TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “tin” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อ่าน
ทำความรู้จัก ย่าน Lam Tin ฮ่องกง
ถ้าให้นึกถึงฮ่องกง หลายๆคนคงนึกถึงย่านแห่งท่องเที่ยวที่เป็น Landmark อย่างย่าน Prince Edward , MongKok , Jordan , Tsim Sha Tsui หรือ Disney Land สวนสนุกในฝันของเด็กน้อยๆและผู้ใหญ่แบบเราๆ แต่! วันนี้เราจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับย่านอยู่อาศัยของคนฮ่องกงที่บางคนอาจจะยังไม่รู้จัก อาจจะไม่ใช่ย่านการค้าหรือการท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะส่วนใหญ่เป็นย่านของการอยู่อาศัยของคนฮ่องกงนั่นเองLam Tin ย่านนี้มีดียังไง!ตึกสูงๆเหล่านี้เป็นบ้านของคนฮ่องกงค่ะ จะเห็นว่าย่าน Lam Tin ค่อนข้างสะอาด สบายตา ด้านในตึกที่เราพักค่ะทางเดินก็คือมีบริการผู้พิการทางสายตาด้วย ถนนและฟุตบามเอื้ออำนวยผู้พิการได้ดีมากๆเลยค่ะ มีศูนย์การค้าด้วยนะ ด้านล่างสุดของศูนย์การค้าจะเป็นตลาดสดค่ะ ร้านอาหารดังๆอย่าง Sushiro , Tam Jai Samgor , Tenrentea และอีกหลายร้านในฮ่องกง ที่ย่านนี้ก็มีเหมือนกันคนฮ่องกงย่าน Lam Tin ส่วนตัวที่เราเจอคือมีความเป็นกันเองมากค่ะ อาจเพราะนานๆทีพวกเขาจะเจอคนต่างชาติแบบเราก็ได้ พอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย เขาก็พยายามอยากคุยกับเราภาษาอังกฤษกับภาษามือปนๆกันไป บอกเลยว่าคนฮ่องกง ย่าน Lam Tin น่ารักที่สุดเลยใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตของคนฮ่องกง หรืออยากหลบจากนักท่องเที่ยวมาใช้ชีวิตร่วมกับคนฮ่องกงต้องมาย่าน Lam Tin รถยนตร์ส่วนตัวค่อนข้างบางตา คนฮ่องกงส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือรถบัสสาธารณะกันเป็นส่วนใหญ่ค่ะมีสวนต้นไม้ เพิ่มความร่มเย็นด้วยนะ เหมาะกับคนชอบเดินเพราะบันไดเยอะมากตอนกลางคืนก็ได้บรรยากาศดีมากถ้าอยากลองเที่ยวฮ่องกง ได้เห็นวิถีชีวิตของคนฮ่องกง อยากให้ลองมาเดินเล่นที่ย่าน Lam TIn สักวันนึงนะคะ ถ้ามาตอนเช้าๆเราจะได้เห็นหนุ่มสาวออฟฟิศ และเด็กนักเรียนเดินกันเต็มถนน ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนฮ่องกงกันแบบเต็มๆเลย ตำแหน่งที่ตั้งของ Lam Tin ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายที่สุด ดูจากสถานีรถไฟฟ้า MTR : แผนผังสถานีรถไฟฟ้าภาพปกและภาพประกอบทั้งหมด : เนกาฮัลมารีอิซซอแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”
เนกาฮัลมารีอิซซอ • 2 มิ.ย. 66
อ่าน
พาชม อ่าวรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay) ไหว้วัดเจ้าแม่กวนอิม (Tin Hau Temple) แลนด์มาร์คแห่ง ฮ่องกง!!
ฮ่องกงเรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีทั้งศาสนาพุทธ มีเจ้าแม่กวนอิม มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยหลาย ๆ คนนับถือ ไม่แปลกที่เกาะแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเดินทางไปเที่ยวอยู่เสมอ เพราะทุก ๆ แห่งที่ฮ่องกงช่างเข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทยมาก ทั้งอาหารการกินมีมีรสชาติเหมือนไทย มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีที่ดี และที่สำคัญกฎระเบียบความสะอาด ห้องน้ำ ดีมาก ๆ วันนี้ผู้เขียนจะมารีวิวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่คนนิยมมากมากที่สุดก็คือที่ เจ้าแม่กวนอิมที่วัดทินหัว (TIN HAU TEMPLE) ที่อยู่ริมอ่าว รีพัลส์เบย์ : Repulse Bay บรรยากาศดีมาก ๆ พิกัด : ถนน Arthur Street ฮ่องกง Google maps : คลิก การเดินทางมา : MTR มาลง สถานี Ocean Park ทางออก B แล้วนั่ง Taxi ประมาณ 60 ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) หรือ 250 บาท จุดที่ 1 วัดเจ้าแม่กวนอิม วิธีการขอพร เจ้าแม่กวนอิม ที่รีพัลส์เบย์ หรือชาวฮ่องกงเรียก วัดทินหัว (Tin Hau Temple) ซึ่งที่นี่เขาจะมีธรรมเนียมแบบจีน มีความเชื่อ เรื่องโหงเฮ้ง ฮวงจุ้ยต่าง ๆ และการไหว้เจ้าแม่กวนอิมก็มีข้อปฏิบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อความสิริมงคล ความปังยิ่งขึ้นตั้งแต่เดินเข้าวัดเลยด้วย ดังนี้ การเดินเข้าวัด จะต้องเดินด้วยเท้าซ้าย เวลาเดินออกวัดจะต้องเดินออกด้วยเท้าขวา เมื่อไปไหว้จะเห็นลูกแก้วในปากสิงโต ให้ลูบลูกแก้วในปากสิงโต ขอพรจาก เจ้าแม่กวนอิม เป็นองค์แรก ซึ่งตรงหน้าพระแม่กวนอิม จะเห็นแผ่นกระเบื้องสีขาว ๆ ที่พื้น ตรงกับพระพักตร์ เจ้าแม่กวนอิม ให้เรายืนก้มหน้า แล้วก็ตั้งสมาธิ จากนั้นให้บอกชื่อ บอกนามสกุล ที่อยู่ แล้วบอกว่า จะมาขอพรเรื่องอะไร ขอได้ 1 เรื่องให้ตัวเองเท่านั้น ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มาก จุดที่ 2. ไหว้ขอพรเจ้าแม่ทับทิม เป็นองค์ที่ 2 เจ้าแม่ทับทิม หรือ เทพธิดาแห่งท้องทะเลเนื่องจาก คนฮ่องกง คนมาเก๊า จะอยู่ติดริมทะเล มีความเชื่อว่าเจ้าแม่ทับทิมจะปกป้องเราจากภัยอันตรายจากการเดินทาง จุดที่ 3 ไหว้ นมัสการขอพรจากเทพแห่งโชคลาภ จุดที่ 4 ถ้าใครจะขอลูก ให้ขอลูกจากพระสังกัจจายน์ที่นี่ รูปปั้นพระสังกัจจายน์ จะเป็นสีขาว มีรูปเด็ก ๆ ห้อมล้อมพระองค์ไหว้ จุดที่ 5 เดินบนวงกลม ที่เขามีที่พื้น ขอพรจากรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เช่น เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ที่อยู่ข้างพระสังกัจจายน์ เป็นเทพที่ให้โชคลาภ หลาย ๆคนเอาธนบัตรลูบที่เคราท่านและ เปิดกระเป๋าตังออกมาเปิดแล้วทำท่าปัดใส่ลงกระเป๋าเงินเพื่อให้เงินเข้ากระเป๋า จากนั้นเก็บเงินไว้ในกระเป๋าไม่ต้องใช้ สิ่งนี้เป็นการเรียกโชคลาภ ใครไม่อยากใช้ธนบัตรจะใช้กระเป๋าตังลูบก็ได้ จุดที่ 6 สะพานต่ออายุ (สะพานอายุยืน) ที่นี่จะมีสะพานสีแดง ๆ อยู่ริมอ่าว คนจีนเชื่อกันว่าหากเดินข้ามสะพานนี้ เราจะมีอายุยืนขึ้นอีก 3 วัน ซึ่ง 3 วันตามภาษาคนจีนบนสวรรค์คือ 3 ปีบนโลกมนุษย์ นั่นก็หมายถึงเดินข้าม 1 รอบอายุยืน 3 ปี ให้เดินก้าวเท้าซ้ายขึ้น เมื่อข้ามไปแล้วห้ามเดินกลับทางเดิมต้องเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อกลับมาทางเดิม จุดที่ 7 อ่าวรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay) ที่นี่เป็นชายหาดที่ทุกคนจะมาแวะเล่น แวะถ่ายรูปเพราะเป็นทรายสีขาว และที่นี่เองก็ ติดอันดับชายหาดที่สวยที่สุดของฮ่องกง ด้านหลังจะมีห้องน้ำให้อาบน้ำเปลี่ยนชุดด้วย จุดที่ 8 ห้าง Thepulse ที่นี่เป็นห้างที่อยู่ริมอ่าวข้างในจะมีร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ สามารถเอาออกมาทานริมชายหาดได้ ความประทับใจ : การมาไหว้พระที่วัดเจ้าแม่กวนอิมไม่ได้มีแต่เจ้าแม่กวนอิม แต่ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์มาก ทั้ง เทพเจ้าแห่งความรัก เพื่อให้สุขภาพดี ร่ำรวย เงินทอง และความรักการมาที่นี่เหมือนมารับความสิริมงคล ที่เป็นศูนย์รวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ต้องไปหลายที่เลย *ภาพที่ 1 โดยผุ้เขียน ภาพที่ 1-2, 9, 11-12 และภาพปกโดยผู้เขียน ภาพที่ 3-8, 10 และภาพปกจาก flickr3, flickr4, flickr5, flickr6, flickr7, flickr8, flickr10
WIWAT_S • 8 มิ.ย. 63
อ่าน
กระป๋องเดอะตินแคน Tin can Tin can
เคยสงสัยมั้ยว่า กระป๋องที่เราใช้ ๆ กันอยู่เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นกระป๋องนมหรือกระป๋องอาหาร รวมไปถึงกระป๋องใส่สารเคมี ทำไมต้องมีกระป๋อง ใส่อย่างอื่นแทนไม่ได้หรอ มันมีหน้าที่ทำอะไร ถ้าอยากรู้ต้องย้อนไปในปี คริสตศักราช 1795 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่การเดินทางมันไม่ได้สะดวกสบายเหมือนสมัยนี้เทคโนโลยีก็เช่นกัน หนึ่งในปัญหาใหญ่ของการเดินทางคืออาหารไม่ว่าจะเดินทางไปรบ ไปค้าขาย ไปสำรวจพื้นที่ใหม่ ๆ อาหารมักจะเน่าเสียอยู่เสมอ เลยเกิดปัญหาที่ว่า “ ทำยังไงให้อาหารยังคงสดใหม่อยู่ทุกครั้ง “ ก็สมัยนั้นไม่มีตู้เย็นหนิขนาดปืนที่ใช้รบใช้ล่าอาณานิคมยังใช้ปืนคาบศิลาอยู่เลยนโปเลียน โบนาปาร์ท เสนอเงินจำนวน 12000 ฟรังก์ให้กับใครก็ได้ที่คิดค้นวิถีถนอมอาหารได้ ทำให้ นิโคลัส แอปเปิร์ต ชนะรางวัลนั้น เขาได้บอกวิธีถนอมอาหารว่า เขาได้ใส่อาหารนั้นไว้ในโหลแก้ว ปิดฝาด้วยจุกคอร์ก เคลือบด้วยไข แล้วเอาไปต้มในน้ำเดือด ( ในความเห็นผม ผมว่านั้นแหละคือต้นกำเนิดของกระป๋องเดอะตินแคนในปัจจุบัน แต่ด้วยความที่ว่า ภาชนะบรรจุเป็นแก้ว ทำให้แตกง่ายเอามาก ๆ ไม่สะดวกกับการพกพาเลย ) และมันก็คงเป็นปัญหาเรื่องการพกพาจริง ๆ ทำให้ ในปีคริสตศักราช 1810 ปีเตอร์ ดูแรนด์ คนอังกฤษ คิดค้นวัสดุที่ใช้ถนอมอาหารมาแทนขวดโหลแก้วนั้นก็คือ โลหะ !!โลหะเหนียวกว่าแก้วทำให้แตกยากกว่า ขึ้นรูปง่ายกว่า ถ้าเอามาทำภาชนะก็เบากว่าด้วย และใน 30 ปีต่อมา เฮนรี อีแวนส์ ก็ได้ประดิษฐ์เครื่องจักรผลิตกระป๋องที่มีกำลังผลิตได้ 60 กระป๋องต่อ 1 ชั่วโมง คิดง่าย ๆ ก็ 1 นาที 1 กระป๋อง ( ผมว่าเร็วมากเลยนะในสมัยนั้นอะ ) แต่ในสมัยที่มีกระป๋องโลหะใช้แล้ว มันก็มีปัญหาตรงที่ว่า การเอาอาหารออกมาจากกระป๋องเนี่ยเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ต้องใช้สิ่วกับค้อน โดยใช้สิ่วตอกลงไปให้ฝากระป๋องมันเปิดออกมา ( มันยากจริง ๆ เดี๋ยวตอนท้ายเล่าให้ฟังว่าทำไมมันยาก ) และแน่นอนใช้สิ่วมันคงไม่สะอาดสักเท่าไหร่ จนในกระทั่งในปี 1858 ที่เปิดกระป๋องโลหะก็ถูกประดิษฐ์ขึ้น แต่ในปัจจุบัน กระป๋องเกือบจะทุก ๆ กระป๋องมันไม่จำต้องใช้ ที่เปิดกระป๋องแล้ว เพราะมีเจ้าสิ่งนี้ เค้าเรียก ริงพูล ( ring-pulls) หรือที่เรา ๆ เรียกกันว่า ห่วงเปิดกระป๋องแค่ดึง งัดมันขึ้นตามหลักของคานในเรื่องฟิสิกส์แล้วฝากระป๋องก็จะแง่มออกมาเอง ในสมัยปัจจุบัน วัสดุที่ใช้ทำกระป๋องโลหะ ส่วนมากจะเป็นเหล็กเคลือบ มีทั้ง เหล็กเคลือบดีบุก เคลือบสารผสมฟอสเฟตและโครเมต เคลือบอะลูมิเนียม และก็ยังที่ไม่ใช่เหล็กเคลือบจะเป็นพวก สแตนเลส หรือ เหล็กกล้าไร้สนิม หรือไม่ก็อลูมิเนียมไปเลย แต่ด้วยความที่ว่า วัสดุเหล็กเคลือบหรือแม้แต่สแตนเลส ที่เอามาทำกระป๋องมีจุดประสงค์คือ ป้องกันการกัดกร่อนไม่ให้เป็นสนิม และ เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารที่สัมผัสกับภาชนะกลายเป็นพิษ วัสดุพวกนั้นจะมีชั้นฟิล์มปกป้องที่เนื้อเหล็กอยู่ทำให้ไม่เกิดสนิม ทำให้อาหารไม่เป็นพิษ แต่ชั้นฟิล์มที่ว่ามันโดนขูดขีดออกไปได้ถ้าถูกเสียดสีมาก ๆ หรือมันเสื่อมสภาพได้ ( ยกเว้นแสตนเลสที่สร้างฟิล์มปกป้องขึ้นมาได้ใหม่ แต่มันก็มีอายุขัยของชั้นฟิล์มเหมือนกัน ) ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าบางครั้งจะเห็นกระป๋องเก่า ๆ ที่เป็นสนิมแต่กระป๋องใหม่ ๆ จะไม่เป็นถึงจะโดนน้ำโดนลมก็เถอะ เราจะไม่ใช้เหล็กเคลือบ ตะกั่ว หรือเหล็กเคลือบ สังกะสี มาบรรจุอาหารแน่นอนเพราะ มันเป็นโลหะหนัก มันอันตรายต่อร่างกายเรื่องเล่าจาก เดอะตินแคน ครั้งหนึ่งผมต้องไปฝึกงานที่โรงงานเพราะเรียนวิศวะ ตอนนั้นอยู่ปี 3 โรงงานอยู่ที่ ฉะเชิงเทรา มหาลัยอยู่ กรุงเทพ เลยต้องไปหาหออยู่แถว ๆ โรงงานแล้วชีวิตเด็กหอก็เริ่มขึ้น ที่หอไม่มีตู้เย็น สิ่งที่ตอบโจทย์ตอนหิวแต่ไม่อยากออกไปคือ ปลากระป๋อง กับ ผักดอง ช่วงนั้นกำลังเลิกกงานพอดี รู้สึกอยากหาอะไรลองท้องเลยเอาปลากระป๋องในกระเป๋ามาเปิด อุ้ย !! ทำห่วงเปิดกระป๋องขาด เปิดไงละทีนี้ มองไปรอบ ๆ เห็นไขควง กับค้อนยาง วางอยู่ที่โซนเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ ใกล้ ๆ เครื่องกลึง คิดอะไรแผลง ๆ ได้เลยขอยืมพี่ที่โรงงานมา วางกระป๋อง ไว้ที่โต๊ะ ไขควงล้างแอลกอฮอล์รอให้แห้ง เอาด้านแหลมทิ่มไปตรงรอยต่อฝากับตัวกระป๋อง แล้วก็เอาค้อนยางมา ทุบ !! ไม่ออก ครั้งแรกกล้า ๆ กลัว ๆไม่เคยเปิดด้วยวิธีนี้มาก่อน ครั้งที่สอง โพ๊ะ !! เข้าให้ กระจายเต็มรองเท้าเซฟตี้ แตกหนึ่ง สวยพี่สวย รองเท้าเต็มไปด้วยกลิ่นปลาแมคคาเรล กินได้แค่ครึ่งกระป๋อง ที่เหลือลงไปอยู่ที่รองเท้ากับขากางเกง นี่แหละรู้ยังว่าทำไมสมัยก่อนที่ไม่มีที่เปิดกระป๋อง แล้วต้องเปิดด้วยค้อนกับสิ่ว มันยากขนาดไหน เดินกลับหอด้วยรองเท้าที่เหม็นคาวไปยันขากางเกงที่มารูปรูปหน้าปก https://www.pexels.com/th-th/photo/3008/ รูปนโปเลียน https://pixabay.com/photos/napoleon-bonaparte-emperor-france-67784/ รูปขวดโหลแก้ว https://pixabay.com/photos/pickles-billet-cucumbers-1799731/ รูปห่วงเปิดกระป๋อง https://pixabay.com/photos/soda-can-aluminum-beverage-cola-686984/
ขุนเตย • 26 พ.ค. 63
อ่าน
Hong Kong : สักการะ [เจ้าแม่ทับทิม] ที่วัด Tin Hau
Hong Kong : สักการะ [เจ้าแม่ทับทิบ] ที่วัด Tin Hau Yao Ma Tei อยู่ในฝั่ง Kowloon เป็นย่านที่เหมือนถูกอนุรักษ์ความเก่าแก่ไว้ เพราะบรรดาตึกทั้งหลายที่ไม่ได้อยู่ในถนนหลักมีความต่างจากย่าน Mong Kok ที่อยู่ติดกันอย่างมาก ยิ่งถ้าเทียบกับย่าน Tsim Sha Tsui แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิตแห่งหนึ่งของเกาะฮ่องกงที่ห่างไปเพียง 1 กิโลเมตร จะยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน แต่ Yao Ma Tei ก็มีแรงดึงดูดเฉพาะตัวที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องไป นอกจากจะมี Mido ร้านอาหารเก่าแก่ที่เคยเป็นฉากถ่ายทำหนังฮ่องกงมามากมายหลายเรื่องจนนักท่องเที่ยวกำหนดเป็นจุด Check In ประจำฮ่องกงจุดหนึ่งแล้ว แค่ข้ามถนนเล็ก ๆ ข้างร้าน ยังมีอีกความน่าสนใจนั่นคือ [วัด Tin Hau] เราพักกันในย่าน Jordan ที่ติดกับ Yao Ma Tei เดินเพลิน ๆ แค่ 5 นาทีก็ถึง วันไหนเดินไปแถวนั้นหรือผ่านทางเพื่อไปที่อื่นด้วยถนนเส้นด้านหลัง ไม่ใช่ถนนหลักที่ชื่อ Nathan ก็จะต้องเจอกับ [วัด Tin Hau] ที่อยู่ติดกับสวนสาธารณะเล็ก ๆ แต่ร่มรื่นเสมอ เราไม่ใช่นักท่องเที่ยวสายบุญ แต่รูปทรงของวัดทำให้ไม่อาจห้ามใจไม่เข้าไปเยือนได้ ตัวอาคารเป็นแบบวัดจีนทั่วไป ภายในก็อย่างนั้น แต่ความน่าสนใจแรกที่เห็นคือธูปวงกลมขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือหัวเรียงรายสวยงามพร้อมถาดสีทองเหลืองด้านล่าง แต่สำหรับคนที่มาสักการะนี่คงไม่ใช่แค่ความสวยงามแต่เป็นความศรัทธา พอเดินเข้าไปด้านในจึงเห็น [องค์พระ] ที่ประดับองค์ด้วยเครื่องทรงจีนอยู่ในแท่นประดับที่รู้สึกได้ถึงความเคารพนับถือ ไม่รอช้าหาข้อมูลกันทันทีจึงพบว่านี่คือ [เจ้าแม่ทับทิม] ที่ถือเป็น [เทพีแห่งท้องทะเล] ตั้งแต่สมัยที่ฮ่องกงเป็นหมู่บ้านชาวประมง เราเดินชมวัดอย่างนอบน้อมท่ามกลางบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ด้านหนึ่งมีรูปวัดดั้งเดิมติดอยู่บนฝาผนังใต้รูปมีภาษาจีนเขียนอยู่หลายบรรทัดที่แน่นอนว่าอ่านไม่ออก แต่เห็นตัวเลขหลายตัวที่น่าจะเป็น ค.ศ. และเมื่อหาข้อมูลเพิ่มจึงรู้ว่าตัวเลข 1876 คือ ปี ค.ศ.ที่สร้างวัด สำหรับนักท่องเที่ยวไม่มีอะไรดีไปกว่าเก็บความรู้สึกทึ่งทั้งหมดไว้ด้วยภาพถ่าย ซึมซับความเคารพศรัทธาผ่านการดูแลรักษาสถานที่เป็นอย่างดีแม้เวลาจะผ่านมานานกว่าร้อยปี และนำไปเผยแพร่ให้โลกได้รู้ว่าฮ่องกงแดนสวรรค์ของนักช้อป ก็มีความลุ่มลึกให้ได้สัมผัสอยู่ในย่านบ้านเรือนเก่า ๆ อย่าง Yao Ma Tei แม้ไม่ใช่นักท่องเที่ยวสายบุญ แต่เราก็ออกจากที่นั่นด้วยความเต็มอิ่มศรัทธา การได้สักการะ [เจ้าแม่ทับทิม] แม้เราจะไม่ใช่ชาวประมงที่มาเพื่อขอพรให้เดินเรือปลอดภัย แต่ก็รู้สึกได้ว่าเราจะปลอดภัยตลอดการท่องเที่ยวในฮ่องกง ทุกภาพโดย : [ f i l e b y N o r ] บทความอื่นของ f i l e b y N o r
f b n • 11 พ.ค. 63
อ่าน
Tin & Tonic Cafe and Bistro
คาเฟ่ลับๆย่านเมืองเก่าภูเก็ตอยู่ในโครงการChimjae Walking Streetตั้งอยู่ที่ถนนดีบุกมองผ่านๆนี่คิดว่าเป็นแค่บ้านคนธรรมดานะใครจะคิดว่าจะมีคาเฟ่แอบซ่อนอยู่ข้างหน้าจะเป็นประตูเหล็กเก่าๆเปิดเข้าไปจะเจอบันไดและมีป้ายชื่อร้านมีเก้าอี้ให้นั่งถ่ายรูปตรงบันไดเก๋ๆถ้ามากลางคืนตรงนี้จะเป็นไฟเลทสวยมาก *เครดิตรูป : Daboy ภายในร้านจะตกแต่งสไตล์ลอฟต์ออกแนวเกาหลีหน่อยๆแบ่งออกเป็นหลายโซนมีโซนทั้งเคาเตอร์บาร์เหมาะแก่การมาคนเดียวชิลๆมาแบบอินดี้จิบกาแฟพร้อมกับฟังเพลงเพราะๆกลางคืนจะมีดนตรีสดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค็อกเทลด้วย *เครดิตรูป : Daboy โซนตรงหน้านักร้องก็จะมีโต๊ะให้นั่งสำหรับมากันเป็นกลุ่มมากับเดอะแก๊งคนเพื่อนเยอะเลือกโซนนี้เลย มีทั้งเครื่องดื่มเค้กและขนมอีกหลายชนิด เมนูชากาแฟก็จะมี เอสเพรสโซ่, อเมริกาโน,คาปูชิโน,ม็อคค่า, ลาเต้, คาราเมลมัคคิเอโต้,ช็อกโกแลต, มัทฉะกรีนทีลาเต้ราคาจะเริ่มต้นที่ 50 บาท เพิ่มวิปปิ้งครีมช๊อตละ10 บาทเมนูอิตาเลี่ยนโซดา ราคา 80บาท เมนูสมูตตี้ราคาจะอยู่ที่ 95 บาท และเบเกอรี่ก็จะมี บราวนี่ราคา 80 บาทชีสเค้กราคา 90 บาท สามารถนั่งเมาส์มอยไปกินเค้กจิบชาฟินนน~ แอดได้ลองสั่งเมนูมัทฉะกรีนทีลาเต้ รสชาติเข้มขึ้นถึงใจดี สำหรับคนที่ชอบดื่มชาเขียวมัทฉะต้องติดใจแน่ ๆ ค่ะ *เครดิตรูป : Daboy ส่วนอีกโซนจะอยู่ชั้น2มีทั้งโต๊ะธรรมดาและเป็นโซฟาข้างบนบรรยากาศจะดีมากเพราะค่อนข้างจะโล่งมีช่องให้มองเห็นวิวด้วยตอนเย็นๆแสงกำลังดีพกกล้องพาเพื่อนหรือคนรู้ใจมาด้วยยิ่งดีเลย ตอนแอดไปไม่ค่อยมีคนเพราะเป็นวันปกติ เลยได้ถ่ายรูปแบบชิล ๆ อิอิ *เครดิตรูป : Daboy ที่นี่สามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมเลยนะตั้งแต่ทางขึ้นไปจนถึงชั้น2ใครที่เป็นสายดาร์กห้ามพลาดจะนั่งจะยืนจะนอนจะตีลังกาแล้วแต่สะดวกเลยจ้าาถ้าไปช่วงวันหยุดคนจะเยอะหน่อยแอดมีโอกาสได้ไปตอนเลิกงานตอนเย็นไม่ค่อยมีคนจึงทำให้สามารถเก็บรูปได้เกือบทุกมุมเลย *เครดิตรูป : Daboy ถ้าถามถึงบรรยากาศแอดให้10/10เลยจ้าเพราะว่าดูแปลกดูคูลมีเสน่ห์นะใครได้ลองหลงมารับรองว่าจะหลงรักแน่นอนพนักงานก็บริการดีทุกคนเลยนะเอาเป็นประทับใจ🖤 📍พิกัด: 39ถนนดีบุกตำบลตลาดเหนืออำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต83000 🌀 เวลาเปิด-ปิด: 9.30 - 18.00น. ☎️ เบอรโทร. 064-6545514
Daboy • 4 ก.พ. 63
อ่าน
Tin & Tonic Café and Bistro ☕
คาเฟ่ลับเปิดใหม่ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ทางเข้าจะเป็นประตูเหล็กเก่า ๆ เปิดมาเจอบันไดแคบ ๆ แต่พอได้ขึ้นไปเท่านั้นแหละ ที่นี่สวรรค์ชัด ๆ แบบสวยมาก ไฟมืด ๆ สลัว ๆ ได้บรรยากาศมาก เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจหลังจากทำงานหนัก ๆ หรือมานั่งชิล ๆ ในวันหยุดก็ได้ และหลังจากทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนหย่อนใจ นั่งฟังเพลงชิล ๆ สั่งเครื่องดื่ม ขนม และเค้ก สั่งเสร็จก็ไปเลือกนั่งโซนไหนแล้วแต่ชอบ แล้วแต่สะดวกเลยมีโซนให้เลือกหลายโซนเลย ได้โซนที่เหมาะแล้ว ก็รอเครื่องดื่มมาเสริฟ์ ก็ถ่ายรูปสวย ๆ ไปก่อน โซนด้านบนเป็นโซนแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว ส่วนใหญ่คนที่ขึ้นไปก็จะเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป เพราะวิวดีย์มาก มากจริง ๆ บรรยากาศ แสง บวกกับเสียงเพลงเบา ๆ ที่ทำให้บรรยากาศดี นั่งเพลิน สบายใจแบบพักผ่อนจริง ๆ ส่วนอีกโซนก็จะเป็นข้างหลัง ไปคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะมีที่นั่งแบบคนเดียว นั่งชิลไป ฟังเพลงไป สบายใจทุกอย่าง ส่วนอีกโซนก็เป็นบริเวณเคาเตอร์บาร์ เหมาะสำหรับมากันหลายคน มากันแบบกลุ่มเพื่อน เม้าส์มอยกันอะไรแบบนั้น ทั้ง 3 โซนนี้บอกเลยชอบโซนด้านบนมากที่สุด เป็นโซนที่เห็นวิวรอบด้าน เห็นท้องฟ้าสวย ๆ สบายตา ชอบสุดก็โซนบนนี่แหละชอบแต่ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์แต่ละคนว่าชอบแบบไหน สามารถเลือกโซนนั่งได้ตามความชอบเลย ส่วนเรื่องรสชาติของเครื่องดื่ม รสชาติดี อร่อย แถมราคาไม่แพง ถ้าให้คะแนนก็ให้ 9/10 ในส่วนของพนักงานบริการดีมาก พูดจาเพราะ ยิ้มแย้ม อยากบอกเลยว่าที่นี่ดีจริง ๆ แนะนำเลยค่ะ ที่อยู่ : 39 ถนนดีบุก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000 เวลาเปิด-ปิด : 9.30 - 18.00 น. #ReviweCafé #ByBów
B'Bow • 25 พ.ย. 62