ผลการค้นหา “Happy Ending” - ทรูไอดี

ชีวิตที่วาดฝัน

ส่อง เจฟ ซาเตอร์ โปรดิวเซอร์ซีรีส์ Happy Ending เรื่องแรกจาก Studio on Saturn

     'เจฟ วรกมล ซาเตอร์' หรือที่หลายคนรู้จักเขาในนาม ‘เจฟ ซาเตอร์’ ศิลปินและนักแสดงหนุ่มหล่อมากความสามารถที่มีประสบการณ์ในวงการมาอย่างยาวนานถึง 10 ปี และเป็นเวลา 10 ปีกับการพิสูจน์ฝีมือจนได้รับการยอมรับในฐานะศิลปินคุณภาพ และเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจฟ ซาเตอร์ก็เพิ่งจะได้รับรางวัล ‘ศิลปินชายเดี่ยวยอดเยี่ยม’ จากผลงานเพลง จากก่อนที่เธอจะลืมฝัน ในงานประกาศรางวัลคมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 20       สำหรับผลงานในสายงานการแสดงถือเป็นอีกหนึ่งคนที่เคยผ่านงานการแสดงมาแล้วไม่น้อย แต่ผลงานที่สร้างชื่อเสียงและทำให้ใครหลายคนรู้จักเขาคือบทบาท ‘คิม’ จากซีรีส์ KinnPorsche The Sereies รักโคตรร้าย สุดท้ายโคตรรัก ในปี 2565 และล่าสุดในปีนี้ เจฟ ซาเตอร์ ก็ได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ผลิตผลงานซีรีส์เรื่องแรกที่ความพิเศษอยู่ตรงเป็นซีรีส์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Studio on Saturn ซึ่งเป็นบริษัทที่เจฟ ซาเตอร์เป็นเจ้าของ งานนี้เรียกได้ว่าทั้งผลิตเองและ แสดงเอง สมฉายาพระเจ้าเจฟที่ไม่มีอะไรทำไม่ได้       ‘Happy Ending’ คือชื่อของซีรีส์ที่เรียกว่าเป็น First Original Series ของ Studio on Saturn โดยก่อนหน้านี้ทางออฟฟิเชียลของสตูดิโอก็ได้มีการปล่อยภาพคาแรคเตอร์ตัวละครออกมาทั้งหมด 4 คน ได้แก่ Damon (เดม่อน), Anawin (อนาวิน), Finn (ฟินน์) และ Joanna (โจแอนนา) ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีคำใบ้เรื่องราวของตัวเองไว้บนหน้าที่เป็นปริศนาน่าสนใจไม่แพ้ความสงสัยว่าใครจะเป็นนักแสดงที่มารับบทตัวละครดังกล่าว     และไม่นานหลังจากนั้น วันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางออฟฟิเชียลก็ได้ออกมาเฉลยนักแสดงด้วยการปล่อยภาพ Official Pilot Poster รูปแรก โดยนักแสดงหลักทั้ง 4 คนที่มารับบทนำในซีรีส์เรื่องนี้ได้แก่ เจฟ ซาเตอร์ รับบท เดม่อน, ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล รับบท ฟินน์, บาร์โค้ด ตฤณสิทธิ์ อิสระพงศ์พร รับบท อนาวิน และ โจริญ คัมภีรพันธุ์ (โจริญ 4EVE) รับบท โจแอนนา ซึ่งทุกคนล้วนแต่เป็นนักแสดงมากความสามารถที่เคยฝากผลงานลงจอมาแล้วทั้งสิ้นงานนี้การันตีคุณภาพและความเข้มข้นไว้รอได้เลย       Happy Ending…? จากภาพสปอยเนื้อหาสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นซีรีส์แนวเอาชีวิตรอด ปริศนา ระทึกขวัญที่อาจถูกใจคอซีรีส์ต่างประเทศ และแค่งานอาร์ตเวิร์คที่ปล่อยออกมาก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจและคุณภาพของงานที่ไม่แพ้ระดับฮอลลีวูด นอกจากนี้ซีรีส์แนวๆนี้ก็ยังหาดูได้ยากจากผลงานของคนไทย เนื่องจากหลายบริษัทมักจะเน้นไปที่การผลิตซีรีส์แนวโรแมนติก ดราม่าหรือคอมเมดี้เป็นส่วนใหญ่ และจากการจับต้นชนปลายคาแรคเตอร์ตามคำใบ้ของตัวละคร ‘อนาวิน’ คือตัวหลักในการดำเนินเรื่องราว เนื่องจากในคำใบ้จะแทนสรรพนามว่า เขา และ เธอ ยกเว้นอนาวินคนเดียวที่ใช้สรรพนามแทนว่า ผม คล้ายกับเขากำลังกล่าวถึงบุคคลเหล่านั้นผ่านสิ่งที่ได้รับรู้มา โดยอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับ ‘หนังสือเล่มแดง’ ที่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกกล่าวถึงของการสปอยเนื้อหา และเป็นไปได้ว่าหนังสือเล่มแดงคือตัวแปรและจุดเริ่มต้นสำคัญของเรื่องราวในเรื่อง โดยที่ทั้งสี่ตัวละครมีความเชื่อมโยงกัน  ตัวละครใน Happy Ending Damon (เดม่อน) รับบทโดย เจฟ ซาเตอร์Damon in braille ชายผู้สักคำว่า ‘Damon’ เป็นอักษรเบรลล์ไว้ตรงคอ  Anawin (อนาวิน) รับบทโดย บาร์โค้ด ตฤณสิทธิ์ อิสระพงศ์พรอนาวิน หมายถึง ผู้พ่ายแพ้…ที่ต้องหนีเอาชีวิต และเป็นตัวละครที่บังเอิญได้เจอกับหนังสือเล่มแดงที่มีผลต่อชะตาชีวิตของตัวเอง  Finn (ฟินน์) รับบทโดย ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุลนายตำรวจ Finn Thompson, DCI ตำรวจผู้มีภูมิหลังน่าสนใจ  ​​​Joanna (โจแอนนา) รับบทโดย โจริญ คัมภีรพันธุ์ (โจริญ 4EVE)โจแอนนา หมอผ่าศพที่แตกต่างจากหมอคนอื่น       Happy Ending…คำนี้มักปรากฏในตอนจบของหนังสือ ละคร หรือภาพยนตร์เมื่อเรื่องราวทั้งหมดเดินทางมาถึงตอนจบและทุกตัวละครได้พบกับความสุขในตอนสุดท้าย แต่สำหรับซีรีส์เรื่องนี้จะลงเอยที่ Happy Ending ดั่งชื่อเรื่องหรือไม่ต้องรอติดตามรับชมในซีรีส์เต็มเรื่องซึ่งจะปล่อยออกมาให้ได้รับชมภายในปีนี้นะคะ    เครดิตภาพประกอบบทความภาพปกจาก Studio_onSaturnภาพประกอบจาก Studio_onSaturn : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3.1, 5 / ภาพที่ 3.2, 6 / ภาพที่ 3.3, 7 / ภาพที่ 3.4, 8 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 9คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง เพลงดังฟังไม่หยุด ศิลปินหน้าใหม่โดนใจ หวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน

"ติวเตอร์-ยิม" ยิ้มรับความสุข บทสรุปความรัก Happy Ending ร่วมส่งท้ายซีรีส์ "พี่เจตคนกลาง"

เรียกได้ว่าเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ที่ได้ดูการเติบโตของความรักและลุ้นไปกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในออฟฟิศระหว่างน้องฝึกงานสายบุกที่ตกหลุมรักรุ่นพี่ในที่ทำงาน อย่าง ไม้-เจต จากซีรีส์เรื่อง พี่เจตคนกลาง นำแสดงโดย ติวเตอร์ กรภัทร์ ลำน้อย ที่รับบทเป็น ไม้ และ ยิม ปริญญากรณ์ ขันสวะ รับบท เจต ซึ่งผลิตความฟินโดย มันดีเวิร์ค โดยเดินทางมาถึง Final EP ที่เป็นบทสรุปของความสัมพันธ์ "ติวเตอร์-ยิม" ยิ้มรับความสุข บทสรุปความรัก Happy Ending ร่วมส่งท้ายซีรีส์ "พี่เจตคนกลาง" เมื่อแฟน ๆ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ฉากจบก็ต้องมาอินไปพร้อมกัน ด้วยการปิดโรงภาพยนตร์ชมกันแบบจอใหญ่ ณ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ในงาน The Middlemans love Final EP (ในวันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา) โดยทีมนักแสดง นำโดย ติวเตอร์ กรภัทร์ ลำน้อย และ ยิม ปริญญากรณ์ ขันสวะ รวมถึง เน็ต สิรภพ มานิธิคุณ , เจมส์ ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์, เลโอ พีรพันธ์ จึงเจริญพาณิชย์ , ไต๋ ธนภัทร ขจรชัยกุล ,มาร์ค สรธรรศ์ บัวงาม และ โทมัส ธีร์ทัศน์ จึงมณีรัตน์ แท็กทีมกันมาชมซีรีส์ไปพร้อมกันกับแฟนคลับ โดยมีอีก 1 นักแสดงในเรื่องอย่าง ปาร์ค ภาณุภัทร อโนมกิติ ทำหน้าที่เป็นพิธีกรภายในงาน ความฟินที่ได้มาชมซีรีส์พร้อมกันในโรงภาพยนตร์ที่จอยักษ์ เสียงชัดดังกระหึ่ม ทำให้มีเพื่อนกรี๊ด จิกเบาะไปกับโมเมนต์ฉากต่างๆ และได้รู้คำตอบของหัวใจ ไม้-เจต ไปพร้อมกัน ขณะที่ทีมนักแสดงก็ยิ้มไปกับความสุขของแฟนๆ ที่แสดงออกมากันแบบไม่มีกั๊ก ถือได้ว่า Mission Complete ในการสร้างความสุขผ่านซีรีส์มาก ๆ งานนี้ทีมนักแสดงจากซีรีส์ พี่เจตคนกลาง ยังเผยถึง EP สุดท้ายว่า พวกเราขอขอบคุณแฟนๆ ทุกคน ที่ติดตามซีรีส์เรื่อง พี่เจตคนกลาง กันมาตั้งแต่แรก และลุ้นในความสัมพันธ์ของ ไม้-เจต กันมาตลอด ในช่วงของการถ่ายทำพวกเราตั้งใจมากๆ เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ ไม่ใช่แค่ความรักของตัวละครที่ได้เรียนรู้หัวใจกัน แต่พวกเราทีมนักแสดงยังได้เติบโตในการทำงานไปด้วยกัน ได้สร้างความทรงจำ และเป็นความผูกพันธ์มากๆ ในการทำงาน ดีใจที่ทุกคนชื่นชอบและชื่นชมในผลงานเรื่องนี้ครับ โอกาสดีได้มารวมตัวส่งท้ายซีรีส์ พี่เจตคนกลาง ด้วยกันทั้งที ทีมนักแสดงยังมีความสนุกมาให้กับแฟนๆ ได้เอ็นจอยกันแบบจัดเต็ม ทั้งโชว์สุดพิเศษ และการเล่นเกมที่มีของขวัญแทนใจ เรียกได้ว่าเป็นการส่งความสุขรับปีใหม่ไปด้วยกัน แต่ถ้ายังอินและอยากฟินต่อ เปิดวนชมกันได้เรื่อย ๆ กับความรักของ ไม้ -เจต ในซีรีส์เรื่อง พี่เจตคนกลาง ทางยูทูบhttps://youtube.com/@MandeeWork อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : ประวัติ ติวเตอร์ กรภัทร์ ลำน้อย ประวัติ ยิม ปริญญากรณ์ ขันสวะ

รีวิว ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending) หนังรักสูตรสำเร็จแสนเรียบง่าย เอาไว้ดูแก้เบื่อได้แต่ไม่ถึงกับน่าจดจำ

รีวิว ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending) หนังรักสูตรสำเร็จแสนเรียบง่าย เอาไว้ดูแก้เบื่อได้แต่ไม่ถึงกับน่าจดจำ บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending)ภาพยนตร์รักจากไทยที่จะมานำเสนอเรื่องราวความรักที่แตกต่างกันไปถึง 5 เรื่องให้กับผู้ชมในภาพยนตร์เรื่องเดี่ยว เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ เดี่ยว (พีช พชร) นักเขียนบทหนุ่มสุดเซอร์ที่กำลังเฝ้าแม่ที่ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาล เขาได้เจอกับ บัว (มินนี่ ภัณฑิรา) สาวที่แสนสดใสน่ารักที่เธอก็มาเฝ้าคนรู้จักเหมือนกัน เมื่อทั้งคู่ได้คุยกันบัวก็ได้รู้ว่าเดี่ยวกำลังเขียนบทหนังอยู่ เธอจึงขอเขาอ่านบทนั้น ซึ่งบทที่เดี่ยวเขียนอยู่มีทั้งหมด 4 เรื่อง ได้แก่ 1.คนตรงข้าม เรื่องราวของ โขม (ณัฏฐ์ กิจจริต) ชายหนุ่มที่ได้พนันกับเพื่อนว่าจะจีบ จิงจิง (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) สาวตึกตรงข้ามให้ติดภายใน 14 วีน ที่เขาต้องกักตัวอยู่ในห้อง 2.คนข้างบ้าน เรื่องราวของ เต๋อ (ทิกเกอร์ อชิระ) เด็กหนุ่มมัธยมที่แอบหลงรัก ชาเย็น (เพียว เพียวรินทร์) สาวข้างบ้าน แต่เธอดันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ 3.คนที่เกลียด เรื่องราวของ อ๊อต (ชิม่อน วชิรวิชญ์) ไรเดอร์หนุ่มที่ต้องการเอาชนะไรเดอร์ปริศนา (ปั๋น ดริสา) ที่เขาเจอเป็นประจำ และเรื่องสุดท้ายเรื่องที่ 4.คนแอบชอบ เรื่องราวของ เสือ (ลี ฐานัฐพ์) พนักงานร้านสะดวกซื้อที่แอบชอบพยาบาลสาว จ๋า (ฝน ศนันธฉัตร) แต่เธอดันแอบชอบหมอฟันที่เธอทำงานด้วยอยู่ สรุปก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปเห็นความรักหลายรูปแบบที่มีบทสรุปแตกต่างกันไป ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวความรักทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending) รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflixตัวอย่าง ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending)รีวิว ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending)สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่ภาพยนตร์ได้กลับมาติดกระแสอีกครั้งหลังจากที่เปิดตัวออกมาทาง Netflix เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่วนตัวตอนหนังฉายก็อยากไปดูอยู่แต่ไม่มีเวลาว่างจึงไม่ได้ไปดู เลยถือโอกาสนี้ดูเสียเลย ความรู้สึกแรกหลังดูจบคือ เฉยๆ คือตัวหนังออกมาในรูปแบบหนังรักไทยสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรที่แปลกใหม่มากมาย มาในมุกเดิมๆ สเต็ปเดิมๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหนังแย่นะครับ ตัวหนังยังมีเสน่ห์และความสนุกดูเพลินอยู่ โดยเฉพาะเรื่องความเพลินนี่ต้องบอกเลยว่าตัวหนังทำได้ดี คือรู้สึกแปปเดียวก็ดูจนจบซะแล้ว อาจเป็นเพราะตัวหนังมีหลายเรื่องหลายคู่ มันเลยให้ความรู้สึกว่าเราไม่ต้องรอปูอะไรมากมาย ดูจบเป็นคู่ๆ ไป เรื่อยๆ เพลินๆ แม้ว่าตัวบทจะธรรมดา แต่ยังดีที่นักแสดงทุกคนพอมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดเลยทำให้อยู่กับหนังไปได้จนจบอย่างที่บอกว่าตัวบทไม่ได้ล้ำหรือแปลกใหม่อะไรมากมาย ออกจะค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จแต่ก็เป็นสูตรสำเร็จที่คนส่วนใหญ่น่าจะชอบ เปรียบเหมือนอาหารจานง่ายๆ ที่กินได้ทุกวัน คือมันซ้ำซากนะแต่ถามว่าดูแล้วเพลิดเพลินไหม มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็ยังพอดูได้เพลินๆ จะมีก็แค่ตอนของไรเดอร์ที่ผมมองว่าอันนั้นมาแบบล้ำๆ และแปลกนิดนึง ซึ่งมันก็ช่วยตัดอารมณ์ได้ดีพอสมควร ส่วนตัวผมมองว่าการเล่าเป็นเรื่องสั้นมันดีตรงที่ทำให้คนดูรู้สึกไม่เบื่อเพราะดูแค่เป็นตอนๆ สั้นๆ ติดต่อกัน ทว่ามันก็มีข้อเสียตรงที่ทำให้คนดูไม่รู้สึกอินกับความรักของตัวละครเท่าที่ควร คือมันไม่ได้เกี่ยวกับเวลาไปเสียทั้งหมดหรอก เพราะหนังสั้นบางเรื่องก็ทำให้เราอินได้ อยู่ที่ว่าจะเอาเวลาที่มีไปเล่าอะไรมากกว่า ซึ่งในเรื่องนี้เขามักจะแบ่งเวลาไปให้ด้านคอเมดี้จึงทำให้มีเวลาไม่พอในการปูตัวละคร มันเลยทำให้คนดูรู้สึกไม่อินกับเรื่องราวเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้ตอนจบของแต่ละเรื่องมันเลยไม่สามารถสร้างอิมแพ็คหรือทำให้คนดูจดจำได้ต่อมาด้านการแสดง ส่วนนี้ผมมองว่ากลางๆ ภาพรวมออกมาอยู่ในมาตรฐานทั่วไป แต่ก็มีบางตัวละครที่แสดงได้ไม่ดี หรือแม้แต่นักแสดงหลักที่ในบางฉากก็แสดงออกมาแข็งๆ แปลกๆ แต่ก็เป็นแค่เพียงส่วนน้อย ภาพรวมคือออกมาดีใช้ได้แล้ว ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็ไม่ต่างกับการแสดงเท่าไหร่นัก คือส่วนใหญ่งานภาพการโปรดักชั่นต่างๆ ออกมาดี แต่ก็จะมีส่วนน้อยเช่นกันที่ออกมาแปลกๆ บางฉากงานภาพก็ออกมาดูลวกๆ คือมันต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลย ซึ่งมันมีแค่ไม่กี่ฉากเท่านั้นที่เป็นแบบนั้น ภาพรวมถือว่ากลางๆ ธรรมดาทั่วไป สรุปโดยรวมเลยคือ หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักแบบง่ายๆ ที่เหมาะแก่การเอาไว้ดูแก้เบื่อเวลาว่างๆ ไม่ได้มีความน่าจดจำอะไรเป็นพิเศษ มีทั้งรักและตลกตามแบบฉบับที่คนไทยชอบ ผมคิดว่าน่าจะมีหลายคนเลยที่ชอบหนังเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม อย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิว ทางที่ดีที่สุดคือทุกคนต้องไปดูและตัดสินด้วยตาของตัวเองสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง: ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending)ประเภท: โรแมนติก, คอเมดี้, เรื่องสั้นความยาว: 100 นาทีระบบเสียง: เสียงไทยช่องทางการรับชม: Netflix ผ่านกล่องทรูไอดีช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว Slumberland (สลัมเบอร์แลนด์) ภาพยนตร์ผจญภัยที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี สนุกเกินคาดพร้อมพากย์ไทยทาง Netflixรีวิว Revenge of Others (2022) ซีรีส์เกาหลีแนวระทึกขวัญเรื่องใหม่ที่ทุกคนไม่ควรพลาด!รีวิว Wednesday (เวนส์เดย์) ซีรีส์ของดีที่ทุดคนต้องดู! ผลงานจากผู้กำกับ Tim Burton ดูได้ทาง Netflix [มีพากย์ไทย]รีวิว Somebody (แอปรักแอบฆ่า) ซีรีส์แนวสืบสวนจากเกาหลีที่ใส่หลายอย่างเข้ามาจนล้นและไปไม่สุดซักทางรีวิว Christmas with You (คริสต์มาสนี้... ขอมีเธอ) หนังรอมคอมฟีลกู๊ดที่แสนเรียบง่าย แต่อัดแน่นไปด้วยความอบอุ่นและบรรยากาศในวันคริสต์มาสแหล่งที่มาภาพปก : ภาพที่ 1 จาก Facebook: Minnie Phantira Pipityakornภาพประกอบ : ภาพที่ 1 จาก Facebook: ใจฟูสตอรี่ / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 ภาพที่ 2-4 จาก Facebook: Minnie Phantira Pipityakornวิดีโอ : ใจฟูสตอรี่ - Official Teaser [ซับไทย] จาก Youtube : Major Groupจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

ฝึกฟังภาษาอังกฤษด้วยหนัง "Happy Ending"

เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษต้องเริ่มจากการฟังก่อนอย่างอื่น ทุกคนคงเคยได้ยิน "ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน" แต่อาจจะไม่รู้ว่ามันคือขั้นตอนที่เราเรียนภาษากัน ลองนึกถึงตอนที่เราเรียนภาษาแรกในชีวิต ตอนเราเป็นเด็กเราไม่ได้เริ่มจากการพูดก่อนเราเริ่มจากการฟัง ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือถ้าเราได้ยินภาษามาแบบไหนเราจะพูดเป็นแบบนั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเกิดทางภาคใต้เราจะใช้ภาษาไทยสำเนียงใต้ที่คนใต้สามารถพูดภาษาภาคกลางได้เนื่องจากเราได้ยินทางทีวีหรือสื่อต่างๆ แต่คนภาคกลางอาจจะไม่สามารถพูดภาษาไทยสำเนียงใต้ได้เลยหากไม่เคยได้ยินหรือไม่มีคนรอบข้างคนไหนเป็นคนใต้ การฝึกพูดภาษาอังกฤษที่เรียนรู้กับตัวเองคือการดูหนังที่มี subtitle เป็นภาษาอังกฤษ ตอนดูอาจจะต้องใช้ความตั้งใจสังเกตหน่อยว่าเขาพูดกันแบบไหนในสถานการณ์นั้นๆ เก็บคำต่างๆและเข้าใจบริบท สำหรับคนที่อยากดูหนัง feel good จบแบบ Happy Ending ลองไปดู 4 เรื่องนี้เพื่อฝึกฟังภาษาอังกฤษ ฟังแล้วลองออกเสียงตามดูถ้าเจอคำใหม่ๆเป็นการสร้างรอยความจำให้สมอง (cookie) เหมือนเราเคยพูดหรือใช้ประโยคนั้นๆมาก่อน นี้คือเหตุผลว่าทำไมเราไม่ต้องแปลประโยคที่เราพูดซ้ำๆ เพราะสมองเข้าใจแล้วไม่ต้องแปลไปๆมาๆ  เรื่องที่ 1: The Intern หนังเรื่องนี้มีนักแสดงนำชายเป็นผู้ชายวัยเกษียณและนักแสดงนำหญิงที่เป็น Working Woman วัยทำงาน เมื่อธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์เริ่ม Kick Off ทำให้ผู้บริหารหญิงเก่งทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับบริษัทไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่บ้านแบบผู้หญิงทั่วไป เมื่อบริษัทต้องทำ CSR เพื่อตอบแทนสังคมทีมงานของบริษัทได้คิดแคมเปญจ้างงานผู้ใหญ่วัยเกษียณและเป็นที่มาของเรื่องราวต่างๆ ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องวัยเกษียณ เรื่องที่ 2: As Good As It Getsชื่อเรื่องนี้เป็นสำนวนที่ใช้กันทั่วๆไปที่แปลว่า "ดีเท่าที่จะเป็นไปได้" เรื่องนี้เป็นความรักแบบปลงๆ ระหว่างสาวเสิร์ฟที่มีปัญหาทางด้านการเงินกับชายวัยกลางคนที่มีปัญหาการเข้าสังคม เมื่อความรักเริ่มจากความสงสารของคนทั้งคู่ ฝ่ายผู้หญิงสงสารฝ่ายชายที่ไม่มีใครอย่าสนทนาด้วยหรือแม้แต่เข้าใกล้เพราะไม่มีความสุภาพในการเข้าสังคมเลยและฝ่ายชายเห็นความลำบากของฝ่ายหญิงที่ต่อสู้เพื่อรักษาลูกชายของเธอ เมื่อความรักทำให้สถานการณ์ของทั้งคู่ดีขึ้นอาจจะไม่ดีที่สุดอย่างที่เคยคิดฝันแต่ก็ "ดีเท่าที่เป็นไปได้"เรื่องที่ 3: Princess Switchความรักแบบเทพนิยายซินเดอเรลล่าต้องเรื่องนี้เลย เมื่อสาวชิคาโกผู้เป็นเจ้าของร้านขายเบเกอรี่ต้องไปแข่งทำขนมในประเทศหนึ่งในยุโรปที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์เมื่อไปถึงกลับไปเจอเรื่องบังเอิญครั้งใหญ่ที่ทำให้ต้องไปสลับตัวกับเจ้าหญิงที่เป็นคู่หมั้นของเจ้าชายรัชทายาทของประเทศ เมื่อใช้เวลาด้วยกันทำให้รู้ว่าความรักมันเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่กับผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้น แล้วเจ้าชายจะทำยังไงหากรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวอย่างใช้เวลาด้วยและตกหลุมรักไม่ใช่คนที่ถูกหมั้นหมายอย่างเป็นทางการไว้ให้เรื่องที่ 4: Love Actually ช่วงคริสต์มาสใครๆก็ต้องการความรักและช่วงเวลาแห่งความสุขกับคนรัก เส้นทางความรักของคนหลายคนเข้ามาประกอบกันเป็นเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ อุปสรรคต่างๆของความรักทำให้เกิดรักแท้ การสูญเสียคนรักไม่ใช่จุดจบ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆทำให้ต้องให้อภัย หนังเรื่องนี้พยายามบอกเราว่าความรักนำสิ่งสวยงามมาให้กันเสมอ ตอนจบมีเพลงเพราะๆ ให้ฟังเหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสและในหนังเรื่องนี้มีทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกันให้ฟังกัน ทักษะการฟังเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราเรียนรู้ประโยคต่างๆที่ใช้งานจริงซึ่งอาจจะไม่เคยเรียนรู้จากในห้องเรียน หากต้องการประสบการณ์ในการใช้ภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องไปผจญภัยด้วยตัวเองการฟังจากหนังเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ต้องการที่จะฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกคน ลองดูหนังทั้ง 4 เรื่องโดยดูแต่ซับภาษาอังกฤษ ถ้าไม่เข้าใจให้ดูซ้ำแต่ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นภาษาไทยนะคะ เวลาพูดภาษาอังกฤษกับภาษาไทยไม่มีการแปลตรง ๆ เพราะทุกการพูดเป็นตามสถานการณ์แล้วอย่าลืมจดศัพท์เพิ่มด้วยนะ  หลังจาก 4 เรื่องนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะดูหนังให้ได้ทุกวันเพื่อฝึกฟังและเก็บประโยคต่างๆจากหนังที่เราดูเพื่อเอาไปใช้จริงครูด้วงEnglish Forward Unlimitedภาพประกอบโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

เพลงใหม่ป๋าไมค์! Mike Shinoda แห่ง Linkin Park จับมือ Iann dior UPSAHL ปล่อยเพลง Happy Ending

ไมค์ ชิโนดะ (Mike Shinoda) สมาชิกคนสำคัญของ ลิงคิน พาร์ค (Linkin Park) หนึ่งในวงร็อกหัวแถวของวงการเพลงยุค 2000 มี ซิงเกิ้ล License To Waltz ออกมาให้ฟังกันตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ซึ่งเป็นงานที่ทำขึ้นมาในช่วงที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการระบาดของโควิด-19 และเป็นการทักทายแฟนเพลงครั้งสุดท้ายของไมค์ ชิโนดะ หลังเวลาผ่านไปเกือบ ๆ ปี ไมค์ ชิโนดะ กลับมาแล้วพร้อมกับซิงเกิลใหม่ Happy Ending ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนเพลง และสื่อดนตรีทั่วโลกมากมาย เห็นได้จากยอดสตรีมและยอดชมมิวสิค วิดีโอแบบเนื้อร้องของเพลงนี้ ที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการที่สื่อต่างๆ พร้อมใจกันพูดถึง Happy Ending ไมค์ ชิโนดะ เขาไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง แต่ยังกลับมาพร้อมกับสองศิลปินแถวหน้าของวงการ เอียน ดิออร์ (Iann dior) และอัปซอห์ล (UPSAHL) ที่การร่วมงานในครั้งนี้ ทำให้ Happy Ending เป็นเพลงที่ผสมผสานความโดดเด่นของทั้งสามศิลปินเข้าด้วยกัน มีทั้งความเป็นงานร็อกในแบบลิงคิน พาร์ค งานฮิพ-ฮ็อพ และซาวน์ในแบบป็อป บีทแข็งแรง, มีท่วงทำนองติดหู และมีการร่ายแร็ปที่ลื่นไหล เนื้อเพลง ก็เป็นการสะกิดใจ กระตุ้นความคิด ด้วยการทำให้เห็นคุณค่าของตัวเอง "Hey, at least in my mind, I'm feelin' like I'm the hero that saves me. There, I hold my head high. Get everything right. Delusional maybe." ทำให้ Happy Ending ไม่ใช่ซิงเกิลที่แค่ฟังแล้วไพเพราะ หรือลงตัว แต่ยังมีความหมายดี ๆ มอบให้กับแฟนเพลงไปในคราวเดียวกัน ขณะที่การปล่อย Happy Ending ไมค์ ชิโนดะ ก็ยังมีกิจกรรมการกุศล เพื่อหาเงินให้กับวิทยาลัยศิลปะและการออกแบบอีกด้วย ด้วยการเปิดประมูลงานออกแบบปกซิงเกิลพร้อมลายเซ็นของตัวเอง สำหรับแฟน ๆ ที่ต้องการสัมผัสกับความสวยงามของเรื่องราว และดนตรีของ Happy Ending ซิงเกิลล่าสุดของไมค์ ชิโนดะ ที่ TrueID โดยวอร์นเนอร์ มิวสิค

นิยายรักจับใจจบ "Happy Ending"

 น้อยครั้งที่นิยายรักจะสามารถจับใจเกาะกุมจิตติดไปเป็นหนึ่งในความประทับใจตราบนานเท่านาน เพราะนอกจากจะต้องตรงกับชีวิตบางส่วนของเราแล้วยังต้องซ่อนเร้นความหมายแอบแฝงทำให้ผู้อ่านกลับไปนอนคิดหลายตลบ ทบทวนถึงฉากเก่า ๆ เหล่านั้น เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกอยากหวนกลับมาอ่านอีกรอบ ต้องยกให้กับเหล่านิยายเซ็ตนี้   - บันทึกปิ่นเรื่องราวของยอดอัจฉริยะสาวที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าฆ่าล้างครอบครัวตนเองจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาปลอมตัวเป็นขันทีน้อยคอยอยู่เคียงข้างอ๋องรอวันที่จะพิสูจน์ความจริงล้างมลทิน แต่ระหว่างนั้นก็จะมีคดีชวนปวดเศียรเวียนเกล้าเข้ามาให้นางเอกของเราแก้ไขอยู่เรื่อย ๆ และแต่ละคดียังแฝงข้อคิดแรงจูงใจไปจวบจนหลักจิตวิทยาที่ผู้เขียนแทรกใส่ลงไปได้อย่างแนบเนียน นิยายโด่งดังเป็นพลุแตกขายดีทั้งที่จีนและไต้หวัน    ขอขอบคุณภาพจากเพจ Siam inter และ http://bit.ly/39mMkaQ- ตำนานรัก สองสวรรค์สายเทพเซียนฟังทางนี้ นี่คือนิยายที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่จุดต้นกำเนิดของการก่อร่างสร้างเทพสวรรค์ชั้นฟ้า นางเอกเป็นเซียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งถูกบันทึกไว้ตามคำทำนายกลับชาติมาเกิด หากแต่หนทางการพิสูจน์ตัวตนตามคำทำนายนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก นอกจากพระเอกที่(หาตัวยากมาก) ยังไม่เคยปรากฎกายมาให้นางเห็นสักครา แต่ในด้านการเทคแคร์นั้น เรียกได้ว่าเจ้าบุญทุ่มสุด ๆ แล้วคุณจะรู้ว่าแม้กายเป็นเซียนแต่ใจยังเป็นมนุษย์นั้นเป็นเช่นไร ความรักมิอาจหักห้ามแม้ตัวตนจะถูกเบื้องบนกำหนดมาให้เป็นถึงชนชั้นเทพก็ตาม  ขอขอบคุณภาพจากเพจ Siam inter และ http://bit.ly/2PE87CT- คนท่องยุทธภพ ไหนเลยไม่โดนดาบเปิดเรื่องมาด้วยเรื่องราวแนวจอมยุทธ์ผจญภัยท่องไปในยุทธภพแต่ผิดคาดเพราะเรื่องนี้เน้นความฮาของพระนางและสหายร่วมทางอีกสามหน่อ ทั้งสามต่างที่มาที่ไปแต่เป้าหมายอยู่จุดเดียวกันคือมาเพราะนางเอก ระดมปล่อยมุขใส่กันตลอดทาง ทั้งฮาทั้งซึ้งแถมยังได้ข้อคิดความรักเรื่องหญิง-ชายอีกด้วย เพราะแม่นางเอกสอนลูกสาวมาร้อยกลยุทธ์ไว้พิฆาตเสือโหยอย่างพระเอกโดยเฉพาะ! เมื่อถึงตอนจบนี่อิ่มเอมเปรมใจไปตาม ๆ กันขอขอบคุณภาพจากเพจ Siam inter และ http://bit.ly/32LpkzQขอขอบคุณภาพจากเพจ Siam inter และ http://bit.ly/32LSAWY - แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวงสุดยอดนวนิยายที่ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ ยอดพิมพ์ทะลุหลักแสนเล่ม และยังเป็นละครออนแอร์ทางช่อง 3 อีกด้วย เรื่องราวของจริงอิงตามประวัติศาสตร์กับหมอหญิงคนแรกที่ได้เป็นแพทย์ทำการรักษาเชื้อพระวงศ์เกาหลีอย่างใกล้ชิด ผสมกับสุดยอดฝีมือการทำอาหาร เบื้องหลังของวังหลวงเกาหลีที่คุณไม่ควรพลาด!   4 นิยาย 4 สถานการณ์ต่างโลก แต่ล้วนแล้วจบสมบูรณ์ชนิดที่ไม่ต้องถามหาภาคต่อ นับว่าเป็นการจบแบบกินใจ ซึ้งตราตรึงไปอีกตราบนานเท่านาน เรียกได้นิยายแนวนี้ มักจะเป็นประเภทที่ขายดีที่สุด เพราะคนอ่านส่วนใหญ่มักไม่ชอบอะไรที่ค้างคา และดราม่าทำลายจิตใจเกินไป ดังนั้น นิยายรักประทับใจแบบนี้ หากท่านใดสนใจ สามารถสั่งซื้อได้ในราคาพิเศษที่เว็บ Siam inter Shop และติดตามบทความเกี่ยวกับนิยายดัง หนังสือดีน่าอ่านจากทาง Booky Man ได้ที่เว็บทรูไอดี ที่นี่ ที่เดียว! ที่มาภาพปก: https://bit.ly/2uMSu50 

จบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว! เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล ตกตะกอนความรู้สึกช่วงพีคของชีวิต

ส่งท้ายปลายปีด้วยเพลงช้าที่ไม่ได้ให้ผิดหวังเลยจริงๆ สำหรับ ป๊อบ - ปองกูล สืบซึ้ง ศิลปินเสียงละมุน-คิดละเอียด พี่ใหญ่แห่งค่ายไวท์มิวสิก ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ กับซิงเกิล Happy Ending (แฮปปี้ เอนดิ้ง) ครั้งนี้ ป๊อบ ตั้งใจทำงานเพลงเต็มที่ทุกขั้นตอนเช่นเคย ใช้เวลานานกว่า 7 เดือน กลั่นกรองความรู้สึกและสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารหลังผ่านเรื่องราวครั้งสำคัญในชีวิต มาให้ทุกคนได้ฟังและอินกับโมเม้นต์ที่คัดกรองมาอย่างดี ในสไตล์ดนตรีป๊อป ฟังง่ายเข้าถึงอารมณ์ Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล ซึ่งควบคุมการผลิตทั้งเนื้อร้อง-ทำนอง และ โปรดิวซ์โดย แอ้ม อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ ที่ก่อนหน้านี้ถูกปล่อยให้ฟังกันแล้วในรูปแบบลิริควิดีโอ ที่ทำเอาแฟนเพลงอินถ้วนหน้าส่งผลให้ยอดวิวพุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ในท็อปเทรนดิ้งยูทูบอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดมีการปล่อยให้ติดตามกันแล้วทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเพลงและมิวสิกวิดีโอ ป๊อบ ปองกูล โดย ป๊อบ ปองกูล เล่าว่า "งานเพลงนี้มีโอกาสได้ร่วมงานกับ แอ้ม อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ อีกครั้ง แอ้มเป็นคนที่ได้คุยกับผมตั้งแต่ต้น มันถูกคุยกันไปมาประมาณ 6-7เดือน แรกๆ เลยก็ยังหาเรื่องราวออกมาไม่ได้ว่าเราอยากจะพูดเรื่องอะไร ความรู้สึกจริงๆข้างในของเรามันรู้สึกแบบไหน มันมีมวลรวม โทนสียังไง เรื่องราวในหัวมันมีเยอะมาก แต่สุดท้ายก็ตกตะกอนมาเป็นคำนี้ Happy Ending จบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ทำให้แอ้มไปทำงานต่อได้ง่ายจนมาเป็นเนื้อร้องเพลงนี้ ในความหมายคือ จริง ๆ แล้วความสุขมันอาจจะไม่ใช่คำตอบของทุกเรื่อง บางเรื่องคำตอบมันอาจจะเป็นเรื่องราวที่มันไม่ได้สมหวัง แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันอาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนั้นก็ได้ ตอนเข้าห้องอัดเพลงนี้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลย เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล ทางด้านภาพในส่วนของมิวสิกวิดีโอ ก็ได้ พี่จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ เคยกำกับเพลงภาพจำ มากำกับให้อีกครั้ง เพลงนี้เราอยากนำเสนอเป็นรูปแบบของการดำเนินเรื่องแบบสองจอ เพื่อให้เห็นมุมมองของคำว่า Happy และ Ending ไปพร้อมๆกัน ก็เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีความเสียใจในสิ่งที่ทำพลาดไปในอดีต แต่ก็รู้สึกยินดีที่เห็นคนรักมีความสุข ด้านนักแสดงได้ แจ็ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา นักแสดงนำจาก เคว้ง ซีรีส์ Netflix มาร่วมถ่ายทอดโมเม้นต์อารมณ์ของเรื่องราวในมิวสิกฯให้ เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล เอ็มวี Happy Ending เพลงใหม่ ป๊อบ ปองกูล อยากฝากให้ติดตามกันครับ เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ผมตั้งใจทำงานเหมือนเดิม และเป็นเพลงแรกหลังจากเกิดเรื่องราวครั้งสำคัญในชีวิต ซึ่งแน่นอนมันมีความสับสน มีความวุ่นวาย มีความคิดกันอยู่ตลอดเวลาว่าจะหยิบมาถ่ายทอดยังไงดี พอถึงจุดนึงที่เราเริ่มเห็นมันตกตะกอนแล้วเรารู้สึกว่าเราสามารถตักน้ำใสๆแล้วออกมาให้ทุกคนดื่มได้ เราก็โอเค นี่คือผลิตผลที่เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะดื่มมันได้โดยที่คุณไม่ต้องไปรับเศษตะกอนอารมณ์อะไรเหล่านั้นจากผม ก็อยากฝากให้ลองฟังดูเพลงนี้ Happy Ending น่าจะเป็นความรู้สึกที่ทุกคนสามารถอินกับมันได้" ป๊อบ ปองกูล เล่าการทำงานเพลงใหม่ ปิดท้าย สามารถติดตามฟังเพลง Happy Ending (แฮปปี้ เอนดิ้ง) ของศิลปิน ป๊อบ ปองกูล ค่ายไวท์มิวสิก ได้แล้วทุกแพลตฟอร์ม และชมมิวสิกวิดีโอได้แล้ววันนี้ทางยูทูบแชนแนล OfficialWhitemusic รวมถึงติดตามทุกความเคลื่อนไหวได้ที่ ได้ที่ www.facebook.com/whitemusicrecord และ Instagram @whitemusicrecord , Instagram:@pongkool อัพเดทข่าวสารวงการเพลงไทยและสากล พร้อม Scoop เจาะลึกในมุมมองที่น่าสนใจติดตาม Music.trueid.net ได้อีกช่องทางที่ TrueID Appหรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID

TRUE TALK : ภาพยนตร์ลูกหนังไร้แผ่นฟิล์ม ที่ไม่ได้จบแบบ "Happy Ending" แต่ผมก็ "Happy Ending" ... by "จอน"

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางมาชมภาพยนตร์ลูกหนังไร้แผ่นฟิล์มเรื่องหนึ่ง ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งก่อนเหยียบดินแดนอาหรับครั้งแรกในชีวิต ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นภาพยนตร์ลูกหนังประเภทไหน โรแมนติ๊ก โรแมนติก จบสวยดูดี ? คอมเมดี้ ฮาเตลิดเปิดเปิง ? บู๊ล้างผลาญ แบบ ดายฮาร์ด ของเฮีย บรูซ วิลลิส ? ดราม่าตบจูบ สไตล์อาพิศาล ? น่ารักน่าชังอย่างหนัง วอลท์ ดิสนีย์ ? หลอนทุกโสตประสาทอย่างกับหนังผี ? หรือ จะจบเร็วอย่างหนังสั้นที่ทำเอาไว้ส่งอาจารย์ตอนปีสี่ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้แม้กระทั่งจุดเริ่มต้นจะเป็นเช่นไร และไม่อาจคาดเดาจุดจบได้เลยสักนิดว่า จะแฮปปี้เอ็นดิ้งขนาดไหน รู้แค่เพียงว่า นี่คือการเดินทางมาชมภาพยนตร์ลูกหนังที่ไกลที่สุดในชีวิตของผม กว่า 5,000 กิโลเมตร และผู้แสดงก็ไม่ใช่พระเอกพันล้านจากฮอลลีวู้ด หากแต่คือ “นักฟุตบอลทีมชาติไทย” ที่ไม่สามารถใช้แสตนด์อินแทนได้ ซึ่งผมตั้งใจมาเชียร์พวกเขาให้ถึงฝั่งฝันที่สุดเท่าที่จะทำได้ในศึก เอเชียน คัพ 2019 … ฉากแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ เริ่มต้นอย่างเจ็บแสบ เพราะ ทีมชาติไทย พ่ายแพ้ย่อยยับถึง 1-4 ต่อทีมที่ “ช้างศึก” คิดมาตลอดว่า เจอที่ไหนก็ต้องชนะอย่างทีมชาติอินเดีย AP Photo/Hassan Ammar กลิ่นอายความดราม่าเกิดขึ้นต่อเนื่องทั้งใน และนอกสนาม คละคลุ้งไปทั่วชนิดที่จบเกมยังมีความน้ำตาตกใน จนกระทั่งจุดหักเหของเรื่องมาเกิดขึ้นในฉากที่ “มิโลวาน ราเยวัช” ถูกผลักออกจากตัวละครหลัก และได้พระรองบ้านนอกอย่าง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ขึ้นมาเป็นผู้นำตัวหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้แทน “กลับบ้านก่อนกำหนดอย่างแน่นอน” … นี่คือสิ่งที่แฟนบอลอย่างผมคิด เฮ้ออออ เราน่าจะได้ออกจากโรงภาพยนตร์เร็วกว่ากำหนดแน่ หนังมันน่าเบื่อจัง ออกไปฉี่แล้วกลับเลยดีกว่าเนอะ แม้ลึกๆ แล้ว จะยังมีความเชื่อมั่นอยู่เล็กๆ ว่า ผู้กำกับจะสรรค์สร้างตอนจบที่ยังมาไม่ถึงให้ “จบดีกว่าที่คิด” ได้ และแล้ววันเวลาเดินทางมาถึงแมตช์ที่สอง ที่เกิดขึ้นหลังเกมแรก 4 วัน โดย ทีมชาติไทย พบกับ บาห์เรน และนั่นคือ “ช่วงเวลาแห่งชัย” ของภาพยนตร์เรื่องนี้ มันคือช่วงเวลาแห่งการรวบรวมอารมณ์ที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ จากที่กำลังหดหู่สุดฤทธิ์ จนความรู้สึกแบบโคตรดีจนบอกไม่ถูก เมื่อตัวละครเอกที่ผู้คนคาดหวังที่สุด อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ จัดการโผล่ออกมาในซีนที่ทุกคนต้องการ และประตูเดียวของเขาในวันนั้น ก็กลายเป็นประตูประวัติศาสตร์ที่สร้างชัยชนะแรกให้กับทีมชาติไทย ในศึกเอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย นอกประเทศ “3 แต้มจาก 2 เกม ทำให้ผู้คนลืมดราม่าบนฟลอร์หญ้าเรื่องนี้ ที่เคยมีไปซะหมดสิ้น…” AP Photo/Kamran Jebreili ผ่านไปอีก 4 วัน ในที่สุด ภาพยนตร์ลูกหนังเรื่องนี้ก็ทำให้ผมได้พบฉากที่ได้เห็นเมืองที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่งที่เคยไปเยือนมาในชีวิต นั่นคือ “อัล ไอน์” และหนังเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงจุดไคลแมกซ์สักที เพราะ ทีมชาติไทย ต้องพบกับ เจ้าภาพ และเจ้าบ้านอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีตั๋วเข้ารอบสองเป็นเดิมพัน ผลสกอร์ 1-1 จากประตูตีเสมอของ “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” เป็นผลการแข่งขันที่ทำให้ทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้ในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม ซึ่งเราได้ทำตามเป้าหมายแรกได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่น้ำตาแห่งความดีใจ ไหลหยดย้อยอย่างอิ่มเอมที่สุด และผมเองก็จะจำไม่ลืมว่า มันเคยเกิดความรู้สึกแบบนี้ที่ ฮัซซา บิน ซาเยด สเตเดี้ยม “มันเหมือนคุณได้ดูภาพยนตร์สักเรื่อง ที่คุณไม่สามารถจำเนื้อเรื่องได้หมดทุกตอน แต่การที่คุณสามารถจดจำได้สักฉากหนึ่ง และจำฉากนี้ไว้ในความทรงจำดีๆ ตลอดทั้งชีวิต ผมคิดว่า ภาพยนตร์เรื่องนั้นประสบความสำเร็จแล้วแหละ” จากนั้น ทีมชาติไทย ต้องรอคอยอีกทั้งหมด 6 วัน ก่อนได้ลงสนามในเกมรอบน็อคเอ้าท์ บอกได้เลยว่า มันเป็น 6 วันที่ภาพยนตร์ดำเนินไปอย่างช้าๆ ในเมืองที่ถูกโอบกอดด้วยทะเลทราย ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บอย่าง อัล ไอน์ จนกระทั่ง แมตช์ประวัติศาสตร์ ระหว่างทีมชาติไทย กับ ทีมชาติจีน ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา AP Photo/Hassan Ammar ผมคงไม่พูดถึงเกมการแข่งขันมากนัก เพราะทุกท่านคงทราบดีว่า ทีมชาติไทย สามารถขึ้นนำได้ก่อน และยันสกอร์ที่มีค่าพอจะเข้ารอบต่อไปได้ถึงแค่นาที 60 กว่าๆ แต่สุดท้าย เราก็ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปด้วยสกอร์ 1-2 จบแล้วครับ มันจบแล้ว ภาพยนตร์ลูกหนังเรื่องนี้จบแล้ว พลอตเรื่องที่ไม่มีใครคาดเดาได้ 100% ได้จบลงอย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ความรู้สึกดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง พังพาบด้วยสกอร์ที่ถูกโชว์บนจอยักษ์ที่สนาม หลังเกมจบ และเบื้องหน้าของตอนจบคือ ภาพของนักเตะที่ขอบคุณแฟนบอล ก่อนจะเดินกลับห้องพัก เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เรายังเข้ารอบอยู่เลย แต่สุดท้ายมันกลับไม่ได้แฮปปี้เอ็นดิ้งอย่างที่หวังเฉกเช่นสองนัดก่อนหน้านี้ มันเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ลูกหนังที่จบแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง ภายใต้การแสดงโดยพระเอกคนเดิม นั่นคือ “ทีมชาติไทย” ที่เปลี่ยนแค่เพียงตัวละคร มันไม่ใช่ภาพยนตร์ลูกหนังไร้แผ่นฟิล์มเรื่องแรกหรอกครับที่ผมดูแล้วจะจบแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง มันมีหลายครั้งแล้วที่ผมได้ดูพระเอกของผม ต่อสู้บนฟลอร์หญ้า ไม่ใช่แผ่นฟิล์ม ชนะบ้าง แพ้บ้าง เสมอบ้าง มันเกิดขึ้นได้หมดแหละ แต่การจบแบบไม่ดีเลิศ ก็ไม่ใช่ว่า สักวันหนึ่ง มันจะจบแบบแฮปปี้ได้หนิ AP Photo/Hassan Ammar ภาพยนตร์มากมาย ยังมีภาคต่อให้คุณได้ลุ้น ได้รัก ได้สนุก ได้คิด ได้ไตร่ตรอง ได้กลัว ได้กล้า ได้มีอารมณ์คิดถึงภาคเก่าๆ และยินดีกับแฮปปี้ เอ็นดิ้งของภาคใหม่ แล้วภาพยนตร์ลูกหนังไทยแท้ๆ ทำไมจะมีภาคต่อไม่ได้ ขอขอบคุณนักเตะทีมชาติไทยทุกท่าน ขอขอบคุณทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชทุกท่าน และขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นแฟนบอลที่ดี ที่น่ารัก และให้กำลังใจนักเตะเสมอมา “เรามารอภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้กันนะ ^^” “จอน” อ่านข่าว ตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีก 2019 อ่านข่าว ตลาดซื้อขายนักเตะพรีเมียร์ลีก 2018/19 ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย ดูบอลสด ไฮไลท์บอล แบบจัดเต็มได้ ที่นี่ ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก! ดูไฮไลท์บอล พรีเมียร์ลีก ฟรี คลิก! ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

พุฒ-เอสเธอร์ นำทีมสร้างความสุข ส่งท้ายความฟินในงาน รักนะเป็ดโง่ Happy Ending Party

ใกล้จะลาจอเต็มที สำหรับซีรีส์น่ารักมุ้งมิ้ง Ugly Duckling รักนะเป็ดโง่ ทาง ช่อง GMM 25 โดยแบ่งเป็น 4 เรื่อง Perfect Match แฟนฉัน! รับประกันความเพอร์เฟ็กต์, Pity Girl ส่งรักทักทายหัวใจยัยขี้ลืม, Dont อย่ามองนะถ้าไม่อยากตกหลุมรัก และ Boys Paradise แผนรักชุลมุนจับคุณผู้ชายมาให้ฟิน เรียกว่าเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์ความฟิน จิ้น ตลอดปีที่ผ่านมา แถมมีกระแสตอบรับดีเกินคาด ไหนๆ จะลาจอกันแล้ว ช่วงเย็นวันนี้ (9 ธันวาคม) ทีมงานและนักแสดงจึงจัดปาร์ตี้เลี้ยงส่งท้าย รักนะเป็ดโง่ Happy Ending Party โดยชวนแฟนคลับมาร่วมสนุกสนานกัน นำทีมส่งต่อความสุขโดย พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน, เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา,มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์, เม้าส์-ณัชชา จันทพันธ์, นิกกี้-ณฉัตร จันทพันธ์, นีร สุวรรณมาศ, มายด์-วิรพร จิรเวชสุนทรกุล, เมฆ-จีรกิตติ์ ถาวรวงศ์, วิคเตอร์-ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์, เจมส์ บีโอวาย-กิจเกษม แมคแฟดเดน ที่ สยามภาวลัย ชั้น6 สยามพารากอน บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเองจากทีมนักแสดง ความสนุกสนาน เสียงหัวเราะจากเหล่าแฟนคลับ แถมมีโชว์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ให้แฟนๆ ได้ฟินกันแบบสดๆ งานนี้เรียกเสียงกรี๊ดลั่นโรงภาพยนตร์กันเลยทีเดียว แถมยังมีเกมสนุกๆ มาให้แฟนคลับเล่นกันอีกด้วย วันนี้ ทีมข่าวบันเทิง truelife ไม่พลาดตามไปเก็บภาพบรรยากาศความสุขมาฝากๆ แฟนซีรีส์ทางบ้านให้ได้ดูกัน (คลิป) บรรยากาศ เรียบเรียงข้อมูลโดยทีมงาน dara.truelife.com ชมทีวีออนไลน์ช่อง GMM 25 แบบสดๆ ได้ที่นี่

พุฒ-เอสเธอร์ ยกทีมนักแสดง ชวนแฟนๆ ร่วมปาร์ตี้เลี้ยงส่ง ในงาน รักนะเป็ดโง่ Happy Ending Party

จีเอ็มเอ็ม ทีวี ผู้ผลิตซีรี่ส์ที่สร้างปรากฏการณ์ความฟิน จิ้น ดิ้นพล่านแห่งปี รักนะเป็ดโง่ จัดปาร์ตี้ใหญ่เลี้ยงส่ง ในงาน รักนะเป็ดโง่ Happy Ending Party กับทีมนักแสดงนำสุดฮอต พุฒ พุฒิชัย, เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา, มุก วรนิษฐ์, เม้าส์ ณัชชา, นิกกี้ ณฉัตร, นีร สุวรรณมาศ, มายด์ วิรพร, เมฆ จิรกิตติ์, วิคเตอร์ ชัชชวิศ ในวันพุธที่ 9 ธันวาคมนี้ เวลา 16.00 น. ที่ สยามภาวลัย ชั้น 6 พารากอนซีนีเพล็กซ์ พุฒ ตัวแทนเผยว่า เป็นงานปาร์ตี้ปิดคลับก๊าบ ส่งท้ายซีรี่ส์ รักนะเป็ดโง่ ที่กำลังจะจบลงครับ ซึ่งจะได้พบกับผม และ เอสเธอร์, มุก, เม้าส์, นิกกี้, นีร, มายด์, เมฆ, วิคเตอร์ ที่จะมาในโชว์พิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งยังไม่เคยชมที่ไหนมาก่อน และเกมสนุกๆ ที่มีรางวัลเด็ดๆ อีกเพียบ ในบรรยากาศปาร์ตี้อบอุ่นเป็นกันเองสุดๆ ครับ ตอนนี้พวกเราฟิตซ้อมโชว์กันอย่างหนัก เพราะอยากให้ออกมาดีที่สุด เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ที่ชื่นชอบและติดตามชมซีรี่ส์กันมาตลอด ก็อยากเชิญชวนแฟนๆ มาร่วมสนุกกัน รับรองพวกเราจะทำให้ทุกคนยิ้มไม่หุบตลอดงานแน่นอนครับ แฟนๆ สามารถจองบัตร ได้ตั้งแต่วันนี้ พร้อมรับ Diary รักนะเป็ดโง่ 1 เล่ม ที่ อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ชั้น 30 เวลา 10.00-17.00 น. (สามารถเลือกที่นั่งด้วยตนเอง) หรือโอนเงินผ่านธนาคาร การสั่งซื้อจะสมบูรณ์เมื่อท่านโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด สาขาอโศก บัญชีออมทรัพย์ 032-289-7654 พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุล และเบอร์ติดต่อมาที่ sirikan.koo@gmm-tv.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02-669-8360, 02-669-9001 (ทีมงานจะเป็นผู้เลือกที่นั่งให้) และอัพเดททุกความเคลื่อนไหวที่ facebook / IG : uglyducklingseries

แฟนๆ ฟินเว่อร์ กระทบไหล่ อ๋อม-ขวัญ กิจกรรม Happy Ending Party with ซุป’ ตาร์ กับละคร หัวใจเถื่อน

พิเศษสุดๆ สำหรับแฟนละครเรื่อง หัวใจเถื่อน โดยช่อง 7 สี จัดกิจกรรม Happy Ending Party with ซุป ตาร์ กับละคร หัวใจเถื่อน พาแฟนๆ ช่อง 7 สีชมละครตอนจบร่วมกับเหล่าบรรดานักแสดงอ๋อม-อรรคพันธ์ / ขวัญ-อุษามณี / ซัน-พิชยดนย์ / ฝ้าย-ณิชานันท์ และผู้กำกับมือทอง ศรัณยู-วงศ์กระจ่าง โดยภายในงานมีหมิว-สิริลภัส รับหน้าที่เป็นพิธีกร เรียกได้ว่าแฮปปี้สมชื่อจริงๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองและเสียงหัวเราะจากนักแสดงและแฟนๆ ที่ร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้เขียนความในใจที่มีต่อละครและนักแสดงอีกด้วย งานนี้แฟนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟินสุดๆ ไปเลยจ้า ภายหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม พระเอกหนุ่มอ๋อม-อรรคพันธ์ เผยว่า ดีใจที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับแฟนๆ ละครเรื่องหัวใจเถื่อนในครั้งนี้ หลายๆ คนมาจากต่างจังหวัด เดินทางมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ต้องขอบคุณมากๆ ครับ บรรยากาศวันนี้สนุกมาก เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ดูละครกับคนเยอะๆ ได้เห็นอารมณ์ของคนเวลาเค้าตั้งใจดูละครว่าเป็นอย่างไร ได้เห็นสีหน้าที่แสดงถึงอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งผมรู้สึกประทับใจมากๆ นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ และถามถึงฟีดแบคละครกันแบบใกล้ชิดตัวต่อตัว ส่วนใหญ่ก็จะชอบบทละคร ภาพสวย บางคนบอกว่าจบเร็วไปอยากให้เพิ่มตอน ก็ขอบคุณสำหรับการติดตามเรื่องหัวใจเถื่อนตั้งแต่ต้นจนจบครับ นางเอกสาวขวัญ-อุษามณี เสริมว่า ขอขอบคุณพี่ๆ ทีมงานเรื่องนี้ นักแสดงทุกคน รวมไปถึง พี่ตั้ว-ศรัณยู ผู้กำกับด้วยค่ะ ทุกคนตั้งใจทำงานมาก ฟีดแบคออกมาดีมากๆ เลยค่ะ อย่างวันนี้ขวัญเห็นพอเวลาฉากเศร้า ก็มีคนน้ำตาไหล พอฉากกุ๊กกิ๊กก็จะมีเสียงกรี๊ดเบาๆ แอบจิกขาเพื่อนที่นั่งข้างๆ ด้วย เขาร่วมลุ้นร่วมเชียร์ไปด้วยกัน เห็นแบบนี้ขวัญและทีมงานก็หายเหนื่อย ขอบคุณแฟนๆ ที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยค่ะ และกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับแฟนๆ ละครช่อง 7 สียังมีอีกเรื่อยๆ ห้ามพลาดนะคะ ชมทีวีออนไลน์ช่อง 7 แบบสดๆ ได้ที่นี่ ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety