังผ่าฟันคุดเราก็อ้าปากไม่ค่อยได้ค่ะ (แต่น้อยกว่า) เราใช้วิธีการไม่ทานอาหารที่ต้องเคี้ยวเยอะ ๆ หรือทานแล้วจะมีเศษอาหารค่ะเพราะดูแลเรื่องความสะอาดได้ลำบาก1. การรับประทานอาหารเมนูที่เราเลือกทานช่วงรักษาตัวหลังผ่าฟันคุดก็จะมี โยเกิร์ต (แช่เย็น ๆ ทานได้เลยไม่ต้องเคี้ยว ไม่มีอุดตันแผล) / โจ๊ก (ทานง่าย แต่อาจมีเนื้อสัตว์เล็ก ๆ ที่ต้องเคี้ยวด้วย) / น้ำมะพร้าว (ช่วยลดบวม) / ไอศกรีม (ทานง่าย ไม่ต้องเคี้ยว อร่อย แต่อย่าเลือกรสชาติที่หวานมาก ๆ นะคะ มันจะแสบคอได้ค่ะ) / น้ำเปล่า (ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ) / วิตามินซี (เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย)2. การดูแลความสะอาดช่องปากถ้าเพื่อน ๆ เริ่มรู้สึกว่าเริ่มอ้าปากได้แล้ว ต้องแปรงฟันนะคะ เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากลดโอกาสที่แผลจะหายช้าได้ค่ะ (ไม่จำเป็นต้องแปรงโดนแผลนะคะ ถ้าเจ็บอยู่ให้แปรงเฉพาะฟันค่ะ) จากนั้นก็บ้วนด้วย "น้ำเกลือ" บ่อย ๆ ช่วยให้แผลหายไวขึ้นได้ค่ะ3. การประคบใน 48 ชั่วโมงให้ประคบด้วยน้ำแข็งห่อด้วยผ้าหรือกระดาษ เพื่อให้เลือดแข็งตัวค่ะ จากนั้น 2-3 วันก็ประคบด้วยน้ำอุ่น ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว เลือดไหลเวียนสะดวก ส่วนตัวแทบไม่บวมเลยค่ะหลังจากประคบตามนี้4. การรับประทานยาเราต้องรับประทานยาที่คุณหมอและคุณเภสัชจ่ายให้อย่างเคร่งครัด ตรงเวลา และถูกต้องเป๊ะ ๆ นะคะ โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ เพราะถ้าทานไม่หมดอาจดื้อยาได้ (ซึ่งเป็นเรื่องที่แย่สุด ๆ เลย) ส่วนตัวไม่ค่อยเจ็บจากการผ่าฟันคุดเลยค่ะเพราะคุณหมอให้ทานยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมง ครั้งละ 1 เม็ด สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้อย่างดีอาการแทรกซ้อนจากการผ่าฟันคุดหากฟันคุดอยู่ลึกมาก ๆ อาจโดนเส้นประสาทและทำให้อาจมีอาการแทรกซ้อนได้ เช่น อาการชาไม่หาย แนะนำให้เพื่อน ๆ ทานวิตามินบี 12 เพื่อบำรุงเส้นประสาทค่ะสุดท้ายนี้อยากแนะนำเพื่อน ๆ ที่กำลังลังเลหรือกลัวการผ่าฟันคุด บอกเลยว่า "ต้องไปผ่านะคะ" เพราะถ้ายิ่งเก็บไว้นาน อายุก็มากขึ้น การผ่าตัดก็จะมีความซับซ้อนมากขึ้น แผลหายช้ากว่าตอนอายุน้อย ๆ ด้วยค่ะ แต่สุดท้ายแล้วเพื่อน ๆ สามารถปรึกษาและบอก Condition ส่วนตัวของตัวเองให้คุณหมอทราบเพื่อพิจารณาการรักษาได้เลยค่าคะแนนความพอใจ การผ่าฟันคุดขอให้คะแนนคุณหมอและเจ้าหน้าที่ทุกคน 8.5/10 ค่ะ หักเรื่องการรอคิวนาน 2 เดือนนะคะ นอกนั้นการบริการของทุกคนคือใส่ใจและใจดีมาก ๆ คุณหมอเองก็พยายามรักษาอย่างเต็มที่เลยค่ะ ไม่มีตวาดใส่คนไข้ หรือบูลลี่ช่องปากของคนไข้เลยสักครั้งเดียวค่ะ📌บทความดี ๆ ที่ไม่อยากให้พลาดhttps://intrend.trueid.net/post/378002ขอบคุณภาพหน้าปกภาพที่1: Piyaphat ขอบคุณภาพประกอบภาพที่1: ArtPhoto_studio / ภาพที่2: jcomp / ภาพที่3: pressfotoHASHTAG#ผ่าฟันคุด #ทำฟัน #ถอนฟันคุด #พบหมอฟัน #หมอฟัน #ทันตกรรม #Dentalเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
SunnysisterStudio • 31 ต.ค. 66
อ่าน
รีวิว...ขั้นตอนรับยาไม่มีค่าใช้จ่ายกรณีการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการสำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง
ไม่สบายเล็กน้อย ปวดหัว เป็นไข้ เจ็บคอ แต่ไม่อยากไปโรงพยาบาลเพราะใช้เวลานานทำอย่างไรดี ?สำหรับหลายคนอาจจะไม่ทราบว่ามีบริการรับยากรณีเจ็บป่วยอาการเล็กน้อย 16 อาการสำหรับผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่คนไทยหลายคนพูดติดปากกันว่า "สิทธิบัตรทอง" โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นะครับ โดยสามารถรับบริการได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการพร้อมให้คำปรึกษาการใช้ยาโดยเภสัชกร (ร้านยาคุณภาพของฉัน)บริการนี้ได้เริ่มมาสักประมาณช่วงปลายปี 2565 คือเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาแล้วนะครับ ผู้เขียนเองนั้นก็ใช้บริการมาประมาณ 3-4 ครั้งแล้วในกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย ครั้งนี้ผู้เขียนมีอาการท้องผูก และไม่อยากไปโรงพยาบาลเนื่องจากต้องใช้เวลานานและไม่สะดวก ทั้งอาการที่เป็นเป็นอาการป่วยเล็กน้อยไม่มีภาวะอื่นใด เลยได้ใช้บริการอีกครั้ง ณ ร้านยาคุณภาพของฉันในตัวจังหวัดขอนแก่นแห่งหนึ่ง บทความนี้ผู้เขียนจะขอรีวิวหรือเปิดขั้นตอนในการรับยาว่าต้องทำอย่างไรบ้าง อาการเช่นไหนเป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการที่เข้าข่ายที่สามารถใช้บริการได้ และจะรู้ได้อย่างไรว่าร้านยาร้านไหนที่เข้าร่วมให้บริการจะสังเกตอย่างไร และหากเกิดปัญหาสามารถติดต่อหน่วยงานไหนได้บ้าง ให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ กรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองก็สามารถเดินเข้าไปร้านยาคุณภาพของฉันเพื่อรับบริการจากเภสัชกรได้เลยนั่นเองครับใครที่สามารถใช้สิทธิบริการรับยาไม่มีค่าใช้จ่ายกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการได้บ้าง ?ประชาชนที่สามารถใช้สิทธิบริการรับยาไม่มีค่าใช้จ่ายกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยนี้ได้นั่นคือ "ประชาชนที่ใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ" หรือสิทธิบัตรทองนั่นเองครับ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรณีอายุ 7 ขวบขึ้นไปสามารถใช้สิทธิด้วย บัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียวได้เลย (เอาบัตรจริง ๆ ไปนะครับ ไม่ใช่สำเนาหรือรูปถ่ายนะเพราะต้องเสียบเครื่องเข้าถึงข้อมูลของเรานั่นเอง)กรณีอายุต่ำกว่า 7 ขวบลงมาสามารถใช้สิทธิ ผ่านใบสูติบัตร หรือใบเกิด พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครองอาการแบบไหนที่เป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยเข้าข่ายครอบคลุม 16 อาการ ? ไข้ไอเจ็บคอปวดหัวเวียนศีรษะปวดท้องท้องเสียท้องผูกปัสสาวะลำบาก, ปัสสาวะขัด, ปัสสาวะเจ็บตกขาวผิดปกติปวดข้อเจ็บกล้ามเนื้อบาดแผลอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่น คันความผิดปกติต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงตาความผิดปกติต่าง ๆ เกี่ยวกับหูขั้นตอนการรับบริการทำอย่างไรบ้าง ?เริ่มต้นด้วยการสังเกตอาการตัวเอง หากเข้าข่ายเจ็บป่วยอาการข้างต้น สามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ผ่านลิงก์นี้ได้ : รายชื่อร้านยาคุณภาพของฉัน กรณีครั้งแรกให้เลือกที่ใกล้บ้านที่เราสามารถไปรับบริการได้กรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อยนี้อีกครั้งต่อไปก็ไปร้านเดิมที่เราเคยไปครับจะได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นมากกว่า และสังเกตบริเวณหน้าร้านจะมีสติ๊กเกอร์ร้านยาคุณภาพของฉันให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อยติดอยู่บริเวณหน้าร้านขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับนำบัตรประจำตัวประชาชนบัตรจริงให้เภสัชกร แจ้งว่า รับบริการรับยาเจ็บป่วยเล็กน้อย สิทธิบัตรทอง เภสัชก็จะนำบัตรเราไปตรวจสอบข้อมูลก่อนว่า เราใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทองจริงหรือเปล่า หากถูกต้องทุกอย่างก็สามารถรับบริการได้ครับเภสัชกรจะสอบถามอาการเจ็บป่วยของเรา เรามีอาการเช่นไรก็ตอบไปให้หมดนะครับ ไม่ควรปกปิดความผิดปกติของโรคเด็ดขาด เภสัชกรก็จะซักประวัติ อาการเรา หลังจากนั้นก็จะสอบถามอาการแพ้ยา ถ้ามีอาการแพ้ยาควรแจ้งเภสัชกรทันที เพราะสำคัญมาก ๆ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องอะไรก็ได้นะครับ สำหรับการแพ้ยานี้ เภสัชกรจะจ่ายยาให้เราตามอาการ พร้อมแนะนำวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับเราในฐานะผู้รับบริการ (กรณีที่ส่งต่อ เภสัชกรจะแนะนำให้ไปพบแพทย์หากอาการที่เป็นอยู่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์)หลังจากนั้น 3 วัน เภสัชกรจะติดต่อมาที่เบอร์โทรศัพท์ของเราเพื่อสอบถามและเช็กอาการป่วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง หากยังไม่ดีขึ้นเภสัชกรจะมีคำแนะนำเพิ่มเติม หากอาการน่าสงสัยก็จะแนะนำให้เราไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยหาโรคและรักษาต่อไป (เป็นขั้นตอนการคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ตามวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระของแพทย์ในการที่จะต้องดูแลและให้เวลาเคสผู้ป่วยหนัก ๆ โรงพยาบาลก็จะไม่แน่นเกินไปจนเกิดความยุ่งยากในการทำงานของเจ้าหน้าที่นั่นเอง) แต่ถ้าอาการหายเป็นปกติ ไม่มีอาการอื่นใด ก็แจ้งเภสัชกรได้เลยก็ถือว่าสิ้นสุดการรับบริการนั่นเองครับเป็นอย่างไรบ้างครับ ขั้นตอนการรับบริการ ง่ายนิดเดียวเลยใช่ไหม มากไปกว่านั้นคือการที่สะดวกต่อเรามาก ๆ เลย ไม่ต้องเสียเวลานานด้วย อย่าลืมนะครับสิทธิบัตรทองรับยากรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ที่ร้านยาคุณภาพของฉันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใกล้บ้านของทุกคนได้เลย สำหรับผู้เขียนรู้สึกว่ามีความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่าเราไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลเนื่องจากคนเยอะมาก ๆ การเป็นไปตามขั้นตอนเลยใช้เวลานาน แต่กรณีที่รับยาที่ร้านยาจะเป็นการคัดกรองเบื้องต้นว่าเราสามารถรับยาได้หรือควรไปโรงพยาบาลกรณีที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ อีกประการหนึ่งเป็นการเลี่ยงการเจอผู้คนมากมาย โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีแต่คนป่วยและคนใกล้คนป่วยนั่นเอง เป็นการป้องกันการติดเชื้อโรคอื่น ๆ ที่เป็นความเสี่ยงที่จะได้รับจากคนไข้คนอื่นใครที่กำลังเจ็บป่วยอยู่ผู้เขียนเองขอให้หายเร็ว ๆ นะครับหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถาม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้Line LD : @nhso (ช่องที่สะดวกมาก หากไม่เร่งด่วนมากผู้เขียนแนะนำผ่านช่องนี้เลยครับ)สายด่วน สปสช. : 1330 (ตลอด 24 ชั่วโมง)เว็บไซต์ : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติFacebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเครดิตภาพประกอบภาพหน้าปก : ออกแบบโดยผู้เขียนผ่านโปรแกรม Canva (Pro)ภาพประกอบที่ 1 : สปสช. ภาพประกอบที่ 2 : สปสช. / ภาพประกอบที่ 3 : โดยผู้เขียน /ภาพประกอบที่ 3 : ออกแบบโดยผู้เขียนผ่านโปรแกรม Canva (Pro)ขอขอบคุณ : ข้อมูลดี ๆ จากพี่เภสัชกรประจำร้านยาด้วยนะครับเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ผีเสื้อถุงทอง • 26 ก.ย. 66
อ่าน
สิทธิบัตรทอง รักษาฟรี! ใครโดนแมวข่วน หมากัด รับวัคซีน ไม่มีค่าใช้จ่าย
ข่าววันนี้ โดนแมวข่วน หมากัด เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไหม? ใช้สิทธิบัตรทอง 30 ได้ไหม? วันนี้มีคำตอบดี ๆ จาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิบัตรทอง ทั้งนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แจ้งประชาชนสิทธิ บัตรทอง หรือ บัตรทอง 30 บาท หากผู้ถือบัตรถูกสุนัขกัด หรือแมวข่วนสามารถเข้ารับการรักาาและรับวัคซีน ได้ที่หน่วยบริการที่ใกล้ที่สุด ฟรี ซึ่ง กรณี สุนัขกัด หรือแมวข่วนถือเป็นกรณีอุบัติเหตุ สามารถเข้ารับการรักษาและรับวัคซีน ที่หน่วยบริการที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รู้จัก! โรคพิษสุนัขบ้า โรคพิษสุนัขบ้า หรือ โรคกลัวน้ำ เกิดจากเชื้อไวรัสเรบี่ส์ สัตว์ที่นำโรคได้ คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น สุนัข แมว กระต่าย กระรอก กระแต หนู ลิง ฯลฯ การติดต่อ ถูกสัตว์ที่เป็นโรคนี้ กัด ข่วน เลียแผล น้ำลายของสัตว์เข้าจมูก ปาก ตา ติดต่อโดยการหายใจ มักเกิดจากมีไวรัสในอากาศจำนวนมาก เช่น ในถ้ำค้างคาง ติดต่อโดยการกินเนื้อสัตว์ที่ตายจากโรคพิษสุนัขบ้า อาการที่พบในคน มีไข้ เจ็บคอ อ่อนเพลีย คันบริเวณแผล กลัวแสง/กลัวลม เบื่ออาหาร กระวนกระวาย กลัวน้ำ หนาวสั่น หายใจขัด และเสียชีวิต*ปัจจุบัน หากติดเชื้อจนแสดงอาการยังไม่มีทางรักษา คำแนะนำ เมื่อโดนแมวข่วน หมาหัด เมื่อถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด ข่วน เลีย ล้างแผลด้วยสบู่ หรือน้ำสะอาด อย่างเบาๆ หลายๆครั้ง ใส่ยา เบตาดีน บริเวณที่ถูกกัด/ข่วน ไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีน และไปตามนัดทุกครั้ง สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี เลี้ยงในรั้วบ้าน ออกนอกบ้านต้องใช้สายจูง ฝึกให้เชื่อฟังคำสั่ง ข้อมูล : FB ไทยคู่ฟ้า ภาพ : Image by giselaatje from Pixabay บทความเกี่ยวกับ สิทธิบัตรทอง 30 บาท โดนแมวข่วน หมากัด สมัครบัตรเดบิตออมสิน รับค่ารักษา 20,000 บาท -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก กดเลย community แห่งความบันเทิง ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
ข่าวเศรษฐกิจ • 29 ส.ค. 66
อ่าน
เช็คสิทธิบัตรทอง 2566 หาหมอออนไลน์ฟรี! ดูแล 42 กลุ่มโรคอะไรบ้าง?
ป่วยแต่เดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลไม่ไหว! ไม่ต้องกังวลใจ สปสช. เพิ่มบริการการแพทย์ทางไกลดูแล 42 กลุ่มโรคผ่านแอปสุขภาพ ทางเลือกใหม่ สิทธิบัตรทอง พบแพทย์ ออนไลน์ ส่งยา ถึงบ้าน แล้ว เช็คสิทธิบัตรทอง 2566 สำหรับ ผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทอง หรือ บัตรทอง 30 บาท สามารถรับ บริการการแพทย์ทางไกล (OP Telemedicine) ฟรี ครอบคลุมรักษา 42 กลุ่มโรคและอาการผ่านแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล ซึ่ง สปสช. นำร่องพื้นที่ กทม. ก่อน ได้แก่ แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม สอบถามเพิ่มเติม Add Line id @clicknic แอปพลิเคชัน โททอลเล่เทเลเมด (Totale Telemed) ให้บริการโดย เดอะโททอลเล่คลินิก Add Line id : @totale SaluberMD ให้บริการโดย สุขสบายคลินิกเวชกรรม ลงทะเบียนรับบริการผ่าน Link : www.telemed.salubermdthai.com แอปพลิเคชัน Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม ลงทะเบียนรับบริการที่ https://form.typeform.com/to/cNKqNz3p? สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line ID: @mordeeapp บริการแพทย์ทางไกลครอบคลุม 42 กลุ่มโรคและอาการ ข้อเสื่อมหลายข้อ ตาแดงจากไวรัส ตาแดงจากไวรัส ที่มิได้มีรหัสระบุรายละเอียด ข้อเสื่อมโดยทั่วไปปฐมภูมิ เนื้อเยื่ออักเสบ วิงเวียน มึน ปวดศีรษะ อาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรียอื่น อาการท้องร่วง กระเพาะและลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ ไข้ไม่ทราบสาเหตุ ความผิดปกติของระบบการทรงตัวของหู โรคตากุ้งยิงและตุ่มอักเสบเรื้อรังที่หนังตา การอักเสบของเยื่อบุตา การติดเชื้อไวรัส ที่มิได้ระบุรายละเอียด กล้ามเนื้อเคล็ด ติดเชื้อไวรัสไม่ระบุตำแหน่งที่เป็น ข้ออักเสบข้อเดียว ที่มิได้มีระบุรายละเอียด เยื่อบุจมูกและลำคออักเสบเฉียบพลัน(หวัดธรรมดา) ไข้ ไม่ระบุชนิด เวียนศีรษะบ้านหมุนเฉียบพลัน แบบไม่รุนแรง ปวดท้องช่วงบน การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลันหลายแห่งพร้อมกัน ลมพิษ ปวดท้อง และปวดอุ้งเชิงกราน เยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด ลมพิษ ที่มิได้ระบุรายละเอียด ปวดหลังส่วนล่าง คออักเสบเฉียบพลัน ต่อมทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน คออักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลัน กระเพาะอาหารอักเสบ ที่มิได้ระบุรายละเอียด อาการปวดท้องอื่นๆ และอาการปวดท้องที่ไม่ระบุ ข้ออักเสบหลายข้อ ที่มิได้ระบุรายละเอียด ต่อมทอลซิลอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด เยื่อจมูกอักเสบจากการแพ้ ที่มิได้ระบุรายละเอียด ปวดกล้ามเนื้อ เยื่อจมูกอักเสบจากการแพ้หรือการเปลี่ยนอากาศ ข้ออักเสบแบบอื่น ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด และ การติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย สิทธิบัตรทอง เจ็บป่วยเล็กน้อย หาหมอออนไลน์-จัดส่งยาถึงบ้านฟรี นำร่องพื้นที่ กทม. เริ่มแล้ววันนี้กับ 4 แอปสุขภาพ https://www.nhso.go.th/news/3952 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 ช่องทางออนไลน์ ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิกที่ลิงค์ https://lin.ee/nwxfnHw บทความเกี่ยวกับ สิทธิบัตรทอง 2567 อัปเดต "สิทธิบัตรทอง 2566" พร้อมวิธี "สมัครบัตรทอง" และขั้นตอนตรวจสอบสิทธิ เปิดขั้นตอน "เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม 2566" ออนไลน์ พร้อมรายชื่อสถานพยาบาล -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก กดเลย community แห่งความบันเทิง ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
TrueID • 12 ก.ค. 66
อ่าน
เปิดชื่อไอดีไลน์มิจฉาชีพ หลอกปชช.แอบอ้างตรวจสอบสิทธิบัตรทอง
วันนี้ ( 11 ก.ค. 66 )สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตือนภัยประชาชน หลังมีการส่งต่อข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิผู้ป่วยบัตรทองของ สปสช. ผ่านช่องทางไลน์ @check-sith เพียงแค่พิมพ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิดนั้น เป็นข้อมูลเท็จและเป็นข่าวปลอม ซึ่ง เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อสปสช.ย้ำว่า ไลน์ @check-sith ไม่ใช่ไลน์ของ สปสช. เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ส่วนไลน์ที่ สปสช. ใช้ในการสื่อสารคือ ไลน์ไอดี @nhso เท่านั้น ขณะนี้ สปสช. ได้มีการประสานไปยัง บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ระงับการใช้งาน Line @check-sith แล้ว พร้อมให้สำนักกฎหมาย สปสช. เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างดังกล่าวด้วยสำหรับช่องทางการตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพหรือสิทธิบัตรทอง สามารถตรวจสอบได้หลายช่องทาง เช่น 1)แอป สปสช. เมื่อลงทะเบียนใช้งานแล้ว เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิตนเอง 2)ไลน์ @nhso เพิ่มเพื่อนแล้ว เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิ 3)เว็บไซต์ สปสช. คลิก www.nhso.go.th เลือกเมนู สำหรับประชาชน แล้วคลิก ตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ 4)สายด่วน สปสช. โทร.1330 กด 2 แล้วกดเลขประชาชน 13 หลัก (ระบบจะตรวจสอบให้อัตโนมัติ) ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร.1330p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'}ข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ภาพจาก :สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
TNN ช่อง16 • 11 ก.ค. 66
อ่าน
วิธี เปลี่ยน ย้ายสิทธิรักษาพยาบาล ประกันสังคม เป็น บัตรทอง ด้วยตนเองง่าย ๆ
ไขข้อสงสัย เปลี่ยนสิทธิรักษาพยาบาลจาก ประกันสังคม" มาเป็นสิทธิ บัตรทอง 30 บาท ได้ไหม? ต้องทำอย่างไร? วันนี้มี วิธี เปลี่ยนสิทธิรักษาพยาบาล ประกันสังคม เป็น บัตรทอง ด้วยตนเองง่าย ๆ มาแนะนำกัน เปลี่ยนสิทธิ ประกันสังคม เป็น บัตรทอง สำหรับ กรณีที่ผู้ประกันตน มาตรา 39 ลาออกจากงาน ว่างงาน และไม่ได้ส่งเงินสมทบประกันสังคมต่อตามมาตรา 39 สิทธิการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติประกันสังคมจะคุ้มครองต่ออีก 6 เดือน หลังจากพ้นระยะเวลาคุ้มครอง 6 เดือนแล้ว เพื่อน ๆ สามารถลงทะเบียน สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่เรียกคุ้นเคยว่า สิทธิบัตรทอง หรือ บัตร 30 บาท ส่วน กรณีที่เพื่อน ๆ ยังไม่ได้ลงทะเบียน สปสช.ได้จัดระบบลงทะเบียนแทนให้กรณีบุคคลสิ้นสุดสิทธิการรักษาพยาบาลอื่นที่รัฐจัดให้ เช่น สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ หรือสิ้นสุดสิทธิประกันสังคม เป็นต้น ทั้งนี้ภายหลัง เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ(สถานพยาบาล) ได้ปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดยตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการประจำ ได้ที่ http://mscup.nhso.go.th/mastercup เพียงแค่ ยระบุเลือกตามพื้นที่พักอาศัยจริง อาทิ เลือกพื้นที่กรุงเทพมหานคร เลือกพื้นที่ต่างจังหวัด วิธี เปลี่ยนสิทธิรักษาพยาบาล ประกันสังคม เป็น บัตรทอง ด้วยตนเองง่าย ๆ ทั้งนี้ เพื่อน ๆ สามารถลงทะเบียนออนไลน์ด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่าน 2 ช่องทางนี้เลย แอปพลิเคชัน สปสช. ดาวน์โหลดแอป คำว่า สปสช. ได้ทั้งระบบ Android และ iOS เลือกเมนูเปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง ไลน์ OA สปสช. แอดไลน์ สปสช. พิมพ์ค้นหา Line ID @nhso เลือกเมนู เปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง หรือติดต่อด้วยตนเอง ลงทะเบียนย้ายสิทธิประกันสังคมเป็น บัตรทองในพื้นที่ต่างจังหวัด สำหรับ เพื่อน ๆ คนไหนที่พักอาศัยต่างจังหวัด สามารถลงทะเบียนได้ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน (วันและเวลาราชการ) กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนย้ายสิทธิประกันสังคม เป็นบัตรทอง ได้ที่นี่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชั้น 2 อาคารบี (ทิศตะวันตก) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ หรือ โทร.สายด่วน สปสช. 1330 (เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร) เปลี่ยนสิทธิรักษาพยาบาล ประกันสังคม เป็น บัตรทอง แล้ว จะใช้สิทธิอย่างไร? ติดต่อที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการประจำของผู้มีสิทธิบัตรทอง กรณีเกินศักยภาพจะส่งตัวไปหน่วยบริการที่รับส่งต่อ แจ้งความจำนงใช้สิทธิบัตรทอง หรือบัตรทอง 30 บาท ก่อนรับบริการ แสดงบัตรประจำตัวประชาชน สอบถามเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับบริการ สิทธิบัตรทอง ได้ที่ 4 ช่องทางนี้ โทรสายด่วน สปสช.1330 ตลอด 24 ชั่วโมง (โทรฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย) ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิก https://lin.ee/nwxfnHw ความแตกต่าง สิทธิ บัตรทอง-ประกันสังคม สิทธิบัตรทอง ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำแล้วใช้สิทธิได้ทันที สิทธิประกันสังคม ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน ตามเงื่อนไขถึงจะสามารถใช้สิทธิได้ สิทธิบัตรทอง ใช้กับสถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนไว้ กรณีเจ็บป่วยต่างพื้นที่เข้าสถานพยาบาลปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติเข้าสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ สิทธิประกันสังคม ใช้กับโรงพยาบาลที่เลือกสิทธิไว้ กรณีฉุกเฉินเข้าที่ไหนก่อนก็ได้ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย การย้ายสิทธิ สิทธิบัตรทอง การย้ายสิทธิสถานพยาบาลทำได้ 4 ครั้งต่อปี สิทธิประกันสังคม การย้ายสิทธิสถานพยาบาลย้ายได้ปีละครั้ง ผ่านเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือแอปพลิเคชัน ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.ทุกปี ค่าห้อง-ค่าอาหาร สิทธิบัตรทอง ให้บริการค่าอาหารและค่าห้องสามัญ สิทธิประกันสังคม ให้บริการค่าห้องและค่าอาหารไม่เกิน 700 บาท / วัน สิทธิบัตรทอง ได้เพียงสิทธิรักษาฟรี ไม่มีเงินชดเชยว่างงานเหมือนประกันสังคม สิทธิประกันสังคม ได้รับเงินชดเชย กรณีว่างงาน เกษียณ เสียชีวิต ทำฟัน สิทธิประกันสังคม ใช้สิทธิถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนได้ไม่เกิน 900 บาท/ปี ฟันเทียมได้ทั้งในสถานพยาบาลและคลินิกทันตกรรมที่ร่วมรายการ สิทธิบัตรทอง ใช้สิทธิถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ฟันทียม รักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม เฉพาะสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น สามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่มีวงเงิน บทความเกี่ยวกับ ประกันสังคม 2567 อัปเดต "สิทธิบัตรทอง 2566" พร้อมวิธี "สมัครบัตรทอง" และขั้นตอนตรวจสอบสิทธิ เปิดขั้นตอน "เปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม 2566" ออนไลน์ พร้อมรายชื่อสถานพยาบาล -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก กดเลย community แห่งความบันเทิง ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
TrueID • 11 ก.ค. 66
อ่าน
"สิทธิบัตรทอง" ทำงาน-เรียนใน กทม. ย้ายสิทธิมาเมืองกรุง ทำได้ 4 ช่องทาง!
ผู้มีสิทธิบัตรทองอาศัยทำงาน-เรียนหนังสือใน กทม. แต่ทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัด สามารถย้ายสิทธิมาเมืองกรุงได้ทำง่ายผ่าน 4 ช่องทาง สปสช.-กทม. จับมือโรงพยาบาลเอกชนขยายศักยภาพน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง จำนวนมากที่เข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ เพื่อทำงานหรือเรียนหนังสือโดยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านมาด้วย ทำให้ยังมีข้อจำกัดในการรับการรักษาพยาบาล คือแม้จะสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกแห่ง แต่หากเจ็บป่วยเกินศักยภาพหน่วยบริการและต้องส่งต่อยังต้องติดต่อกลับไปยังสถานพยาบาลแม่ข่ายและโรงพยาบาลตามสิทธิในต่างจังหวัดดังนี้ แนวทางที่จะทำให้ผู้มีสิทธิบัตรทองเข้าถึงบริการได้สะดวกที่สุดคือการย้ายสิทธิรักษาเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกรุงเทพมหานครได้เชิญชวนผู้อาศัยในกรุงเทพฯ แต่สิทธิบัตรทองอยู่ที่ต่างจังหวัดหรือเรียกว่ากลุ่มประชากรแฝง ทำการย้ายสิทธิให้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยลงทะเบียนกับหน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการประจำ ใกล้ที่ทำงาน ที่เรียน หรือที่พักอาศัย โดยไม่ต้องย้ายทะเบียนบ้าน โดย สปสช.และกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมเครือข่ายหน่วยบริการรองรับการเข้ามาลงทะเบียนของกลุ่มประชากรแฝงที่คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 700,000 คน ทั้งส่วนของคลินิกชุมชนอบอุ่นเกือบ 300 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่งทั้ง 50 เขตน.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดของศักยภาพโรงพยาบาลในระบบรับส่งต่อ สปสช.และกรุงเทพมหานคร ได้ทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้โรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกระบบส่งต่อเข้ามาร่วมเป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยจากหน่วยบริการปฐมภูมิทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลเข้าร่วมแล้ว 17 แห่งสำหรับการย้ายสิทธิบัตรทองจากต่างจังหวัดมาที่ กทม. นั้นสามารถทำได้ง่ายผ่าน 4 ช่องทาง คือ1)แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนูเปลี่ยนหน่วยบริการ2)ไลน์ OA สปสช. (พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso ในช่องเพิ่มเพื่อน) เลือกเมนูเปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง3)ติดต่อด้วยตนเอง ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ (อาคารบี) ถนนแจ้งวัฒนะ ในวันเวลาราชการ4)โทรสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ทั้งนี้ เอกสารที่ใช้ดำเนินการย้ายสิทธิบัตรทองนั้นใช้เพียงบัตรประชาชนตัวจริงใบเดียว และหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดที่แสดงถึงการอยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ดังนี้ 1)หนังสือรับรองของเจ้าของบ้าน 2)หนังสือรับรองของผู้นำชุมชน 3.หนังสือรับรองผู้ว่าจ้างหรือนายจ้าง 4. เอกสารหรือหลักฐานที่มีชื่อของผู้ประสงค์ลงทะเบียน เช่น ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าที่พัก สัญญาเช่าที่พัก หรือ 5.ผู้ที่ต้องการลงทะเบียนทำหนังสือรับรองตนเองได้ภาพจาก AFP
TNN ช่อง16 • 10 ก.ค. 66
อ่าน
สิทธิบัตรทอง 2566 วิธีใช้ระบบยืนยันและพิสูจน์ตัวตน
ข่าววันนี้สิทธิบัตรทอง 2566สปสช. แนะวิธีใช้ระบบ New Authen ยืนยันตัวตนผู้รับบริการ บัตรทอง 30 บาท ทั้งแบบใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด และแบบถ่ายรูปพร้อมบัตรประชาชน เพื่อใช้ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิบัตรทอง 2566 วิธีใช้ระบบยืนยันและพิสูจน์ตัวตน วันนี้ TrueID รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระบบ New Authen โดย สปสช. วางระบบการ Authentication ไว้ 4 ระบบ คือ ระบบ ERM ใช้การเสียบบัตรประชาชนแบบ Smart Card (สมาร์ทการ์ด) ผ่านเครื่องอ่านบัตร หรือ รับรองโดยเจ้าหน้าที่/ผู้ปกครองโดยเสียบบัตรของผู้รับรองแทน ระบบยืนยันตัวตนด้วยตนเองผ่านไลน์ออฟฟิเชียล แอคเคาท์ (LINE Official Account) ในชื่อ สปสช. โดยหน่วยบริการจะแสดง QR code แล้วให้ผู้รับบริการมาสแกน ระบบ New Authen โดยสามารถใช้การเสียบบัตรประชาชนเข้ากับเครื่องอ่านบัตร หรือ ถ่ายรูปผู้ป่วยพร้อมบัตรประชาชน หรือใช้รับรองโดยเจ้าหน้าที่/ผู้ปกครองโดยเสียบบัตรของผู้รับรองแทน ระบบตู้คีออส หรือ Station ใช้การเสียบบัตรประชาชนเข้ากับเครื่องอ่านบัตรเช่นกัน วิธีใช้ระบบยืนยันและพิสูจน์ตัวตน ผู้ใช้บัตรทอง 30 บาท เข้าเว็บ สปสช. เลือกเมนู บริการออนไลน์ และกดไปที่ งานชดเชย เลือกเมนู ระบบตรวจสอบและยืนยันการเข้ารับบริการ New Authen Code เมื่อคลิกเข้าเมนูนี้แล้ว ระบบจะเข้าไปที่หน้าเว็บสำหรับการยืนยันตัวตน ซึ่งก่อนเข้าใช้งาน หน่วยบริการจะต้องกรอก username และ password เพื่อ Log in ก่อน วิธียืนยันตัวตน ผู้ใช้บัตรทอง 2566 มีกี่วิธี ทั้งนี้ เมื่อ Log in แล้ว ในหน้าเว็บจะมีวิธียืนยันตัวตน 2 วิธีให้เลือกใช้คือ ยืนยันตัวตนโดยผู้เข้ารับบริการ ยืนยันตัวตนแทนผู้เข้ารับบริการโดยผู้ปกครอง ผู้ดูแล ผู้รับรอง สำหรับในกรณียืนยันตัวตนโดยผู้เข้ารับบริการ ก็จะมีวิธีให้เลือก 2 แบบ คือ ยืนยันตัวตนด้วยบัตร Smart Card และ การยืนยันตัวตนด้วยเลขประจำตัวประชาชนและรูปภาพ ในส่วนของการยืนยันตัวตนด้วยบัตร Smart Card นั้น เสียบบัตรประชาชนเข้ากับเครื่องอ่าน กดคำสั่ง ตรวจสอบข้อมูลจากบัตร Smart Card บนหน้าจอ ข้อมูลผู้รับบริการจะถูกแสดง พร้อมทั้งสิทธิการรักษา กรอกข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้รับบริการด้วย แต่หากเคยรับบริการแล้ว ระบบจะแสดงหมายเลขโทรศัพท์ให้อัตโนมัติ กดเลือกบริการที่จะให้บริการ ซึ่งโดยปกติระบบจะตั้งค่าไว้ที่ เข้ารับบริการรักษาทั่วไป (OPD/IPD/PP) แต่หากให้บริการหลายอย่างก็กดเลือกบริการอื่น ๆ ด้วย เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว ให้กดที่เครื่องหมาย บันทึก/ยืนยันส่ง เพื่อยืนยันการส่งข้อมูล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 ช่องทางออนไลน์ ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คลิก -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก กดเลย community แห่งความบันเทิง ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
TrueID • 5 ก.ค. 66
อ่าน
"สิทธิบัตรทอง 30 บาท" ทำฟันฟรี 13 รายการ มีอะไรบ้างเช็กเลย!
สิทธิบัตรทอง 30 บาท ทำฟันฟรี 13 รายการ แสดงบัตรประชาชนเพียงใบเดียว เข้ารับบริการที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งลดเหลื่อมล้ำในทุกมิติ ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ อย่างทั่วถึง พร้อมกับยกระดับสวัสดิการให้ได้มาตรฐานและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง หรือ 30 บาท ที่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมได้มากขึ้นสิทธิประโยชน์ทั้งหมด 13 รายการ ที่ได้รับการคุ้มครองดังนี้1. การถอนฟัน2. การอุดฟัน อุดคอฟัน3. ขูดหินปูน การเกลาฟันหรือเกลารากฟัน (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ในการรักษา)4. ฟันปลอมฐานพลาสติก ทั้งแบบซี่ถอดได้และแบบทั้งปากถอดได้ ฟันปลอมแบบถอดได้มีอายุการใช้งาน 5 ปี หากผู้รับบริการได้รับความเห็นจากทันตแพทย์ว่ามีความจำเป็นต้องซ่อมฟันปลอมก่อน 5 ปี ผู้รับบริการสามารถใช้สิทธิได้5. รักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม (รากฟันน้ำนม)6.ใส่เพดานเทียมในเด็กปากแหว่งเพดานโหว่7. ผ่าฟันคุด (ตามข้อบ่งชี้ของทันตแพทย์)8. เคลือบหลุมร่องฟัน (เด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6 24 ปี)9. การทาฟลูออไรด์วาร์นิช (เด็กอายุ 9 เดือน 5 ปี)10. การเคลือบฟลูออไรด์ (เด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6 24 ปี) ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ที่มีภาวะน้ำลายแห้งจากการรักษามะเร็งด้วยการฉายแสงบริเวณใบหน้าและลำคอ หรือจากการกินยารักษาโรค รวมทั้งผู้ที่มีเหงือกร่น รากฟันโผล่ ที่ยากต่อการทำความสะอาด11. โรคปริทันต์อักเสบ สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมคุ้มครอง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ในการรักษา12. การผ่าตัดใส่รากฟันเทียมสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันทั้งปาก ให้บริการผู้ป่วยที่ไม่มีฟันทั้งปากและมีข้อบ่งชี้การใส่รากฟันเทียม ด้วยบริการใส่รากฟันเทียมและการบำรุงรักษา13. จัดฟัน ในผู้มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ หรือปากแหว่ง หรือเพดานโหว่ (ตามดุลยพินิจของทันตแพทย์)ผู้เข้ารับบริการสามารถเข้ารับการรักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยแสดงบัตรประชาชนเพียงใบเดียวเท่านั้น แต่จะต้องเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิ และควรติดต่อนัดหมายล่วงหน้าจะได้รับความสะดวกในการเข้ารับบริการมากขึ้น ทั้งนี้หากหน่วยบริการตามสิทธิอุปกรณ์ไม่พร้อม จะส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่สามารถรักษาได้ตามขั้นตอน โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.nhso.go.th หรือโทร. 02 1414000 หรือ สายด่วน สปสช. 1330 เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ไม่เพียงต่อยอดนโยบายดีๆ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างครบวงจร โดยยังวางรากฐาน เสริมองค์ความรู้ ผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงในทุกด้านภาพจาก AFP
TNN ช่อง16 • 2 มิ.ย. 66
อ่าน
วันงดสูบบุหรี่โลก 2566 : เช็คสิทธิบัตรทอง ใช้สิทธิเลิกบุหรี่ฟรี!
วันงดสูบบุหรี่โลก วันนี้ 31 พฤษภาคม 2566 ใครหลายคนใช้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการ "ลด ละ เลิกบุหรี่" วันนี้มีข่าวดี๊ดีจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาฝาก วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม ประวัติวันงดสูบบุหรี่โลก และคำขวัญปี 2566 วันงดสูบบุหรี่โลก 2566 เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ เนื่องในวันนี้ วันที่ 31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลก สปสช. ชวนคนไทยใช้ สิทธิบัตรทองเลิกบุหรี่ ไม่เสียค่าใช้จ่าย เช็คสิทธิบัตรทอง ใช้สิทธิเลิกบุหรี่ฟรี! ต้องทำยังไง? โทร สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ แนะนำปรับพฤติกรรมสู่การเลิกบุหรี่สำเร็จ พร้อมติดตามต่อเนื่อง บัตรทอง 30 บาท มีสิทธิเลิกบุหรี่ได้จริง? "บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์" เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท กำหนดให้ ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (ศบช.) ซึ่งให้บริการ สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ดำเนินการโดยมูลนิธิสร้างสุขไทย เป็นสถานบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นการให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์ ไม่มีการให้ยา หรือให้สารทดแทนนิโคติน ให้คำปรึกษาผู้ที่โทรเข้ามาและมีความต้องการเลิกบุหรี่ หรือสมาชิกในครอบครัวต้องการเลิกบุหรี่ ข้อมูล : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บทความเกี่ยวกับ วันงดสูบบุหรี่โลก 2566 10 วิธีสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องโควิด-19 ด้วยตัวเอง ระวัง!ปอดติดเชื้อง่ายในหน้าฝน ฟิตปอดด้วย 10 อาหารบำรุงปอดสู้โควิด! ผู้ป่วย "โรคปอด" ต้องดูแลยังไง? ภาวะปอดอักเสบจากเชื้อโควิด-19 กลุ่มไหนบ้างที่เสี่ยงมีอาการรุนแรง 6 ท่าปอดฟิต สู้โควิด-19 วันงดสูบบุหรี่โลก 2566 : อยากเลิกบุหรี่ ในวันงดสูบบุหรี่โลก ทำแบบนี้ 'เลิกทีละมวน สู้ทีละนิด' ได้ชัวร์ วันงดสูบบุหรี่โลก 2566 : สูดควันเข้า 'ปอด' เฮือกสุดท้าย เสี่ยงตาย ทำลายโลก -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม. คลิกเลย TrueID Community
TrueID • 31 พ.ค. 66
อ่าน
แจกฟรี! "ยาคุมกำเนิด" สิทธิบัตรทองรับคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี เช็กขั้นตอนที่นี่
รัฐบาลส่งเสริมการตั้งครรภ์เมื่อพร้อม ประชาชนใช้สิทธิ บัตรทอง รับยาคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผงต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปีนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรื เชิญชวนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวัยเจริญพันธ์ใช้สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ภายใต้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รับบริการคุมกำเนิดครอบคลุม ทั้งบริการใส่ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด และยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เพื่อป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในกลุ่มวัยเจริญพันธ์ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยผู้รับบริการจะได้รับยาเม็ดคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผงต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี ภายใต้โครงการ เลิฟปัง รักปลอดภัย แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม แจกยาคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัยขั้นตอนรับบริการยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ใช้สิทธิบัตรทองดำเนินการได้ 2 วิธี ดังนี้1.รับบริการผ่านสมาร์ทโฟน- เข้าแอปฯ เป๋าตัง ไปที่เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือก สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค- ผู้หญิง 15-59 ปี จะแสดงสิทธิ ยาเม็ดคุมกำเนิด- ค้นหาหน่วยบริการ และทำการจองสิทธิ- เดินทางไปรับยาคุมกำเนิดภายในวันที่จองสิทธิ ตามเวลาทำการของหน่วยบริการ- หน่วยบริการตรวจสอบสิทธิ และบันทึกการรับบริการ2.ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน- เข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วม เช่น ร้านยา คลินิกเวชกรรม คลินิกการพยาบาลฯ รพ.สต. รพ.ชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น หรือที่สถานพยาบาลประจำตัวของท่าน- แสดงบัตรประชาชน ยืนยันตัวตนเพื่อรับบริการ- หน่วยบริการตรวจสอบสิทธิ และบันทึกการรับบริการประชาชนไทยที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) ที่ต้องการรับบริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนเลือกไว้ หรือหน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ของรัฐและเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมในระบบ สปสช. ดูรายชื่อหน่วยบริการได้ที่แอปพลิเคชัน สปสช.เลือกเมนู ข้อมูลหน่วยบริการ ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถดูรายการบริการได้ที่แอปพลิเคชันเป๋าตัง เลือกกระเป๋าสุขภาพ และเข้าไปจองสิทธิเพื่อรับบริการที่หน่วยบริการได้ที่เมนูสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค เมื่อทำการจองนัดหมายแล้วก็ไปใช้บริการตามวันและเวลาไดภาพจาก AFP
TNN ช่อง16 • 28 พ.ค. 66
อ่าน
รักษาโควิด-19 ฟรี สิทธิบัตรทองไม่เสียค่าใช้จ่าย
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้หลายๆคนอาจพบว่าได้มีการระบาดของโควิด19สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น และมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยผู้ที่เคยเป็นแล้วรวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก และเราเองก็เป็น1ในนั้นค่ะ ที่เป็นโควิด19 รอบที่2 แต่ไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก และสามารถรักษาตัวได้เองที่บ้าน และส่วนตัวมีบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง วันนี้จึงอยากจะมาแชร์วิธีการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ และรับยาเพื่อรักษาเองที่บ้าน โดยผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกันค่ะ ซึ่งโควิดที่กำลังระบาดตอนนี้ จะเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16อาการของการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่•มีไข้ •ระคายเคืองตา ตาแดง•ไอ เจ็บคอ•มีน้ำมูก น้ำมูกไหล•มีผื่นแดงขึ้นตามตัว แขน ขา โดยสปสช.ได้จัดให้ผู้ป่วยโควิด19 สิทธิบัตรทอง สามารถรับบริการการรักษาผ่าน 4 ช่องทางแอปพลิเคชั่น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ทั้งนี้เป็นกรณีผู้ป่วยโควิด19 สีเขียว ซึ่งมีอาการเล็กน้อย) ผู้ป่วยโควิด19สีเขียว คือผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก หรือแทบไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ไม่มีโรคประจำตัวร่วม และไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง 4 แอปพลิเคชั่น ได้แก่1.แอปพลิเคชั่น Totale Telemed (สอบถามเพิ่มเติม Line ID:@totale)2.แอปพลิเคชั่น Clicknic (สอบถามเพิ่มเติม Line ID:@clicknic)3.แอปพลิเคชั่น Saluber MD (สอบถามเพิ่มเติม Line ID:@Sooksabaiclinic)4.แอปพลิเคชั่น MorDee (สอบถามเพิ่มเติม Line ID:@mordeeapp)เราได้เข้ารับการบริการการรักษาโดยผ่านแอปพลิเคชั่น Clicknic นะคะ โดยเบื้องต้นเราได้ติดต่อไปทางไลน์ @clicknic เพื่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่จะขอชื่อและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของเราไปเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ที่เรามีค่ะ เริ่มต้นให้โหลดแอปพลิเคชั่น Clicknic รองรับทั้งระบบ Android และ iOS เข้ามาหน้าแรก จะพบกับเมนูให้เลือก โดยให้เลือกที่ ผู้ป่วยโควิด (เฉพาะสิทธิบัตรทอง30บาท)จะมีการให้กรอกประวัติส่วนตัว โรคประจำตัว และข้อมูลส่วนตัวในด้านอื่นๆ และมีการให้ตอบคำถามคัดกรองก่อนเข้าบริการรักษาโควิดจะต้องทำการการยืนยันตัวตนพร้อมบัตรประชาชน เป็นการถ่ายรูปเราพร้อมบัตรประชาชนนะคะและจะต้องมีการถ่ายรูปผลตรวจโควิด ATK ที่แสดงผลว่าติดเชื้อโควิด19ระบบจะให้รอสักครู่ เพื่อพบหมอออนไลน์โดยการวิดีโอคอลนะคะ คุณหมอจะถามอาการเบื้องต้น และสั่งจ่ายยาให้เราค่ะในการจัดส่งยาจะมีทั้งแบบส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งรอรับยา 1-2 วัน แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะเราอยู่เขตกรุงเทพหรือเปล่า ในวันนั้นทางร้านยาได้ส่งยามาทางไรเดอร์ ซึ่งเราได้รับยาหลังจากนั้นเลยไม่เกิน 2 ชั่วโมงทั้งนี้ทุกอย่างไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีสิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง ยังสามารถเข้ารับการบริการการรักษาได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จากสถานบริการการรักษาตามสิทธิ หน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ รวมถึงสามารถรับยาได้ที่ร้านยาที่ร่วมโครงการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆหวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกคนนะคะ ช่วงนี้อาการเปลี่ยนแปลงบ่อย หวังว่าทุกคนจะดูแลสุขภาพ และป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีค่ะ ภาพปกและภาพประกอบ : โดยเจ้าของบทความ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
Patinya • 22 พ.ค. 66
อ่าน
“สิทธิบัตรทอง” ทำฟันได้ 13 รายการ เช็กลิสต์ พร้อมวิธีเข้ารับบริการที่นี่ !
p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 24.0px Thonburi} span.s1 {font: 24.0px 'Helvetica Neue'}วันนี้ ( 22 พ.ค. 66 )สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมสำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทอง (30 บาท) ที่มีปัญหาช่องปากหรือด้านทันตกรรม สามารถเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิ โดยแสดงบัตรประชาชน หากหน่วยบริการตามสิทธิอุปกรณ์ไม่พร้อม จะส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่สามารถรักษาได้ตามขั้นตอนสำหรับสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมที่คุ้มครอง มีดังนี้1.การถอนฟัน2.การอุดฟัน อุดคอฟัน3.ขูดหินปูนการเกลาฟันหรือเกลารากฟัน(ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ในการรักษา)4.ฟันปลอมฐานพลาสติกทั้งแบบซี่ถอดได้และแบบทั้งปากถอดได้-ฟันปลอมแบบถอดได้มีอายุการใช้งาน5ปีหากผู้รับบริการได้รับความเห็นจากทันตแพทย์ว่ามีความจำเป็นต้องซ่อมฟันปลอมก่อน5ปีผู้รับบริการสามารถใช้สิทธิได้5.รักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม(รากฟันน้ำนม)6.ใส่เพดานเทียมในเด็กปากแหว่งเพดานโหว่7.ผ่าฟันคุด(ตามข้อบ่งชี้ของทันตแพทย์)8.เคลือบหลุมร่องฟัน(เด็กโตและวัยรุ่นอายุ6-24ปี)9.การทาฟลูออไรด์วาร์นิช(เด็กอายุ9เดือน- 5ปี)10.การเคลือบฟลูออไรด์ (เด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6-24 ปี) ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ที่มีภาวะน้ำลายแห้งจากการรักษามะเร็งด้วยการฉายแสงบริเวณใบหน้าและลำคอ หรือจากการกินยารักษาโรค รวมทั้งผู้ที่มีเหงือกร่น รากฟันโผล่ ที่ยากต่อการทำความสะอาด11.โรคปริทันต์อักเสบ สิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมคุ้มครอง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ในการรักษา12.การผ่าตัดใส่รากฟันเทียมสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันทั้งปากให้บริการผู้ป่วยที่ไม่มีฟันทั้งปากและมีข้อบ่งชี้การใส่รากฟันเทียมด้วยบริการใส่รากฟันเทียมและการบำรุงรักษา13.จัดฟัน ในผู้มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ หรือปากแหว่ง หรือเพดานโหว่ (ตามดุลยพินิจของทันตแพทย์)p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} p.p2 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px 'Helvetica Neue'} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'} span.s2 {font: 13.0px Thonburi}ข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ภาพจาก : AFP
TNN ช่อง16 • 22 พ.ค. 66
อ่าน
ติดโควิด! "สิทธิบัตรทอง" พบแพทย์ออนไลน์-ส่งยาฟรีถึงบ้านผ่าน 4 แอปฯ
สปสช. เตรียมพร้อมระบบรองรับ ผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง 30 บาท หากพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลังหยุดยาวสงกรานต์ แนะช่องทางเข้ารับบริการได้ทั้งที่ ร้านยาคุณภาพของฉัน พบแพทย์ออนไลน์กับ 4 แอปพลิเคชัน และ สถานพยาบาลประจำหรือหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ภายหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นวันหยุดยาว โดยมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อาจจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทั้งขณะนี้ทั่วโลกมีการรายงานพบเชื้อโควิด-19 ลูกผสม โดยเฉพาะสายพันธุ์ XBB 1.66 ที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงในประเทศไทย ทำให้มีการเตือนให้เฝ้าระวังการติดเชื้อและเจ็บป่วยในส่วนของ สปสช. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือในการดูแลคนไทย สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ให้เข้าถึงการรักษา กรณีผู้ป่วยที่มีอาการทางเดินหายใจ มีไข้อุณหภูมิมากกว่า 37.5 องศาขึ้นไป ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ตาแดง มีผื่น ถ่ายเหลว จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้ตรวจ ATK และหากขึ้น 2 ขีดผลเป็นบวก ให้เข้ารับการรักษาพยาบาลได้ตามระบบบริการที่ สปสช. ดำเนินการรองรับไว้ภาพจาก สปสชกรณีผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียวอาการเล็กน้อย เข้ารับบริการ ดังนี้1.ร้านยาคุณภาพของฉันให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อย ขั้นตอนการรับบริการ ให้ญาติผู้ป่วยเดินทางไปที่ร้านยาที่เข้าร่วม พร้อมกับบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ป่วยเพื่อใช้ยืนยันการรับบริการ จากนั้นเภสัชกรประจำร้านยาจะวีดีโอ คอล (VDO call) กับผู้ป่วยเพื่อซักถามอาการและในกรณีที่มีการจ่ายยา เภสัชกรจะแนะนำวิธีการใช้ยาด้วย พร้อมกับจ่ายยาโดยให้ญาตินำกลับไปให้ผู้ป่วย ซึ่งในระหว่างนี้ทางร้านยาฯ จะมีการถ่ายภาพการบริการและจ่ายยาเพื่อนำบันทึกในโปรแกรม Amed ใช้เป็นหลักฐานการให้บริการจริง และหลังจากให้บริการ 3 วัน เภสัชกรจะติดตามอาการผู้ป่วยเพิ่มเติม ตรวจสอบรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/1972.พบแพทย์ออนไลน์ ส่งยาฟรีถึงบ้าน ผ่าน 4 แอปพลิเคชัน ผู้ป่วยจะได้รับการซักถามและจ่ายยาตามอาการ (หากอาการเข้าเกณฑ์จะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาโมลนูพิราเวียร์ตามดุลยพินิจของแพทย์) ไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถเลือกรับบริการผ่าน 4 แอปพลิเคชันสุขภาพ ดังนี้2.1 Totale Telemed (โททอลเล่ เทเลเมด) โดย บริษัท โททอลเล่เทเลเมด รับผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ กลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี, ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และหญิงตั้งครรภ์) สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @totale https://lin.ee/a1lHjXZn หรือสายด่วน 0620462944, 06180195772.2 แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) ให้บริการโดย บริษัท คลิกนิก เฮลท์ จำกัดhttps://forms.gle/hfo2Wr9jdvybn8d57 รับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวและสีเหลือง รวมถึงกลุ่ม 608 ทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @clicknic2.3 แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็มดี) โดย บริษัท ซาลูเบอร์เอ็มดี จำกัดwww.telemed.salubermdthai.comรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว (ไม่รับกลุ่ม 608) ทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติม ไลน์ไอดี : @Sooksabaiclinic2.4 แอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) ให้บริการโดย บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัดhttps://form.typeform.com/to/cNKqNz3p รับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวเฉพาะพื้นที่ กทม. (ไม่รับกลุ่ม 608) สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @mordeeapp3.กรณีผู้ป่วยผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะเสี่ยงรุนแรง เป็นกลุ่ม 608 หรือมีโรคร่วม และมีอาการรุนแรงขึ้น (สีเหลือง) ได้แก่1.วัดไข้ได้ 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 4 ชั่วโมงใน 1 วัน2.วัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้ต่ำกว่า 94%3.มีภาวะแทรกซ้อนหรือการกำเริบของโรคประจำตัว4.มีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรง5.มีภาวะอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล6.ผู้ป่วยเด็กที่มีอาการซึม กินได้น้อย มีภาวะขาดน้ำจากอุจจาระร่วงหรือชักจากไข้สูง เป็นต้น ให้เข้ารับบริการที่หน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ประจำที่ท่านลงทะเบียนไว้ หรือหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ได้แก่ศูนย์บริการสาธารณสุข (พื้นที่ กทม.) คลินิกชุมชนอบอุ่น สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพชุมชน4.กรณีผู้ป่วยผู้ป่วยโควิด-19 สีแดง มีอาการรุนแรง ได้แก่ หอบเหนื่อยหนักมาก พูดไม่เป็นประโยค แน่นหน้าอก หายใจเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง อ่อนเพลีย ตอบสนองช้า ไม่รู้สึกตัว มีภาวะช๊อก/โคม่า ซึมลง ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ค่าออกซิเจนต่ำกว่า 94 ต้องรีบรักษาโดยเร็ว เข้ารับบริการที่หน่วยบริการได้ทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดเพื่อรักษาทันท่วงที โดยใช้สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP)หากมีข้อสงสัยการเข้ารับบริการ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ เป็นเพื่อนที่ไลน์ OA สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือเข้าเว็บไซต์ของ สปสช. ที่ www.nhso.go.th หากหาเตียงไม่ได้ หรือหน่วยบริการเตียงเต็ม ให้ติดต่อสายด่วน 1330ภาพจาก สปสชนอกจากนั้น สำหรับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธาณสุข สามารถไปตรวจ ATK ได้ฟรีที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำหรือที่หน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ที่หน่วยบริการปฐมภูมิ ซึ่งจะได้รับการตรวจด้วย ATK professional use หรือตรวจโดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า นอกจากระบบรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ข้างต้นแล้ว เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงหากติดเชื้อโควิด-19 ให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง 608 ขณะนี้ สปสช. ยังได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค เปิดให้ประชาชนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่1) หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป2) เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี3) ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน4) บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป5) โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)6) โรคอ้วน (น้ำหนัก 100 กิโลกรัม หรือ BMI 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)7) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าวัคซีนฯ จะหมดลง เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนของโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะเดียวกันยังช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยอาการของโรคได้ชัดเจนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่1.สายด่วน สปสช. 13302.ช่องทางออนไลน์ ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิกที่ลิงก์ https://lin.ee/nwxfnHw3.แอปพลิเคชัน สปสช. ทั้งระบบ Android และ IOSที่มา สปสช.แฟ้มภาพ AFP/สปสช.
TNN ช่อง16 • 19 เม.ย. 66
ดูเพิ่มเติม