TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “FBI” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
ดู
เอฟบีไอ
ทรูวิชั่นส์ • 1 ธ.ค. 66
อ่าน
FBI ร่วม ตร.ไทยทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกชาวมะกันสูญ 3 พันล้าน
p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 18.0px Thonburi} span.s1 {font: 18.0px 'Helvetica Neue'}วันนี้(22มี.ค. 66)พล.ต.อ.ต่อศักดิ์สุขวิมลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)เปิดเผยว่าตามที่พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ได้สั่งการให้สนธิกำลังระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกาหรือFBIและUnited States Secret Serviceหรือซีเคร็ทเซอร์วิสของประเทศสหรัฐอเมริกาในการแสวงหาความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเปิดปฎิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ปิดล้อมตรวจค้น36พื้นที่เป้าหมายในจังหวัดชลบุรี,ระยอง,สมุทรปราการและร้อยเอ็ดในการตรวจค้นบ้านชั้นเดียวในอ.บางละมุงจ.ชลบุรีพบเอกสารหลักฐานอาทิสมุดบัญชีธนาคารจำนวนมากโทรศัพท์มือถือกว่า10เครื่องรถยนต์4อาวุธปืน1กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนพร้อมกันนี้ได้เชิญตัวเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายชาวอินเดียและหญิงไทย3คนมาสอบปากคำกรณีนี้สืบเนื่องจากทั้ง2หน่วยงานของสหรัฐฯได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวอเมริกันถูกขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้อุบายหลอกเหยื่อโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่FBIหลอกว่าธุรกรรมการเงินและเงินในบัญชีของเหยื่อมีความผิดปกติรวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ60ปีขึ้นไปโดยตลอดระยะเวลา2ปีพบมีผู้ตกเป็นเหยื่อ365รายเสียหายกว่า3พันกว่าล้านบาทซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการโอนเงินข้ามประเทศและใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งจึงได้นำข้อมูลสืบสวนมาหารือกับผบ.ตร.ซึ่งผบ.ตร.ได้สั่งการให้บช.สอท.ตรวจสอบจนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าวสำหรับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญและเป็นนโยบายแห่งชาติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญซึ่งผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยและใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อนหรือเตรียมการในการกระทำความผิดซึ่งจะทำการขยายผลพร้อมประสานงานกับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อทำการยึดทรัพย์ขบวนการนี้ต่อไปพล.ต.ท.วรวัฒน์วัฒน์นครบัญชาผบช.สอท.กล่าวว่าวานนี้(21มี.ค.)สามารถทำการจับกุมได้แล้ว20รายแบ่งเป็นชาวต่างชาติ5รายและชาวไทย15รายส่วนอีก16รายจะมีการสืบสวนขยายผลต่อไปโดยเคสนี้เกิดที่สหรัฐฯแต่เงินผ่านมาประเทศไทยเดิมต้องนำหลักฐานจากไทยไปประกอบและออกหมายจับที่สหรัฐฯแต่เนื่องจากมีผู้ต้องหาจำนวนมากเป็นเครือข่ายใหญ่ในไทยจึงต้องทำการดำเนินคดีในประเทศไทยเคสนี้ไทยได้ร่วมสืบสวนและปฏิบัติการร่วมกับสหรัฐฯซึ่งเป็นเคสแรกสหรัฐฯจึงจะใช้เคสนี้ไปแสวงหาความร่วมมือกับประเทศอื่นๆต่อไปลักษณะการหลอกลวงของเคสนี้คล้ายของไทยคือหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่และหลอกให้กดลิงก์พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวสำหรับรูปแบบการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือคนไทยเปิดบัญชีม้าและใช้ชื่อคนไทยและอินเดียร่วมกันตั้งบริษัทเส้นทางการเงินผ่านทั้งบริษัทและบุคคลธรรมดาโดยให้คนไทยกดเงินและติดต่อคนอินเดียมารับเงินสดซึ่งในเรื่องนี้จะมีการขยายผลต่อไปพล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่มีชาวบ้านทางภาคอีสานหลายร้อยคน แห่ไปธนาคารเพื่อปิดบัญชีม้า ว่า ตำรวจได้มีการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ ถึงความผิดตาม พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่เพิ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยแนะนำให้บุคคลที่หลงผิด ครอบครองซิมผี และบัญชีม้า ว่า ในช่วงนี้ยังสามารถกลับตัวทัน โดยการยับยั้ง ปิดบัญชี และลงบันทึกประจำวันp.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'}ข้อมูลจาก: POLICETVสถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติภาพจาก:POLICETVสถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
TNN ช่อง16 • 22 มี.ค. 66
อ่าน
FBI ร่วม ตร.ไทยทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกชาวมะกันสูญ 3 พันล้าน
p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 18.0px Thonburi} span.s1 {font: 18.0px 'Helvetica Neue'}วันนี้(22มี.ค. 66)พล.ต.อ.ต่อศักดิ์สุขวิมลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)เปิดเผยว่าตามที่พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ได้สั่งการให้สนธิกำลังระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกาหรือFBIและUnited States Secret Serviceหรือซีเคร็ทเซอร์วิสของประเทศสหรัฐอเมริกาในการแสวงหาความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเปิดปฎิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ปิดล้อมตรวจค้น36พื้นที่เป้าหมายในจังหวัดชลบุรี,ระยอง,สมุทรปราการและร้อยเอ็ดในการตรวจค้นบ้านชั้นเดียวในอ.บางละมุงจ.ชลบุรีพบเอกสารหลักฐานอาทิสมุดบัญชีธนาคารจำนวนมากโทรศัพท์มือถือกว่า10เครื่องรถยนต์4อาวุธปืน1กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนพร้อมกันนี้ได้เชิญตัวเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายชาวอินเดียและหญิงไทย3คนมาสอบปากคำกรณีนี้สืบเนื่องจากทั้ง2หน่วยงานของสหรัฐฯได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวอเมริกันถูกขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้อุบายหลอกเหยื่อโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่FBIหลอกว่าธุรกรรมการเงินและเงินในบัญชีของเหยื่อมีความผิดปกติรวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ60ปีขึ้นไปโดยตลอดระยะเวลา2ปีพบมีผู้ตกเป็นเหยื่อ365รายเสียหายกว่า3พันกว่าล้านบาทซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการโอนเงินข้ามประเทศและใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งจึงได้นำข้อมูลสืบสวนมาหารือกับผบ.ตร.ซึ่งผบ.ตร.ได้สั่งการให้บช.สอท.ตรวจสอบจนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าวสำหรับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญและเป็นนโยบายแห่งชาติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญซึ่งผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยและใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อนหรือเตรียมการในการกระทำความผิดซึ่งจะทำการขยายผลพร้อมประสานงานกับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อทำการยึดทรัพย์ขบวนการนี้ต่อไปพล.ต.ท.วรวัฒน์วัฒน์นครบัญชาผบช.สอท.กล่าวว่าวานนี้(21มี.ค.)สามารถทำการจับกุมได้แล้ว20รายแบ่งเป็นชาวต่างชาติ5รายและชาวไทย15รายส่วนอีก16รายจะมีการสืบสวนขยายผลต่อไปโดยเคสนี้เกิดที่สหรัฐฯแต่เงินผ่านมาประเทศไทยเดิมต้องนำหลักฐานจากไทยไปประกอบและออกหมายจับที่สหรัฐฯแต่เนื่องจากมีผู้ต้องหาจำนวนมากเป็นเครือข่ายใหญ่ในไทยจึงต้องทำการดำเนินคดีในประเทศไทยเคสนี้ไทยได้ร่วมสืบสวนและปฏิบัติการร่วมกับสหรัฐฯซึ่งเป็นเคสแรกสหรัฐฯจึงจะใช้เคสนี้ไปแสวงหาความร่วมมือกับประเทศอื่นๆต่อไปลักษณะการหลอกลวงของเคสนี้คล้ายของไทยคือหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่และหลอกให้กดลิงก์พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวสำหรับรูปแบบการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือคนไทยเปิดบัญชีม้าและใช้ชื่อคนไทยและอินเดียร่วมกันตั้งบริษัทเส้นทางการเงินผ่านทั้งบริษัทและบุคคลธรรมดาโดยให้คนไทยกดเงินและติดต่อคนอินเดียมารับเงินสดซึ่งในเรื่องนี้จะมีการขยายผลต่อไปพล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่มีชาวบ้านทางภาคอีสานหลายร้อยคน แห่ไปธนาคารเพื่อปิดบัญชีม้า ว่า ตำรวจได้มีการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ ถึงความผิดตาม พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่เพิ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยแนะนำให้บุคคลที่หลงผิด ครอบครองซิมผี และบัญชีม้า ว่า ในช่วงนี้ยังสามารถกลับตัวทัน โดยการยับยั้ง ปิดบัญชี และลงบันทึกประจำวันp.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px Thonburi} span.s1 {font: 13.0px 'Helvetica Neue'}ข้อมูลจาก: POLICETVสถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติภาพจาก:POLICETVสถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
TNN ช่อง16 • 22 มี.ค. 66
อ่าน
FBI จับกุมผู้ต้องหาว่าเป็นเจ้าของ BreachForums แหล่งรวมแฮกเกอร์อิสระ
สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (FBI) เข้าจับกุม โคนอน ไบรอัน ฟิตซ์แพทริก (Conon Brian Fitzpatrick) ชายชาวนิวยอร์กที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ดูแล BreachForums กระดานสนทนาแหล่งรวมแฮกเกอร์ ฟิตซ์แพทริก หรือชื่อบนโลกออนไลน์ว่า Pomponpurin หรือย่อว่า Pom เป็นแฮกเกอร์ที่อยู่ในสายตาของหน่วยงานรัฐมาหลายปีแล้ว ตัวเขาเองเคยโจมตีเซิร์ฟเวอร์ FBI ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ก่อนที่จะมีข้อมูลบ่งชี้ว่าก่อตั้ง BreachForums ในปี 2022 FBI ชี้ว่าฟิตซ์แพทริกเคยเป็นสมาชิกขาประจำของ RaidForums กระดานสนทนาแฮกเกอร์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และยุโรปร่วมกันปิดไป ทำให้เขาเปิด BreachForums ขึ้นมาแทนที่ และทำหน้าที่ในฐานะผู้ดูแลระบบ BreachForums เป็นแหล่งซื้อขายข้อมูลที่ถูกโจรกรรมมาได้ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่าแฮกเกอร์อิสระ ทั้งนี้ ฟิตซ์แพทริกได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักประกันมูลค่า 300,000 เหรียญ (ราว 10.2 ล้านบาท) และจะไปขึ้นศาลเขตเวอร์จีเนียตะวันออกวนัดแรกเมื่อ 24 มีนาคม ในข้อหาสมคบคิดฉ้อโกงการเจาะอุปกรณ์ ที่มา SiliconANGLE
แบไต๋ • 20 มี.ค. 66
อ่าน
FBI เผยการหลอกลงทุนออนไลน์สร้างความเสียหายเป็นตัวเงินสูงสุดในปี 2022
สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (FBI) รายงานว่าในปี 2022 ทั่วโลกสูญเงินกว่า 10,000 ล้านเหรียญ (ราว 344,505 ล้านบาท) ไปกับการหลอกหลวงออนไลน์ ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปี ตัวเลขความเสียหายในปี 2022 เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ถึง 3,000 ล้านเหรียญ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากรายงานการหลอกให้ลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ที่มา FBI โดยรูปแบบการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายสูงที่สุดคือการหลอกให้ลงทุนออนไลน์ มูลค่าราว 3,300 ล้านเหรียญ (ราว 113,716 ล้านบาท) รองลงมาคือ BEC หรือ Business Email Compromise หรือการส่งอีเมลปลอมตัวเป็นองค์กรหรือบุคคลที่มีอยู่จริงในการหลอกให้โอนเงินหรือเผยความลับองค์กรที่ก่อให้เกิดความเสียหายราว 2,700 ล้านเหรียญ (ราว 93,077 ล้านบาท) ขณะที่ความเสียหายที่เกิดจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่มีเพียง 34 ล้านเหรียญ (ราว 1,171 ล้านบาท) สำนักข่าว CNN เชื่อว่าเหตุที่การรายงานเกี่ยวกับมัลแวร์เรียกค่าไถ่มีเข้ามาน้อยอาจเพราะผู้เสียหายที่เป็นองค์กรอาจไม่ยอมรายงานข้อเท็จจริงต่อหน่วยงานภาครัฐ คนในช่วงวัย 30 เป็นกลุ่มประชากรที่รายงานการหลอกลวงเข้ามามากที่สุด ขณะที่ 2 ใน 3 ของคนอายุมากกว่า 60 ปีที่แจ้งเหตุฉ้อโกงสูญเงินถึง 724 ล้านเหรียญ (ราว 24,947 ล้านบาท) จากแก๊งคอลเซนเตอร์ ทั้งนี้ รูปแบบการหลอกลวงที่มีคนโดนเยอะที่สุดคือฟิชชิ่งที่มีเหยื่อมากถึง 300,000 คน ทิ้งห่างจากอันดับที่ 2 อย่างการเจาะข้อมูลส่วนบุคคลที่มีเหยื่อเกือบ 60,000 คน ที่มา CNN
แบไต๋ • 14 มี.ค. 66
อ่าน
FBI เตือนให้ระวังโฆษณาปลอมบนเสิร์ชเอนจิน
สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (FBI) ออกคำเตือนให้ระวังอาชญากรไซเบอร์ที่ซื้อโฆษณาปลอมบนเสิร์ชเอนจินที่จะลวงผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย อาชญากรเหล่านี้ซื้อโฆษณาที่จะปรากฎอยู่บนผลการค้นหาโดยใช้ชื่อโดเมนที่คล้ายกับธุรกิจที่มีอยู่จริง ซึ่งเมื่อคลิกแล้วจะนำผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บที่ดูเหมือนของจริงมาก ในคำแถลงเผยว่าเว็บไซต์เหล่านี้ซ่อนมัลแวร์เรียกค่าไถ่เอาไว้ รวมถึงจะขโมยข้อมูลการล็อกอิน และข้อมูลทางการเงิน โดยเฉพาะแพลตฟอร์มคริปโทเคอเรนซี โดยในบางเว็บไซต์จะมีบริการดาวน์โหลดโปรแกรมที่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ ขณะที่เว็บไซต์อีกส่วนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเว็บไซต์สถาบันทางการเงิน ก็จะหลอกให้ผู้ใช้งานเข้าล็อกอินโดยใส่รหัสผ่านจริง FBI แนะนำวิธีการป้องกันโดยให้ตรวจสอบดูว่า URL นั้นเป็นของจริงและมีการสะกดคำผิดหรือไม่ พยายามใส่ URL เว็บไซต์ของธุรกิจที่ต้องการเข้าชมแทนการค้นหา และควรใช้ส่วนเสริมที่ปิดกั้นโฆษณา (ad blocking extension) บนเว็บเบราว์เซอร์ ที่มา scmagazine
แบไต๋ • 23 ธ.ค. 65
อ่าน
FBI มองค้อน Apple อัปเกรดความปลอดภัย ทำให้เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้ยากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อวานนี้ Apple ประกาศยกระดับความปลอดภัยใหม่ภายในระบบนิเวศของ Apple ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในการเก็บข้อมูลบน iCloud ด้วย แต่แน่นอนว่าการทำแบบนี้ FBI ย่อมไม่พอใจอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่าง Apple และ FBI ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วในหลาย ๆ ช่วงที่ผ่านมา ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดคือ FBI ขอให้ Apple สร้าง Backdoor หรือช่องทางที่หน่วยงานจะสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้ผ่านซอฟต์แวร์โดยไม่จำเป็นต้องปลดล็อกเครื่อง ซึ่งตอนนั้นเป็น iPhone ของมือปืนเมือปี 2016 แต่ Apple ปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ FBI ไม่พอใจ Apple เป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะ Apple ไม่ทำ Backdoor ให้ แม้ว่าในที่สุด FBI จะสามารถปลดล็อกเครื่องได้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก Apple (แต่ก็ไม่ได้อะไรจากการพยายามค้นในครั้งนั้น) Apple ก็ได้เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นเป็น 2 เท่า อีกทั้งยังขยายการเข้ารหัสแบบ end-to-end กับข้อมูลใน iCloud รวมถึงการสำรองข้อมูลของอุปกรณ์, ข้อมูล iMessage, รูปภาพ และอื่น ๆ เพื่อมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครสามารถดักได้ และนี่เป็นอีกครั้งที่ FBI ไม่พอใจ Apple เป็นอย่างมาก ในแถลงการณ์ของ The Washington Post ระบุว่า FBI มีความกังวลเป็นอย่างมาก โดยอ้างว่าการกระทำของ Apple เป็นการขัดขวางเจ้าหน้าที่ในการปกป้องชาวอเมริกันจากอาชญากรรม เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ ความรุนแรงต่อเด็ก และการค้ายาเสพติด เป็นต้น แม้ว่า FBI จะแสดงจุดยืนว่าไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่ Apple ได้รับเสียงชมเชยและการยกย่องจากผู้ใช้งาน รวมถึงเรื่องการหยุด CSAM หรือการตรวจสอบรูปภาพบน iCloud เพื่อป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่เป็นประเด็นไปก่อนหน้านี้ด้วย ที่มา 9to5Mac
แบไต๋ • 10 ธ.ค. 65
อ่าน
รีวิว FAKES ปลอม (2022) เมื่อวัยรุ่นสองคนปลอมบัตรไอดีหลอกเงินคนอื่นจนถูก FBI จับได้
ปล่อยออกมา 10 ตอน ตอนละ 21-23 นาที เป็นผลงานที่กำกับโดยเดวิด เทอร์โก นำแสดงโดย เอมิเลีย บารานัค, เจนนิเฟอร์ ทอง และริชาร์ด ฮาร์มอน เป็นซีรีส์จากประเทศแคนาดาที่มีเนื้อหา coming of age ที่ทำให้อะดรีนาลีนของคนดูทำงานพลุ่งพล่านแน่นอนค่ะ สามารถรับชมได้แล้วทางช่อง Netflix วันนี้เรื่องย่อ https://www.instagram.com/p/ChFhybapElt/?hl=en เรื่องราวของสองเพื่อนซี้สองคนโซอี้และเบคก้าที่ปลอมบัตรประชาชนของตัวเองและสร้างวีรกรรมไว้มากมายจนโดนโป๊ะแตกและโดนจับได้ ความรู้สึกที่ดู https://www.instagram.com/p/Ch-7bYHBtwv/?hl=en เปิดตัวมาด้วยปาร์ตี้และเพลงจังหวะมันส์ๆ และจู่ๆตัวละครหลักในเรื่องหันหน้ามาคุยกับคนดูและเล่าเรื่องราวและความรู้สึกแบบกวนๆที่ Gen Z น่าจะชอบ เรื่องความรู้สึกสุดเซ็งที่ถูกตำรวจจับและต้องไปอยู่ในสถานที่กักขังตัวกับพวกตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ทางกานซึ่งมองว่าเด็กจะชอบซีรีส์เรื่องนี้นะ สำหรับผู้เขียนที่อยู่ในวัยทำงานมองว่าซีรีส์ทำได้ดีและสนุกมากๆจนหยุดดูไม่ได้ตั้งแต่ตอนแรกเลยทำให้เราอยากจะตั้งคำถามและอยากจะรู้ตลอดเวลาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับตัวละครภายในเรื่องที่การดำเนินเรื่องนั้นรวดเร็วมากเลย อย่างฉากที่โซอี้รู้จักกับเบคก้าและสนิทกันตั้งแต่เด็กทั้งสองคนไปเที่ยวด้วยกันก่อนที่เบคก้าจะขอให้โซอี้ปลอมบัตรไอดีประจำตัวให้แล้วพอโป๊ะแตก โซอี้ถูกจับเข้าคุกส่วนเบคกี้ที่เป็นคนต้นคิดทุกอย่างกลับรอดพ้นจากความผิดทุกอย่างเพราะบารมีของพ่อและความร่ำรวยของครอบครัวที่ทำอะไรก็ไม่ผิด เหมือนกับกฎของระบบชนชั้นว่าด้วยคนมีเงินและคนมีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด https://www.instagram.com/p/CiAp7phviQR/?hl=en ซึ่งตอนที่ดูหนังแอบทำให้นึกถึงหนังและสารคดีเรื่อง Real Bling Empire นิดหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เข้าไปปล้นและขโมยของที่บ้านของดาราฮอลลีวูดแบบไม่กลัวอะไรเลยแม้จะโดนจับภาพไว้ได้ และแอบทำให้นึกถึงสารคดีเรื่อง Inventing Anna ด้วยจ้า ซึ่งซีรีส์ก็แซะหนังดังหลายๆเรื่องที่เคยลง Netflix เช่น The Orange Is a New Black ตอนที่โซอี้เข้าคุก เพลงประกอบและ sound effect ที่ใส่เข้ามาเรียกได้ว่าดีเยี่ยมมากๆ ผู้เขียนคงต้องขอชื่นชมว่าเป็นอัจฉริยะแห่งโลกของการปรับแต่งเสียงและดนตรีเลย เพราะสนุกและเข้ากับอารมณ์และมู้ดของตัวละครมากๆ คะแนนรีวิว 10/10 ลุ้นมากสนุกมากตื่นเต้นมากดูจบแ้วรู้สึกเต็มอิ่มอะ นักแสดงก็แสดงดีหน้าตาน่ารักด้วยhttps://www.instagram.com/p/CeVCz_nu2nU/?hl=en บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว Wednesday (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday จากบ้าน Addams จากบ้าน Addamsรีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผนรีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 โดย IG : emilijabaranacรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย IG : emilijabaranac จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
InfpT • 4 ธ.ค. 65
อ่าน
FBI และ CISA เผยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ Cuba โจมตีองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วร่วม 50 แห่ง
สำนักงานสืบสวนกลาง (FBI) และสำนักงานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (CISA) ของสหรัฐอเมริกาออกคำแนะนำร่วมด้านไซเบอร์ (CSA) ชี้ให้เห็นถึงภัยของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ตระกูล Cuba FBI ได้ตรวจสอบพบวิธีการและขั้นตอนการโจมตี (TTPs) ของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ Cuba ตั้งแต่ราวเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดย FBI ได้เคยแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะและพฤติกรรมการโจมตี (IOCs) ของ Cuba มาแล้วเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในรายงานดังกล่าว เผยให้เห็นว่า Cuba ถูกใช้ในการโจมตีองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 49 องค์กรในอย่างน้อย 5 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคการเงิน หน่วยงานราชการ องค์กรด้านการแพทย์ อุตสาหกรรมการผลิต และภาคเทคโนโลยีสารสนเทศ FBI พบว่าองค์กรในสหรัฐฯ ที่ตกเป็นเหยื่อของ Cuba มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับอัตราค่าไถ่ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน Cuba เป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่โจมตีโดยแฝงมากับมัลแวร์ตระกูล Hancitor ที่ใช้โจมตีเครือข่ายของเหยื่อ ผู้ใช้ Hancitor ยังใช้อีเมลฟิชชิ่ง รวมถึงช่องโหว่ของ Microsoft Exchange ข้อมูลรหัสผ่านที่ขโมยมาได้ และเครื่องมือสั่งการจากระยะไกล (RDP) ในการเจาะเข้าไปควบคุมเครือข่ายของเหยื่ออีกด้วย ที่มา CISA
แบไต๋ • 2 ธ.ค. 65
อ่าน
ผู้อำนวยการ FBI กังวลว่าจีนจะนำ TikTok ไปใช้เป็นอาวุธทางไซเบอร์
คริสโทเฟอร์ วเรย์ (Christopher Wray) ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา (FBI) กล่าวในการประชุมคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาล่าง ณ สภาครองเกรสของสหรัฐฯ ว่ารู้สึกกังวลเป็นอย่างสูงต่อการที่รัฐบาลจีนจะใช้ข้อมูลที่ TikTok เก็บจากผู้ใช้บริการไปเป็นอาวุธทางไซเบอร์ วรายระบุว่า ระบบ Application Programming Interfaces (API) ที่ TikTok ฝังไว้ในแพลตฟอร์มถือเป็นภัยด้านความมั่นคงที่น่าจับตามอง เพราะรัฐบาลจีนสามารถใช้ API ในการควบคุมการเก็บข้อมูลของผู้ใช้หลายล้านคน หรือแม้แต่ควบคุมอัลกอริทึมที่ใช้ในการแนะนำเนื้อหาให้กับผู้ใช้งาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางไซเบอร์ได้ นอกจากนี้ วรายยังชี้ว่าการที่กฎหมายของจีนบังคับให้บริษัทต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลในการด้านการแบ่งปันข้อมูล หรือแม้แต่การต้องยอมเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ยิ่งทำให้ต้องกังวลต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์จากจีน ในความเห็นของวราย โครงการไซเบอร์ของจีนถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และได้ขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลธุรกิจของสหรัฐฯ ไปแล้วมากกว่าทุกประเทศรวมกัน ที่มา Cyberscoop
แบไต๋ • 16 พ.ย. 65
อ่าน
New York Times เผย: FBI เคยพิจารณานำ Pegasus มาใช้สืบคดี
สำนักข่าว The New York Times ระบุว่า ย้อนกลับไปปลายปีที่แล้ว สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา (FBI) อยู่ระหว่างการพิจารณานำสปายแวร์ที่ชื่อ Pegasus มาใช้ในในการสืบสวนอาชญากรรม รายงานอ้างข้อมูลจากข้อมูลภายในและบันทึกในชั้นศาล โดยพบว่าในช่วงระหว่างปลายปี 2020 จนถึงต้นปี 2021 เจ้าหน้าที่ของ FBI อยู่ในขั้นปลายของการพัฒนาแผนการนำเสนอผู้บริหารในการนำ Pegasus มาใช้ นอกจากนี้ ทาง FBI ยังได้ออกแบบแนวทางในการให้คำแนะนำกับพนักงานอัยการระดับรัฐบาลกลางว่าควรจะเปิดเผยการใช้ Pegasus ของ FBI อย่างไรในชั้นศาล อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว FBI ก็ตัดสินใจไม่ใช้ Pegasus แต่ในการประชุมเมื่อเดือนที่แล้วของทาง FBI ก็ได้ข้อสรุปที่ชี้ว่าทางหน่วยไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหนึ่งในข้อพิจารณาของการนำ Pegasus ไปใช้ในการสืบสวนก็คือการเข้าถึงการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสระหว่างอาชญากรกับอาชญากร ทั้งนี้ คริส วราย (Chris Wray) ผู้อำนวยการ FBI ย้ำว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการนำ Pegasus มาใช้แต่อย่างใด สำหรับ Pegasus ได้รับการพัฒนาโดย NSO Group บริษัทจากอิสราเอล เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการสอดแนมบุคคลที่ออกแบบมาเพื่อใช้เจาะอุปกรณ์มือถือโดยเฉพาะ ที่มา Engadget
แบไต๋ • 13 พ.ย. 65
อ่าน
ทรัมป์โวย FBI เข้าค้นบ้านพัก กล่าวหาทำพฤติกรรมดั่งประเทศโลกที่ 3
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าบ้านพักของเขาในรีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกในปาล์มบีชรัฐฟลอริดาถูกเจ้าหน้าที่ของสำนักสอบสวนกลางหรือFBIจำนวนมากเข้ามาควบคุมและเจ้าหน้าที่ยังพยายามงัดตู้เซฟของเขาด้วย---แถลงการณ์ของทรัมป์ระบุว่านี่คือช่วงเวลาที่มืดของชาติเรา---ทรัมป์ยืนยันว่าที่ผ่านมาเขาได้ให้ความร่วมมือจากทุกหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องดังนั้นการที่FBIบุกมาตรวจค้นบ้านของเขาโดยไม่แจ้งล่วงหน้านั้นเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมทรัมป์กล่าวหาว่าการประพฤติไม่ชอบทางอัยการและการใช้ระบบยุติธรรมเป็นอาวุธนั้นเกิดขึ้นเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาลงชิงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้งการโจมตีเช่นนี้ควรเกิดในประเทศโลกที่สามเท่านั้นตอนนี้อเมริกาได้กลายเป็นประเทศโลกที่สามแล้วและมีการทุจริตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนพวกFBIถึงขั้นงัดตู้เซฟของเขาด้วยสถานีข่าวCBSรายงานว่าช่วงที่มีรายงานFBIบุกตรวจค้นมาร์-อา-ลาโกของทรัมป์เขาอยู่ที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในมหานครนิวยอร์กทั้งนี้มาร์-อา-โลกเป็นรีสอร์ตส่วนตัวสำหรับสมาชิกและเป็นที่พักในช่วงฤดูหนาวของครอบครัวทรัมป์---ทรัมป์ชอบทำลายเอกสารสำคัญ?---การบุกตรวจค้นของFBIมีขึ้นในช่วงเวลาที่ทรัมป์กำลังเตรียมพร้อมที่อาจจะลงชิงศึกประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นครั้งที่สามซึ่งจะมีขึ้นในปี2024สื่อสหรัฐฯรายงานว่าการตรวจค้นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการสอบสวนกรณีการบริหารจัดการข้อมูลชั้นความลับในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีด้านเอริคทรัมป์บุตรชายคนที่สองของทรัมป์กล่าวกับFox Newsว่าการตรวจค้นของFBIที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกนั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเอกสารของNational Archivesหรือหอจดหมายเหตุแห่งชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาหอจดหมายเหตุแห่งชาติซึ่งดูแลการเก็บรักษาบันทึกของประธานาธิบดีทั้งหมดได้ร้องขอให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนทรัมป์เกี่ยวกับการจัดการเอกสารราชการโดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติระบุว่าได้รับกล่องจำนวน15กล่องมาจากมาร์-อา-ลาโกซึ่งข้างในกล่องปรากฏว่าพบเอกสารชั้นความลับต่างๆทั้งนี้กฎหมายสหรัฐฯกำหนดให้ประธานาธิบดีต้องส่งมอบจดหมายเอกสารการทำงานและอีเมลทั้งหมดแก่หอจดหมายเหตุแห่งชาติแต่ปรากฏว่าทรัมป์ฉีกทำลายเอกสารจำนวนมากและเอกสารบางฉบับมีการนำมาปะติดปะต่อกลับมาได้อย่างไรก็ตามในตอนนั้นทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้โดยอ้างว่าเป็นข่าวปลอมขณะที่แมคกีฮาเบอร์แมนนักข่าวของNew York Timesซึ่งเขียนหนังสือชื่อConfidence Manที่กำลังจะวางแผงเผยว่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวมักพบกองกระดาษที่ติดอยู่ในชักโครกและเชื่อว่าทรัมป์เป็นผู้ทิ้งกระดาษเหล่านั้นลงในชักโครกห้องน้ำแหล่งข่าวใกล้ชิดทรัมป์บอกกับCBSว่าการตรวจค้นนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมายPresidential Records Actหรือกฎหมายบันทึกของประธานาธิบดีแต่FBIกลับออกไปแล้วโดยแทบไม่ได้อะไรทั้งนี้หมายค้นของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางนั้นต้องมีการอนุมัติโดยผู้พิพากษาและใช้เมื่อเจ้าหน้าที่ต้องการบุกเข้าตรวจค้นอย่างรวดเร็วเพื่อรีบเก็บหลักฐานหรือป้องกันหลักฐานถูกเคลื่อนย้ายหรือทำลายเจ้าหน้าที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุกับCBSว่าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับแจ้งเพียงไม่นานก่อนที่หมายค้นจะออกช่วง10.00น.ของวันที่8สิงหาคมแต่เจ้าหน้าที่อารักขาทรัมป์ได้ให้ความร่วมมือกันFBIเป็นอย่างดีมีการนำกล่องออกไปหลายกล่องและการตรวจค้นเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายแก่ๆแต่ยืนยันไม่มีการพังประตูแต่อย่างใด---ไบเดนไม่รู้เรื่องFBIจู่โจมค้นบ้านทรัมป์---เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวระบุว่าคณะทำงานประธานาธิบดีโจไบเดนไม่ได้รับแจ้งจ้างFBIเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนบางคนมารู้เรื่องนี้จากสื่อและสื่อสังคมออนไลน์ด้วยซ้ำทำเนียบขาวระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯจำกัดการปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมเพื่อเลี่ยงการกดดันทางการเมืองหรือความไม่เหมาะสมต่างๆขณะที่ไบเดนเคยประกาศไว้ตอนหาเสียงว่าจะอยู่ห่างจากกิจการอยุติธรรมและเขาและครอบครัวกำลังรอการตัดสินของอัยการเช่นกันว่าจะชี้มูลความผิดลูกชายของเขาฮันเตอร์ไบเดนหรือไม่กรณีเลี่ยงภาษีทั้งนี้นอกจากทรัมป์กำลังถูกหอจดหมายเหตุแห่งชาติสอบสวนแล้วคณะกรรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯกำลังสอบสวนการกระทำของทรัมป์จากเหตุก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาในวันที่6มกราคม2021ด้วยขณะที่กระทรวงยุติธรรมกำลังสอบสวนข้อกล่าวหาของทรัมป์เรื่องการโกงการเลือกตั้งในปี2021โดยเมอร์ริคการ์แลนด์รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯกล่าวว่าทุกคนต้องรับผิดชอบแปล-เรียบเรียง:ธันย์ชนกจงยศยิ่งภาพ: Reuters
TNN ช่อง16 • 9 ส.ค. 65
อ่าน
มือปืนกราดยิงบนรถไฟ นิวยอร์ก เคยถูก FBI เฝ้าระวังเป็นผู้ก่อการร้ายถึงปี 2562
วันที่ 13 เม.ย. เดลีเมล รายงานความคืบหน้ากราดยิงผู้โดยสารบาดเจ็บ 10 คน บนรถไฟใต้ดินในบรูกลิน นคร นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้าตามเวลาท้องถิ่นว่า มือปืนเคยถูกสำนักงานสอบสวนกลางเฝ้าระวังในฐานะผู้ก่อการร้าย (FBI's terrorist radar) ในรัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐถึงปี 2562 ขณะที่มือปืนหายตัวไปแล้วหลายชั่วโมง และเจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยรูปพรรณสัณฐานของมือปืน ซึ่งเปิดฉากยิงบนรถไฟสายเหนือ เอ็น (northbound N train) ที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ขณะที่รถไฟเข้าชานชาลาสถานีเตอร์ธีซิกซ์ธสตรีต (36th Street) ในย่านซันเซต พาร์ก แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย 2 นาย ให้สัมภาษณ์ ซีเอ็นเอ็น ว่า พนักงานสืบสวนเชื่อว่ารู้ว่ามือปืนเป็นใคร โดยระบุตัวมือปืนหลังพบบัตรเครดิตในจุดเกิดเหตุ ที่ยังใช้เพื่อเช่ารถตู้คาร์โกจากบริษัทรถเช่ายู-ฮอล (U-Haul) เพื่อขับจากรัฐนิวเม็กซิโกมารัฐนิวยอร์กเพื่อลงมือกราดยิงบนรถไฟใต้ดิน แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อีกนายบอก นิวส์วีก ว่า FBI ทราบตัวมือปืนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเข้าสู่ระบบป้องกันผู้ก่อการร้ายที่มีชื่อ Guardian Lead system ในรัฐนิวเม็กซิโก ระบบดังกล่าวเป็นของ FBI เพื่อประสานงานข้อมูลจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ เกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและรายงานกิจกรรมน่าสงสัย ต่อมา มือปืนปราศจากความสงสัยจากการเป็นผู้ก่อการร้ายและได้รับการปล่อยตัวในปี 2562 หลังเจ้าหน้าที่สอบปากคำหลายครั้ง .............. ขณะนี้ FBI ร่วมล่าตัวมือปืนแล้ว และหน่วยตำรวจติดอาวุธกำลังลาดตระเวนบรูกลินเพื่อหาเบาะแสว่ามือปืนอยู่ที่ไหน ขณะที่กรมตำรวจนิวยอร์กพบรถตู้คาร์โกยู-ฮอล ที่เชื่อว่ามือปืนใช้ ถูกจอดทิ้งในถนนในบรูกลิน ห่างจากจุดเกิดเหตุ 8 กิโลเมตร แหล่งข่าวตำรวจบอกเดลีเมลว่า มือปืนมีความเกี่ยวข้องกับรถตู้คันดังกล่าวที่มีป้ายทะเบียนจากรัฐแอริโซนา ส่วนรถตู้คันนั้นเช่าในรัฐฟิลาเดลเฟีย และบริษัทรถเช่ายู-ฮอลกำลังช่วยค้นหาตัวมือปืน ขณะที่ตำรวจอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที หลังพบรถตู้คันดังกล่าว ซีเอ็นเอ็นเผยเอกสารสัญญาเช่ารถว่า รถตู้คันนั้นมีการจองกับยู-ฮอลเมื่อวันที่ 6 เม.ย. และมีกำหนดรับรถตู้เมื่อวันที่ 11 เม.ย. เมื่อ 14.01 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐ และคาดว่าระยะเวลาการเช่ารถตู้คือ 2 วัน .............. ขณะเดียวกัน ทั่วนครนิวยอร์ก เจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลัง โดยเฉพาะบนรถไฟใต้ดิน และโรงเรียนบางแห่งในบรูกลินได้รับคำสั่งหลบภัยในอาคาร ผู้เห็นการกราดยิงเล่าว่า มือปืนสวมหน้ากากกันป้องกันแก๊สบนรถไฟตู้หนึ่งที่กำลังวิ่งช้าๆ ของเช้าวันที่ 12 เม.ย. เมื่อ 8.24 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้น ขว้างระเบิดควันลงบนพื้นรถไฟ เกิดความวุ่นวายในหมู่ผู้โดยสาร ก่อนเปิดฉากยิง ผู้โดยสารหวาดกลัวรีบวิ่งไปสุดอีกด้านของตู้รถไฟเพื่อจะหนีไปตู้รถไฟอื่น แต่ประตูระหว่างตู้รถไฟถูกใส่กุญแจ ทำให้ผู้โดยสารถูกขังบนรถไฟตู้นั้นถึงสถานถัดไป (สถานีเตอร์ธีซิกซ์ธสตรีต) วิดีโอเผยนาทีที่ประตูรถไฟเปิดและผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บทะลักออกมาบนชานชาลา และเลือดไหลบนพื้น จากนั้น มือปืนหายไปจากสถานีเตอร์ธีซิกซ์ธสตรีต ซึ่งกล้องวงจรปิดไม่ทำงาน คาดว่ามือปืนอาจกระโดดขึ้นบนรถไฟขบวนอื่นที่สถานีเตอร์ธีซิกซ์ธสตรีต หรือหลบหนีเข้าไปในอุโมงค์รถไฟใต้ดิน อีริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก บอกสถานีวิทยุดับเบิลยูซีบีเอส 880 เอเอ็ม ว่า การตรวจสอบเบื้องต้นชี้ว่า ระบบกล้องวงจรปิดที่สถานีรถไฟใต้ดินทำงานผิดปกติบางอย่างในวันเกิดเหตุ และพนักงานสืบสวนกำลังพยายามชี้ชัดว่า กล้องวงจรปิดเพียงตัวใดตัวหนึ่ง หรือกล้องวงจรปิดทั่วทั้งสถานีทำงานผิดปกติหรือไม่ ยันโน ลีเบอร์ ประธานและซีอีโอการขนส่งนคร (Metro Transportation Authority - MTA) นิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ในระบบรักษาความปลอดภันมีกล้องวงจรปิดเกือบ 10,000 ตัว ในจำนวนนี้มีกล้องวงจรปิดเกือบ 600 ตัวในบรูกลิน ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ แต่ไม่ได้ให้ความเห็นว่าทำไมกล้องวงจรปิดไม่ทำงาน .............. เดลีเมลยืนยันการพบปืนพก .380 ที่น่าจะเป็นของมือปืน ภายในสถานีตอร์ธีซิกซ์ธสตรีตพร้อมซองกระสุน 3 ซอง ซองหนึ่งไม่มีกระสุน ซองที่สองเต็มไปด้วยกระสุน และซองที่สามอยู่ในปืนพก และพบกระเป๋าใบใหญ่ที่มีดอกไม้ไฟยี่ห้อ ฟัลคอน ไรซิง (Falcon Rising) และประทัดยี่ห้อ ไซส์มิก เวฟ (Seismic Wave) แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า มือปืนจะใช้ทำอะไร เอบีซีรายงานว่า ตำรวจได้รับภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยจากโทรศัพท์มือถือของผู้ยืนดูเหตุการณ์ แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ แม้จะออกประกาศเตือนทั่วนครนิวยอร์กหลายสิบชั่วโมงแล้ว และตอนนี้หน่วยกรมตำรวจนิวยอร์กกำลังสำรวจอุโมงค์รถไฟใต้ดินว่างเปล่าของนครนิวยอร์กเพื่อค้นหาตัวมือปืน ซึ่งอาจกระโดดขึ้นบนรถไฟขบวนอื่นที่สถานีเตอร์ธีซิกซ์ธสตรีตและหลบหนีไป ผู้บัญชาการตำรวจ คีแชนต์ ซีเวลล์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ยังไม่มีการสืบสวนว่าเป็นการก่อการร้าย แต่ยังไม่ตัดประเด็นการก่อการร้ายเป็นแรงจูงใจ และยอมรับว่า ตำรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นมือปืน และน้อยมากที่จะพบตัวมือปืน ตอนนี้ตำรวจตระเวนตามร้านค้าและบ้านเรือนต่างๆ ในบรูกลิน เพื่อขอให้เจ้าของร้านค้าและผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ว่าใครมีวิดีโอจากจุดเกิดเหตุในช่วงเวลาเกิดเหตุเพื่อพยายามหาตัวมือปืน แคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า "เช้านี้ชาวนิวยอร์กธรรมดาตื่นขึ้นเพื่อรอวันที่ค่อนข้างปกติ ออกจากบ้าน ไปโรงเรียน ทำงาน และใช้ชีวิตตามปกติ แต่นั่นถูกทำลายอย่างไร้ความปราณีโดยคนเย็นชาและจิตใจต่ำทราม คนนี้ยังอยู่และเป็นบุคคลอันตราย นี่เป็นสถานการณ์ของมือปืนตอนนี้ในนครนิวยอร์ก"
ข่าวสด • 13 เม.ย. 65
อ่าน
FBI เตือนนักกีฬาโอลิมปิกใช้มือถือสำรอง หวั่นโดนจีนแกะรอย
FBI ประกาศเตือนให้บรรดานักกีฬาและผู้เข้าร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่จัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ให้ใช้โทรศัพท์มือถือสำรองแทนและทิ้งเครื่องจริงไว้ที่บ้าน เพื่อป้องกันภัยทางไซเบอร์และการถูกติดตามโดย FBI ออกมาแสดงความกังวลว่าหากใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องจริง อาจจะเสี่ยงต่อการโจรกรรมทางไซเบอร์, การถูกขโมยข้อมูล และอาจจะไปถึงการถูกติดตั้งเครื่องมือติดตามบนอุปกรณ์มือถือได้คลังภาพรอยเตอร์อย่างไรก็ตาม FBI ระบุว่าที่ออกมาเตือนนั้นไม่ได้มาจากการสงสัยกิจกรรมใดเป็นพิเศษ และยังไม่ได้มีเหตุการณ์เฉพาะเจาะจงใด ๆ ที่น่ากังวล เพียงแต่เป็นการออกมาเตือนและสนับสนุนให้ระวังตัวด้วยก็เท่านั้นโดยเสริมว่าคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ (The National Olympic Committees) ในบางประเทศทางตะวันตก ก็ยังเห็นด้วยและให้คำแนะนำว่าไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือส่วนบุคคลเช่นกันการออกมาเตือนครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (US national security officials) โดยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองได้ออกมาเตือนว่าจีนได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในการเฝ้าระวัง เช่น กล้องที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ฯลฯนอกจาก FBI แล้ว ยังมีองค์กรที่เคยออกมาเตือนเรื่องคล้ายกันคือCitizen Lab ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดูแลเรื่องของความปลอดภัยทางไซเบอร์จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา พวกเขาได้มีการตรวจสอบแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพของนักกีฬาโอลิมปิก ซึ่งเป็นแอปทางการที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนจะต้องดาวน์โหลด เพื่อติดตามในเรื่องของโควิด-19คลังภาพรอยเตอร์อย่างไรก็ตาม พวกเขาพบข้อน่ากังวลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันตัวนี้หลายข้อด้วยกัน เช่น- ตัวแอปพลิเคชันยังปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้มีปลอดภัยพอ- ตัวแอปพลิเคชันยังมีการเข้ารหัสที่ไม่แข็งแรงพอ ทำให้บุคคลที่สามสามารถเข้าถึงเอกสาร เสียง และไฟล์ได้- มีการเซ็นเซอร์บางส่วน ตามลิสต์รายการคำหลัก- การระบุนโยบายความเป็นส่วนตัวไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การระบุว่าใครสามารถรับข้อมูลเหล่านี้ได้บ้าง และจะใช้ประมวลผลข้อมูลต่ออย่างไรสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4-20 กุมภาพันธ์นี้ โดยมีนักกีฬาประมาณ 3,000 คนเข้าร่วมการแข่งขัน 109 รายการ ส่วนพาราลิมปิกฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่ 4 - 13 มีนาคมนี้ขอบคุณข้อมูลจากbbc
TNN ช่อง16 • 2 ก.พ. 65
อ่าน
FBI ล่อซื้อความลับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ "ส่งข้อมูลผ่านทางแซนด์วิช"
FBIได้ออกมาประกาศว่าสามารถจับกุม Jonathan Toebbe วิศวกรนิวเคลียร์ประจำกองทัพเรือสหรัฐฯ วัย 42 ปี พร้อมภรรยาวัย 45 ปีได้สำเร็จ หลังจากทั้ง 2 คนโดนเจ้าหน้าที่ล่อซื้อข้อมูลความลับ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเป็นสายลับต่างชาติ ทำการติดต่อขอซื้อข้อมูลความลับเกี่ยวกับ Restricted Data การออกแบบเรือรบที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ขอบคุณภาพจาก : https://d.newsweek.com/en/full/1910709/jonathan-toebbe-diana-toebbe.jpgในการล่อซื้อทางเจ้าหน้าที่ต้องวางแผนหลายขั้นตอน ทั้งใช้ Email เข้ารหัสในการติดต่อ ต้องทำการติดต่อล่วงหน้าหลายเดือน เป้าหมายถึงจะยอมรับข้อเสนอ โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ยังต้องโอนเงินคริปโตกว่า 10,000 ดอลลาร์ให้กับเป้าหมาย เพื่อเป็นเงินมัดจำ แล้วถึงจะสามารถนัดรับข้อมูลกันได้โดยนาย Jonathan และภรรยาได้ทำการนำข้อมูลความลับใส่เอาไว้ในการ์ด SD แล้วทำการยัดใส่ในแซนด์วิชเนยถั่ว เพื่อไปวางที่จุดนัดหมาย ทั้งสองยังได้รับเงินคริปโตจากการส่งมอบอีก 20,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการกุญแจถอดรหัสข้อมูลในการ์ด หลังจากนั้นทั้งสองก็ขายข้อมูลอีกรอบ โดยครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 70,000 ดอลลาร์ แล้วทำการซ่อนไว้ในหมากฝรั่งขอบคุณภาพจาก : https://www.wfla.com/wp-content/uploads/sites/71/2021/10/AP21283612744228.jpg?w=1280อย่างไรก็ตามทั้งสองถูกจับกุมระหว่างการส่งมอบข้อมูลรอบที่สาม หลังจากสองรอบแรกเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าข้อมูลที่ได้รับเป็นข้อมูลเเรื่องตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์จริง ทั้งสองถูกตั้งข้อหาทางอาญาในเรื่องของการละเมิดพระราชบัญญัติพลังงานปรมาณู Atomic Energy ActประวัติของนายJonathan ToebbeJonathan Toebbe เป็นพนักงานของ Department of Navy เขาทำหน้าที่เป็นวิศวกรนิวเคลียร์ และได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมโครงการ Naval Nuclear Propulsion Program หรือที่เรียกว่า Naval Reactors นั่นทำให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกจำกัดได้ และมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนิวเคลียร์ของกองทัพเรือ รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบด้านการออกแบบ พารามิเตอร์ปฏิบัติการ และคุณลักษณะด้านประสิทธิภาพของเครื่องปฏิกรณ์สำหรับเรือรบที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในวันที่ 1 เมษายน 2020 นาย Jonathan Toebbe ได้ทำการส่งพัสดุภัณฑ์ไปยังรัฐบาลต่างประเทศ โดยระบุที่อยู่ผู้ส่งใน Pittsburgh รัฐเพนซิลวาเนีย ในนั้นมีตัวอย่างข้อมูลที่เป็นความลับอยู่ และยังมีการเชิญชวนในการซื้อขายความลับดังกล่าวต่อ หลังจากนั้น Jonathan Toebbe ก็เริ่มถูกทาง FBI จับตาดูและถูกล่อซื้อสำเร็จในที่สุดขอบคุณภาพจาก : https://dailynationtoday.com/wp-content/uploads/2021/10/Screen-Shot-2021-10-11-at-11.59.06-PM.pngแหล่งที่มาjustice.gov
TNN ช่อง16 • 13 ต.ค. 64
อ่าน
FBI ออกโรงต้าน ธุรกรรม Crypto ผิดกฎหมาย
สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FBI ปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อต่อต้านกลุ่มแฮ็กเกอร์ ตั้งเป้ากลุ่มแฮ็กผู้กระทำความผิดจากพฤติกรรมและฐานข้อมูลที่เคยก่อคดี เล็งแกะรอยการเข้าถึงเครือข่ายจากระยะไกล สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ขณะนี้หน่วยงาน FBI กำลังเร่งดำเนินการในการเข้าตรวจสอบเครือข่ายการกระทำผิดที่เป็นอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในระยะไกล และอำนาจในการปิดกั้นข้อมูลการเข้าใช้จากแฮ็กเกอร์ โดยขณะนี้ถือว่ากลายเป็นประเด็นสำคัญเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่กำลังเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายบริหารของ Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งใจที่จะกวาดล้างให้เด็ดขาด โดยในรายงานดังกล่าวยังได้อ้างอิงถึงเหตุการณ์ Colonial Pipeline ที่กลุ่ม DarkSide ได้ทำการโจมตีเรียกค่าไถ่บริษัทที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งค่าไถ่ส่วนใหญ่ได้ถูกกู้คืนมาได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเพิ่มระบบการป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้หลาย ๆ หน่วยงานยังพูดถึงบทบาทของคริปโตเคอร์เรนซี ที่สกุลเงินดิจิทัลเข้ามามีส่วนสนับสนุนการโจมตีนั้น เนื่องจากติดตามและตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ยาก ขณะเดียวกันหน่วยงานต่าง ๆ กำลังให้ความสนใจในเรื่องอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตและ การฟอกเงิน รวมไปถึงการระดมทุนของกิจกรรมที่ผิดกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการหารือด้านกฎระเบียบของคริปโต เนื่องจากรัฐบาลหลายแห่งตั้งใจที่จะปกป้องนักลงทุนและป้องกันอาชญากรรม นอกจากนี้คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ได้เข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐมอลตาเกี่ยวกับการกำกับดูแลที่ไม่รัดกุม โดยการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการควบคุมตลาดคริปโตระดับโลก
TNN Wealth • 2 ก.ค. 64
อ่าน
สหรัฐฯ จับมือออสเตรเลีย ให้บริการแชตหลอกคนขายยา รวบจับยกโขลง !!
Australian Federal Police (AFP) หรือตำรวจออสเตรเลีย ประกาศความร่วมมือกับ FBI ทำการกวาดล้างกลุ่มคนค้ายาเสพติดวันเดียว 224 ราย และตามจับในออสเตรเลียได้อีก 526 ราย ส่งผลให้เกิดการจับกุมในอีก 18 ประเทศทั่วโลก จากการแทรกซึมเข้าไปยังแก๊งค้ายาด้วยการขายโทรศัพท์ที่มีระบบแชตเข้ารหัส ANoMในชื่อปฎิบัติการว่าIronside สามารถยึดยาเสพติดได้ 3.7 ตัน, อาวุธ 104 ชิ้น, เงินสดอีก 44 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย, และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเกี่ยวกับปฎิบัติการIronsideปฎิบัติการ Ironside เริ่มต้นครั้งแรกในปี 2018AFP ได้ทำการจับมือกับ FBI แบบลับ ๆ เปิดปฎิบัติการ Trojan Shield เข้าทำลายบริการระบบแชตเข้ารหัส Phantom Secure ได้สำเร็จPhantom Secure ให้บริการแชตเข้ารหัสผ่านมือถือ โดยขายมือถือPhantom Secure เป็นบริการระบบแชตเข้ารหัสที่นิยมในกลุ่มค้ายาเสพติด พร้อมค่าบริการ 6 เดือนในราคา 1,500-2,000 ดอลลาร์ต่อเครื่อง หรือเครื่องละ 45,000-60,000 บาทAFP กับ FBI เชื่อว่ากลุ่มค้ายายังคงต้องใช้บริการของ Phantom Secure อยู่ดี หลังจากเข้ายึดระบบได้ ทั้ง 2 หน่วยงานเลยสวมรอยเป็นผู้ให้บริการ เพื่อเก็บข่าวสำหรับใช้ในการจับกุมโดยเฉพาะAFP กับ FBI ตกลงกับนักพัฒนารายหนึ่งของ Phantom Secure ให้สร้างโทรศัพท์เข้ารหัสรุ่นใหม่ในชื่อ ANoM และกระจายตามช่องทางขายเดิมของ Phantom SecureANoM ถูกดัดแปลงให้เข้ารหัสด้วยกุญแจพิเศษที่ FBI ถอดรหัสได้ และเมื่อมีการส่งข้อความ ตัวข้อความจะถูกส่งเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ FBI ทันทีข้อมูลที่ส่งเข้ามา ทำให้ทาง AFP กับ FBI รู้ได้ว่ามีใครที่เกี่ยวข้องการค้ายาบ้าง พร้อมยังมีหลักฐานเป็นข้อความแชตอีกด้วยบริการเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 ทาง FBI ไม่สามารถเข้าดูข้อมูลได้ทันที ต้องรอหมายศาลก่อน กว่าจะดูข้อมูลที่ส่งเข้ามาทั้งหมดได้ก็เข้าปี 2019 แล้วทางหน่วยงานพบว่าไม่ได้มีแค่กลุ่มค้ายาเท่านั้นที่ใช้บริการ ยังมีพวกค้าอาวุธ และพวกนักฆ่าที่ใช้บริการนี้อีกด้วยAFP เผยว่ายังมีแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหมู่อาชญากรเป็นวงกว้างมากกว่านี้อยู่ รวมถึงทาง FBI ยังตรวจพบว่ากลุ่มผู้ค้ายายังได้มีการแยกระบบการสื่อสารกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยที่มากขึ้น (ทางผู้ค้าไม่ได้มั่นใจเกี่ยวกับมือถือเข้ารหัสมากนัก)พัฒนาที่ร่วมมือกับ AFP กับ FBI ได้ค่าจ้างไป 120,000 ดอลลาร์หรือเกือบ 4 ล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก 59,508 ดอลลาร์ เขามีโทษจำคุก 6 ปีฐานนำยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ แต่ก็จะได้รับการลดโทษจากความร่วมมือครั้งนี้ด้วยแหล่งที่มา afp.gov.au
TNN ช่อง16 • 10 มิ.ย. 64
อ่าน
DarkSide โดนเอาคืน FBI ขโมยเงินค่าไถ่จากการแฮกบริษัทน้ำมัน Colonial Pipeline สำเร็จ
เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์บริษัท Colonial Pipeline โดนแฮก ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ดังไปในระดับโลก ส่งผลให้ผู้คนได้รู้จักบริษัท Colonial Pipeline บริษัทผู้ดูแลท่อส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้รู้จักกลุ่ม DarkSide กลุ่มผู้ดำเนินการจับมัลแวร์เรียกค่าไถ่ระดับมืออาชีพ และได้รู้ถึงความน่ากลัวของ Ransomwareหรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ไปจนถึงกระดูกดำ [อ่านเพิ่มเติมคลิก]เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทางสหรัฐถึงกลับต้องยกระดับให้ Ransomware เป็นเหตุการณ์ระดับก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงสูงสุดไปในทันที (พูดง่าย ๆ ว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ต้องรีบเฝ้าระวังทันทีนั่นเอง)[อ่านเพิ่มเติมคลิก]ล่าสุดทาง FBIสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศถึงความสำเร็จ ในการยึดเงินค่าไถ่คืนที่ทาง Colonial Pipeline จ่ายให้กับทาง DarkSide ได้สำเร็จ ซึ่งทาง Colonial Pipeline ต้องจ่ายเงิน Bitcoin จำนวน 75 เหรียญ หรือคิดเป็นจำนวนเงินในเวลานั้น 4.4 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 130 ล้านบาทให้กับทางDarkSideโดยทาง FBI สามารถทวงเงินคืนกลับมาเป็น Bitcoinได้ทั้งหมด 63.7 เหรียญ แต่ด้วยตลาด Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก ทำให้เงินที่ได้กลับมาจึงเหลือเพียง 2.3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 73 ล้านบาทเท่านั้นเงินที่ทางColonial Pipeline จ่ายให้ทาง DarkSide ถูกโอนไปยังบัญชีที่ลงท้ายว่า jc9fr ทาง FBI สืบพบว่าเงินก้อนดังกล่าวถูกกระจายไปทั่ว อย่างไรก็ตามทาง FBI ไม่ได้เปิดเผยว่าพวกเขานำเงินคืนกลับมาได้อย่างไร แต่หนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่า ทาง DarkSide ไม่สามารถเข้าถึงหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ที่มีการชำระเงินของพวกเขาได้ ซึ่งถ้าหากคีย์ที่ใช้เก็บเหรียญ Bitcoin อยู่ในเซิร์ฟนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ทาง FBI จะกู้คืนข้อมูลจากเซิร์ฟดังกล่าวขึ้นมา แล้วจึงเข้าถึงตัวเงินค่าไถ่ได้สำเร็จสิ่งที่ดูน่าจับตามองที่สุดในความสำเร็จครั้งนี้ อาจเป็นการเปิดตัวหน่วยงานใหม่ที่ชื่อว่า Ransomware and Digital Extortion Task Force ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ขัดขวาง และดำเนินคดีเกี่ยวกับ Ransomwareและ Digital Extortion โดยเฉพาะ และคดี Colonial Pipeline ก็คือคดีแรกของแผนกนี้อีกด้วยแหล่งที่มาbleepingcomputer.com
TNN ช่อง16 • 9 มิ.ย. 64
อ่าน
หนุ่มอเมริกันกราดยิง 8 ศพ FedEx เป็นอดีตลูกจ้าง เคยถูก FBI สอบปากคำปีก่อน
หนุ่มอเมริกันกราดยิง 8 ศพ - วันที่ 17 เม.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานความคืบหน้าการกราดยิง 8 ศพ ที่คลังสินค้าบริษัทขนส่งพัสดุ เฟดเอกซ์ ใกล้สนามบินหลักของเมืองอินเดียนาโปลิส รัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา เมื่อค่ำราว 23.00 น. วันที่ 15 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นการกราดยิงนองเลือดสุดในประเทศ ตั้งแต่การกราดยิงที่ร้านขายของชำในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด เมื่อ 22 มี.ค. คร่าชีวิต 10 ราย ล่าสุด เคร็ก แม็กคาร์ต รองผู้กำกับการกรมตำรวจอินเดียนาโปลิส เปิดเผยว่า มือปืนเป็นอดีตพนักงานเฟดเอกซ์เอง ชื่อ นายแบรนดอน โฮล อายุ 19 ปี ทำงานครั้งสุดท้ายกับเฟดเอกซ์ในปี 2563 นายโฮลถูกพบเสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนที่ดูจะเป็นการปลิดชีพตนเอง แม็กคาร์ตกล่าวว่า นายโฮลลงมาจากรถยนต์ และเริ่มกราดยิงอย่างรวดเร็วทันทีข้างนอกคลังสินค้า จากนั้น เข้าไปข้างในและไม่ได้เข้าไปไกลมากนัก และใช้เวลาก่อเหตุเพียงไม่กี่นาที เนื่องจากเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึง เหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้ว นายโฮลยิงปลิดชีพไม่นานก่อนที่เจ้าหน้าที่มาถึง แม็กคาร์ตกล่าวด้วยว่า ขณะเกิดเหตุ มีคนในคลังสินค้าอย่างน้อย 100 คน หลายคนกำลังพักกินอาหารเย็นหรือเปลี่ยนกะทำงาน ส่วนผู้เสียชีวิต 8 ราย ในจำนวนนี้ 4 ราย เสียชีวิตนอกคลังสินค้า ที่เหลือ 4 ราย อยู่ในคลังสินค้า ไม่รวมมือปืน ส่วนมือปืนใช้อาวุธปืนอย่างน้อย 1 กระบอก ซึ่งพนักงานสอบสวนชื่อว่าเป็นปืนลูกซอง ด้านพอล คีแนน เจ้าหน้าที่พิเศษผู้รับผิดชอบ (Special Agent in Charge) กล่าวว่า นายโฮลเคยถูกเข้าโครงการสุขภาพจิตชั่วคราวโดยกรมตำรวจอินเดียนาโปลิส และมีการยึดปืนลูกซองที่บ้านพักของนายโฮลด้วย ขณะนี้พนักงานสอบสวนพยายามระบุแรงจูงใจและค้นบ้านมือปืนผู้ต้องสงสัย ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลาง อินเดียนาโปลิส ออกแถลงการณ์ว่า เมื่อเดือนมี.ค. 2563 แม่ของนายโฮลแจ้งตำรวจว่า ลูกชายอาจพยายามฆ่าตัวตายโดยตำรวจ (Suicide by Cop) "จากรายการที่สังเกตในห้องนอนผู้ต้องสงสัยในเวลานั้น นายโฮลถูกเอฟบีไอสอบปากคำเมื่อเดือนเม.ย. 2563 ระหว่างการประเมิน ไม่มีการระบุว่านายโฮลมีอุดมการณ์แรงจูงใจเชื้อชาติหัวรุนแรง (RMVE) และไม่พบการทำความผิดอาญา ส่วนปืนพกไม่ได้คืนผู้ต้องสงสัย" แถลงการณ์เอฟบีไอ อินเดียนาโปลิส ระบุ วันเดียวกัน ตำรวจอินเดียนาโปลิสเผยแพร่รายชื่อผู้เสียชีวิต 8 ราย เหยื่อมีอายุน้อยสุด 19 ปี จำนวน 2 ราย และเหยื่อมีอายุมากสุด 74 ปี จำนวน 1 ราย และจะระบุสาเหตุการเสียชีวิตหลังเสร็จสิ้นการชันสูตรพลิกศพ
ข่าวสด • 17 เม.ย. 64
อ่าน
FBI เตือน ใช้ Wi-Fi โรงแรมทำงานเสี่ยงอันตรายจากแฮ็กเกอร์!
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบหอบงานไปทำนอกบ้านแล้วต้องใช้ Wi-Fi สาธารณะในการทำงานแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นอีกนิด เพราะ FBI ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการใช้ Wi-Fi สาธารณะว่าคุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดีที่อยากจะล้วงความลับข้อมูลของคุณได้ง่าย ๆ The Federal Bureau of Investigation หรือ FBI ได้ออกมาแนะนำแนวทางการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ Wi-Fi สาธารณะเพื่อการทำงาน โดยได้สังเกตจากพฤติกรรมของชาวอเมริกันที่ตั้งแต่มีการ Work From home หลายคนก็มักจะเลือกใช้บริการที่โรงแรมที่เปิดให้ใช้สถานที่ในราคาพิเศษ ซึ่งได้รับความนิยมสูงเนื่องจากบรรยากาศที่สงบและบริการอินเทอร์เน็ตฟรี แต่อันตรายที่แฝงอยู่ก็คือเรื่องของความปลอดภัยในการใช้ Wi-Fi ของโรงแรม ที่มีการควบคุมและมีความปลอดภัยน้อยกว่าการใช้ Wi-Fi ในบ้านที่มาของภาพ https://cdn.pixabay.com/photo/2016/06/25/12/52/laptop-1478822_1280.jpgการใช้ Wi-fi ของโรงแรมอันตรายอย่างไรมิจฉาชีพมักจะเลือกโรงแรมเป็นเป้าหมาย เพราะโรงแรมมีการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าทั้งชื่อข้อมูลส่วนตัว และที่สำคัญคือเลขบัตรเครดิต และถึงแม้ว่าจะเป็น Wi-Fi ของทางโรงแรมเอง แต่ผู้เข้าใช้งาน Wi-Fi นั้นจะเป็นใครก็ได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นได้ทั้งแขกในโรงแรม ครอบครัว คนทำงาน หรือเป็นมิจฉาชีพที่แฝงตัวมา ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานได้ทั้งนั้น มิจฉาชีพเหล่านี้จะใช้วิธีต่าง ๆ ในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของเรา เช่น ติดตามดูการใช้งานบราวเซอร์ หรือทำให้เราเข้าล็อกอินผิดเว็บไซต์ และนอกจากนี้มิจฉาชีพยังสามารถใช้วิธี “Evil Twin Attack” หรือการสร้างเน็ตเวิร์คของตนเองที่มีหน้าตาคล้ายกับของโรงแรม เมื่อแขกไม่ทันได้สังเกตและกดเข้าใช้งานผิดอัน มิจฉาชีพก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้ทันทีที่มาของภาพ https://cdn.pixabay.com/photo/2016/06/25/12/52/laptop-1478822_1280.jpgนอกจากนี้ Wi-fi ของโรงแรมส่วนใหญ่มักเลือก “อำนวยความสะดวก” ให้ลูกค้า มากกว่าที่จะเลือก “ความปลอดภัย” โดยโรงแรมหลายแห่งมักจะติดประกาศชื่อ Wi-Fi และรหัสไว้ให้เห็นโดยง่าย ทั้งยังไม่ค่อยเปลี่ยนรหัสอีกด้วย ส่วนในบางแห่งใช้วิธีเข้าถึงรหัสได้จากเลขห้องและพาสเวิร์ดรวมกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานอยู่ดี เพราะในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานของโรงแรมในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของ Wi-Fi ดังนั้นหากคุณเป็นแขกที่ต้องใช้งานอินเทอร์เน็ต ทาง FBI ก็ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าได้เชื่อใจนักว่าอินเทอร์เน็ตที่ใช้อยู่จะมีระบบคอยช่วยตรวจสอบหรือแก้ปัญหาให้ถ้าเกิดเหตุใด ๆ ขึ้นปัจจัยด้านความปลอดภัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ใช้งานแขกของโรงแรมไม่สามารถเข้าถึงแหล่งที่มาของอินเทอร์เน็ตได้เลย ทั้งในเรื่องของสถานที่และระบบภายใน ลองสังเกตดูว่าเมื่อคุณเข้าใช้งาน Wi-Fi โรงแรม คุณมองเห็นเครื่องส่งสัญญาณ Wi-fi ได้ที่ไหนบ้าง? และถึงจะเห็น แต่ก็ไม่ทางรู้เลยว่าตัวระบบและอุปกรณ์ที่ใช้นั้นใช้มานานแค่ไหนแล้ว ยิ่งอุปกรณ์เก่ายิ่งง่ายต่อการเจาะระบบ แต่ถ้าที่ไหนใช้อุปกรณ์ใหม่ก็ใช่ว่าจะรอด ถ้าหากทางโรงแรมไม่หมั่นอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือเปลี่ยนรหัสตั้งต้นที่ติดมากับเครื่อง นี่จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้าจะต้องพิจารณาก่อนที่จะใช้งาน Wi-Fiที่มาของภาพ https://cdn.pixabay.com/photo/2015/04/20/13/17/work-731198_1280.jpgความเสี่ยงเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้งานที่มี ‘Business Data’ใครที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ส่วนตัวที่มีข้อมูลลับของบริษัทหรือข้อมูลธุรกิจสำคัญต่าง ๆ ต้องระวัง เพราะมิจฉาชีพจะสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ และยังสามารถขโมยข้อมูลเหล่านั้นผ่านการอัปโหลดมัลแวร์หรือไวรัสเรียกค่าไถ่จากข้อมูลของเราได้ ที่สำคัญคืออาชญากรทางไซเบอร์เหล่านี้ยังสามารถใช้ข้อมูลที่ได้มาในการสร้างข้อมูลปลอมแปลง เลียนแบบของจริง เพื่อใช้หลอกให้โอนเงินเข้าสู่บัญชีของมันได้อีกด้วยสัญญาณใดบ้างที่บอกว่าอุปกรณ์ของคุณไม่ปลอดภัยอีกต่อไปใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มสงสัยว่าคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณถูกมิจฉาชีพเล่นงานไปแล้วหรือไม่ ลองสังเกตจากอาการต่อไปนี้- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น มือถือ คอมพิวเตอร์ส่วนตัว ทำงานช้าลง- ไม่ว่าจะพยายามเข้าหน้าเว็บไหนก็ Redirect ไปที่หน้าเว็บอื่นอัติโนมัติ- อุปกรณ์มือถือเริ่มติดตั้งแอปพลิเคชันเอง- Pop-up โฆษณาเด้งบนหน้าจอเพิ่มขึ้น- พื้นที่การใช้งานที่ลดน้อยลงอย่างผิดสังเกต- แบตเตอรี่หมดไวขึ้นผิดปกติ- มีสายการโทรออก การส่งข้อความ หรือการส่งอีเมล์ที่หาที่มาไม่ได้ที่มาของภาพ https://pixabay.com/th/users/thedigitalway-3008341/?utm_source=link-attributionutm_medium=referralutm_campaign=imageutm_content=1591018ต้องทำอย่างไรถ้าอุปกรณ์ของคุณถูกรุกรานถ้าใครที่สังเกตสัญญาณข้างต้นไปแล้วพบว่าเกิดกับอุปกรณ์ของเราแน่ ๆ เรายังมีวิธีในการแก้ไขไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ เช่น- ไม่ส่งต่ออีเมล์หรือไฟล์ที่น่าสงสัย- หยุดการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ใด ๆ กับ Wi-Fi และ Bluetooth- ติดต่อฝ่ายไอทีของบริษัทที่คุณทำงานอยู่เพื่อให้ช่วยเฝ้าระวังหากมีความเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ เกิดขึ้น- ถ้าเกิดว่าไม่มีฝ่ายไอทีช่วยเหลือ อาจจะติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่รับบริการดูแลด้านนี้เป็นพิเศษคำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงในการใช้ Wi-Fi ของโรงแรมถ้าคุณไม่สามารถเลี่ยงได้จริง ๆ และจำเป็นที่จะต้องใช้ Wi-Fi ของโรงแรมทำงาน ทาง Internet Crime Complaint Center ก็ได้มีการแนะนำแนวทางเพื่อช่วยลดความเสี่ยงไว้ ดังนี้- ถ้าเป็นไปได้ ให้ใช้ VPN ในการทำงานเพื่อเป็นการเข้ารหัสในการใช้อินเทอร์เน็ต ทำให้ยากต่อการเข้าถึงจากมิจฉาชีพมากขึ้น- พยายามใช้ Wireless hotspot จากโทรศัพท์มือถือแทน Wi-Fi- ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่จะใช้งานได้มีการอัปเดตระบบปฏิบัติการให้เป็นรุ่นล่าสุดแล้วทุกครั้ง และอย่าลืม Back up ข้อมูลสำคัญเก็บไว้ ที่สำคัญ อย่าลืมเปิดใช้งาน Anti-Virus ด้วย- ตรวจสอบชื่อ Wi-Fi ของโรงแรมที่ใช้เชื่อมต่อให้ถูกต้องและตรงกับของโรงแรม- อย่าเชื่อมต่อแหล่งอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของโรงแรม- ตั้งค่าการเชื่อมต่อเป็นแบบ Public และไม่ตั้งค่าให้มีการเชื่อมต่ออัตโนมัติ (enable auto-reconnect)- ตรวจสอบ HTTP ทุกครั้งในการสืบค้นข้อมูลใด ๆ ซึ่งจะสามารถสังเกตได้จากเครื่องหมายรูปตัวล็อค หรือแม่กุญแจในช่อง Address bar- พยายามไม่ใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีข้อมูลสำคัญของคุณ เช่น ธนาคารออนไลน์ หรือหน้าเว็บที่มีการกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสประจำตัวประชาชน- ตรวจสอบให้อุปกรณ์อยู่ในโหมด not discoverable และปิดการใช้งาน Bluetooth เมื่อไม่ใช้- ถ้าจำเป็นจะต้องเข้าถึงหน้าที่มีข้อมูลส่วนตัว ให้เปิดใช้งาน multi-factor authenticationเปิดแจ้งเตือน login notifications เพื่อแจ้งการเข้าใช้งานที่ผิดปกติได้ทันท่วงทีเพราะบางครั้งเราก็เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องใช้ Wi-Fi ของโรงแรม หรือที่สาธารณะอื่น ๆ ในการใช้งาน แต่ก็อย่าลืมว่าถึงแม้ว่าเจ้าของสถานที่ให้บริการจะน่าเชื่อถือมากขนาดไหน มิจฉาชีพก็แฝงตัวได้อยู่ทุกที่ รวมถึงบนโลกไอทีที่คุณอาจจะตามไม่ทัน ฉะนั้นแล้ว ป้องกันไว้ดีกว่าแก้เสมอขอบคุณข้อมูลจากIC3เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.comfacebook : TNNThailandfacebook live : TNN Livetwitter : @TNNThailandLine : @TNNONLINEYoutube Official : TNNThailandInstagram : @tnn_onlineTIKTOK : @tnnonline
TNN ช่อง16 • 17 ต.ค. 63
อ่าน
FBI หวั่น ต่างชาติโจมตีไซเบอร์ ดิสเครดิตเลือกตั้งสหรัฐฯ
วันนี้( 23 ก.ย.63) สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ และหน่วยงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และความมั่นคงสาธารณูปโภคสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม เตือนว่า“ผู้เล่นต่างชาติ” อาจฉกฉวยสถานการณ์รับคะแนนที่ล่าช้าเพราะการลงคะแนนทางไปรษณีย์เพื่อดิสเครดิตการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯทั้งนี้ จากสถานการณ์ระบาดของโควิด -19 ทำให้มีการคาดากรณ์ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากจะลงคะแนนทางไปรษณีย์ ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการนับคะแนนนั้นนานกว่าการลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้งแถลงการณ์ระบุว่า จากปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนับคะแนนเสร็จได้ภายในวันเลือกตั้ง ซึ่งผู้เช่นต่างชาติและอาชญากรทางไซเบอร์อาจใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เวลาดังกล่าวจนกว่าจะมีการประกาศผลการเลือกตั้ง ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ รวมไปถึงโจมตีทางไซเบอร์ไปที่สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เป็นต้นการโจมตีอาจมาในรูปแบบเว็บไซต์ใหม่ หรือเนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีเป้าหมายเพื่อลดความน่าเชื่อถือต่อกระบวนการเลือกตั้งของสหรัฐฯและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อสถาบันทางประชาธิปไตยของสหรับฯทั้งนี้ การเลือกตั้งทางไปรษณีย์ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคมอเมริกัน เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักกล่าวหาว่า จะนำไปสู่การทุจริตครั้งใหญ่และพรรคเดโมแครตจะใช้โอกาสนี้ในการทุจริตการเลือกตั้งด้วย แต่เขาไม่มีหลักฐานมาชี้ชัดว่าการทุจริตจะเกิดขึ้นได้อย่างไรขณะเดียวกันมีการคาดการณว่า การนับคะแนนในวันเลือกตั้งอาจแสดงผลที่ทรัมป์ได้เปรียบแต่ทีมหาเสียงของนายไบเดนมองว่าเมื่อมีการนับคะแนนทางไปรษณีย์แล้วเสร็จ คะแนนจะพลิกกลับมาเป็นของนายไบเดน เพราะผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมีแนวโน้มเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในจำนวนที่มากจึงทำให้ผู้สนับสนุนฝั่งเดโมแครตกังวลว่า เมื่อนับคะแนนเสร็จทั้งหมด นายทรัมป์ จะกล่าวหาว่าเขาถูกปล้นชัยชนะเกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINEfacebook live : TNN Livetwitter : TNNONLINELine : @TNNONLINEYoutube Official : TNNONLINEInstagram : TNN_ONLINETIKTOK : @TNNONLINE
TNN ช่อง16 • 23 ก.ย. 63
อ่าน
FBI สอบสวนคนจีนใน 25 เมืองของสหรัฐ ต้องสงสัยเป็นสปาย
วันนี้ ( 24 ก.ค. 63 )กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า สำนักสอบสวนกลางสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ได้ตั้งข้อหาชาวจีน 4 คน ในข้อหาโกงวีซ่า จากการปกปิดความจริงว่าเป็นสมาชิกกองทัพจีน ในการขอวีซ่าเพื่อทำการวิจัยในสถาบันทางวิชาการของสหรัฐ โดยจับกุมตัวได้แล้ว 3 คน และกำลังตามล่าตัวอีก 1 คน เชื่อว่าหลบซ่อนตัวอยู่ในสถานกงสุลจีนในนครซานฟรานซิสโกนอกจากนี้ เอฟบีไอยังได้สอบสวนผู้ถือวีซ่าของจีน ในกว่า 25 เมืองทั่วสหรัฐ ฐานต้องสงสัยว่า ปกปิดการเป็นสมาชิกของกองทัพจีนขณะเดียวกัน คำสั่งของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ที่สั่งให้ปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส จะมีผลภายในวันนี้แถลงการณ์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยังได้อ้างคำพูดของ จอห์น ดีเมอร์ ผู้ช่วยอัยการสูงสุดของสหรัฐ ที่ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์จีนที่เป็นสมาชิกของกองทัพจีน ได้ยื่นขอวีซ่านักวิจัยในสหรัฐ โดยปกปิดความจริงว่า พวกเขาเป็นสมาชิกของกองทัพจีน ดีเมอร์กล่าวหาว่า นี่เป็นแผนการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ฉวยโอกาสจากการที่สหรัฐเป็นสังคมเปิด ในการเอาเปรียบสถาบันทางวิชาการของสหรัฐด้าน เจมส์ มัลวีนอน ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีนและปฏิบัติการทางไซเบอร์ ระบุว่า การกระทำของสหรัฐครั้งนี้ นับเป็นการปราบปรามการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาที่กระทำโดยจีน ครั้งใหญ่ที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่มีมานานกว่า 40 ปี นับตั้งแต่ที่ 2 มหาอำนาจเริ่มกระบวนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2522 เป็นต้นมาและจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้แก่วิกฤติความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังถูกมองว่าเป็น “สงครามเย็น” ครั้งใหม่ ที่เปลี่ยนคู่สงครามจากสหรัฐกับรัสเซีย มาเป็นสหรัฐกับจีนก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ เปิดเผยว่า ในการสอบสวนของเอฟบีไอ เกี่ยวกับการจารกรรมข้อมูลข่าวกรองในสหรัฐทั้งหมด 5,000 ครั้งนั้น พบว่า มีเกือบครึ่งหนึ่ง ที่พัวพันไปถึงจีนทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐกล่าวหาจีนใช้ปฏิบัติการทางไซเบอร์ และการจารกรรม ขโมยข้อมูลความรู้ด้านเทคโนโลยี ทางทหาร และด้านอื่นๆ ของสหรัฐ เพื่อหวังจะเข้าแทนที่สหรัฐ ในฐานะมหาอำนาจทางการทหารและทางการเงินของโลก แต่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวเกาะติดข่าวที่นี่ website: www.TNNThailand.com facebook : TNNThailand facebook live : TNN Live twitter : @TNNThailand Line : @TNNONLINE Youtube Official : TNNThailand Instagram : @tnn_online TIKTOK : @tnnonline
TNN ช่อง16 • 24 ก.ค. 63
อ่าน
รีวิว หนังสือชนะใจคนด้วยวิธีแบบ FBI
สำหรับหนังสือชนะใจคนด้วยวิธีแบบ FBI ดร.แจ็ค เชเฟอร์ และ ดร.มาร์วิน คาร์ลินส์ ผู้เขียนทั้งสองท่านนี้จะพาทุกท่านไปพบกับกลเม็ดเคล็บลับแบบฉบับ FBI ที่ใช้เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรและสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวผ่านทั้งท่าทางและคำพูด โดยเนื้อหาจะถูกแบ่งย่อยออกเป็น 8 บท แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณนุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี สำนักพิมพ์อมรินทร์ฮาวทู โดยเนื้อหาในบทแรก ๆ จะพูดถึงการสร้างมิตร เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นคนรู้จัก สร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอด้วยท่าทางและการใช้คำพูดของเรา ซึ่งในหนังสือได้บอกเอาไว้ถึงท่าทางและการแสดงออกต่าง ๆ ของมนุษย์ที่บ่งบอกถึงตัวตนและความรู้สึกของคนที่เราคุยด้วยในขณะนั้น ดูได้อีกว่าคน ๆ นั้นเป็นคนแบบเปิดตัวหรือปิดตัว พูดจริงหรือพูดโกหก การที่เราดูคู่สนทนาออกก็จะทำให้เรารู้ว่าเราควรใช้คำพูดแบบไหน หากทำให้เค้าอึดอัดควรเลิกคุยมั้ย เป็นต้นส่วนในบทหลัง ๆ จะพูดถึงการสร้างความสนิทสนมและรักษาความสัมพันธ์ในระยะยาว ซึ่งใช้กระชับมิตรได้ทั้งกับคนในครอบครัว คนรู้จักรวมถึงคนแปลกหน้าด้วยค่ะ โดยการสร้างสัมพันธ์ไมตรีนี้ในหนังสือก็จะบอกอีกว่าพฤติกรรมแบบไหนที่บ่งบอกถึงความเป็นมิตรและไม่เป็นมิตร หรือบอกได้ว่าเราสร้างสัมพันธ์ไมตรีสำเร็จหรือไม่ เช่น ยักคิ้ว เอียงคอ สบตากัน ยิ้มบ่อย ๆ อันนี้แสดงสัณญาณเป็นมิตร และ ขมวดคิ้ว กลอกตา จ้องเขม็ง มองไปทางอื่น แสดงสัณญาณไม่เป็นมิตร เป็นต้นซึ่งความรู้เชิงจิตวิทยาที่เราได้รับในทุก ๆ บทสามารถนำไปทดสอบผลได้จริงในชีวิตประจำวัน มันทำให้เรารู้ว่าการสังเกตุพฤติกรรมของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่สนุกเหมือนกัน เราสามารถรู้ตัวตนของคู่สนทนาได้จากการใช้คำพูดและสังเกตท่าทางของเค้า แม้คู่สนทนาคนนั้นจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างรวมถึงคนสำคัญอย่างครอบครัวด้วยค่ะ เราสามารถใช้วิธีการและท่าทางจากหนังสือเล่มนี้เพื่อแสดงความเป็นมิตรต่อผู้อื่นได้ รวมถึงสังเกตท่าทีของคู่สนทนาได้ด้วยว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับเราเราอ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก ๆ และใช้ได้ผลจริง อาจจะเป็นเพราะวิธีต่าง ๆ มันถูกกลั่นกรองมาจากประสบการณ์การทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์พฤติกกรรมร่วมกับ FBI มาตลอดระยะเวลา 20 ปี ของ ดร.แจ็ค ความรู้ต่าง ๆ ที่เค้านำมาเผยแพร่ในหนังสือเล่มนี้ส่วนใหญ่จึงมีแต่สิ่งที่ทำแล้วได้ผล ทำให้เราดูคนออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้นและรู้วิธีเข้าหาคนเพื่อผูกมิตร โดยเฉพาะเนื้อหาในบทที่ 3 กฎทองของมิตรภาพ เป็นบทที่เราอ่านแล้วรู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ เพราะเค้าเน้นให้เราใส่ใจ สนใจและเข้าใจในตัวผู้อื่นให้มากขึ้น ซึ่งทั้งสามข้อนี้เป็นกุญแจดอกใหญ่ที่จะใช้ไขเข้าไปในใจคนและสร้างมิตรภาพได้อย่างไม่ยากเลยภาพ 1,2 ถ่ายโดยผู้เขียนภาพที่ 3
เอามาฝาก • 27 พ.ค. 63
อ่าน
เทคนิคการโน้มน้าวใจของ FBI
ในทุก ๆ ความสัมพันธ์ล้วนแล้วแต่ต้องเจอกับคน และเมื่อต่างคนต่างความคิดมาเจอกันก็ย่อมมีความเห็นที่ไม่ตรงกันได้ การที่จะทำให้คนอื่นทำให้เราพึงพอใจก็เป็นไปได้ยาก หากเราเรียนรู้เทคนิคในการโน้มน้าวใจที่ดี มันจะทำให้ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เราก็ได้ในสิ่งที่เราต้องการ และเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการโดยที่ไม่ผิดใจกัน บทความนี้จะมานำเสนอเทคนิคการโน้มน้าวใจที่หน่วย FBI ใช้เจรจาต่อรองกับอาชญากรหรือคนร้ายที่จับตัวประกันไป เทคนิคนี้มีชื่อว่า “โมเดลการเปลี่ยนพฤติกรรมแบบขั้นบันได (Behavioral Change Stairway Model)” เทคนิคนี้ไม่เพียงแค่ใช้ได้แต่กับอาชญากรเท่านั้นแต่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น พนักงานฝ่ายขาย คู่รัก ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก สามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้ทั้งนั้น เพื่อโน้มน้าวใจอีกฝ่ายให้ทำในสิ่งที่เราขอหรือต้องการได้ โดยเทคนิคการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมีอยู่ทั้งหมด 5 ขั้นตอนดังนี้1. การฟังอย่างตั้งใจ(Active Listening) คุณต้องเป็นผู้ฟังที่ดีเพราะการที่เราฟังเขาอย่างตั้งใจจะทำให้เขาได้ระบายหรือบอกถึงปัญหาที่เขากำลังพบเจออยู่ เมื่อพวกเขาได้พูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอยู่ออกไปหมดแล้วหลังจากนั้นอารมณ์ของเขาจะอยู่ในสภาพที่พร้อมจะฟังเรา ข้อควรระวังก็คือพยายามอย่าแทรก อย่าไม่เห็นด้วย และอย่าตัดสินเป็นอันขาด เป็นผู้ฟังอย่างเดียวเท่านั้น2. เราเข้าใจเขา(Empathy) ขณะที่ฟังคุณต้องเข้าใจอีกฝ่ายด้วยว่าปัญหาที่เขาพบเจออยู่คืออะไร อะไรที่นำพาพวกเขามาสู่ปัญหาเหล่านี้ และที่สำคัญต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย เพราะนี่เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจเรา 3. ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน(Rapport) เมื่อคุณได้ฟังเขาอย่างตั้งใจและแสดงให้เขาเห็นว่าคุณเห็นอกเห็นใจเขา เข้าใจเขา เมื่อเขารับรู้ได้ถึงความเห็นใจที่คุณสื่อสารออกไป เขาจะเริ่มไว้ใจคุณมากขึ้น และมองว่าคุณคือพวกเดียวกับเขา จากนั้นเขาจะเริ่มเปิดใจและพร้อมที่จะรับฟังคุณ 4. การจูงใจ(Influence) เมื่อทั้งสองฝ่ายสามารถสร้างความไว้วางใจต่อกันได้ คุณก็เริ่มแนะนำเขา ช่วยเขาแก้ปัญหา เสนอแนวทางต่าง ๆ ที่พอจะช่วยให้เขาหลุดพ้นจากปัญหาที่กำลังพบอยู่ หรืออาจจะเป็นการโน้มน้าวให้เขาทำในสิ่งที่เราพึงพอใจ และได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายโดยที่ไม่ขัดแย้งกัน 5. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม(Behavioral Change) หากคุณทำให้เขาไว้ใจคุณมากพอ เขาก็จะพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามที่คุณแนะนำ หรืออาจจะเชื่อในสิ่งที่คุณได้เสนอมา สิ่งสำคัญคือต้องทำทีละขั้นตอนจึงจะได้ผล คนส่วนใหญ่ที่โน้มน้าวใจคนอื่นไม่สำเร็จก็เป็นเพราะว่าพวกเขาทำข้ามขั้นไปขั้นที่ 4 กับ 5 เลย คือจูงใจและพยายามให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อตนเอง อย่างเช่น เวลาที่มีใครมาขายของกับเรา เขาก็จะอธิบายถึงสรรพคุณของสินค้านั้นอยู่ฝ่ายเดียว พร้อมทั้งพยายามโน้มน้าวให้เราสนใจสิ้นค้าของเขา โดยที่ไม่ได้ถามความต้องการของเราหรือไม่ได้ฟังปัญหาที่เรากำลังพบเจออยู่ มันก็ทำให้เราปิดกั้นไม่อยากจะซื้อสินค้าของเขา เพราะไม่มีใครที่อยากโดนขายของใส่ คุณว่าจริงไหมครับ คนเรามักจะถูกโน้มน้าวด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ฉะนั้นเมื่อเขาอยู่ในอารมณ์ที่ไม่พร้อมจะรับฟัง อย่าพยายามเอาเหตุผลของคุณเข้าไปอธิบายเพราะมันใช้ไม่ได้ผล ต้องเริ่มสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันก่อน เพราะคนที่เก่งในเรื่องโน้มน้าวใจคนอื่นไม่ใช่คนที่พูดได้เก่ง แต่คือคนที่ฟังได้เก่งต่างหาก ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้ดูนะครับ มันจะช่วยให้คุณโน้มน้าวอีกฝ่ายโดยได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายแน่นอนขอบคุณภาพประกอบจาก pexels ภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2/ภาพที่3/ภาพที่4/ภาพที่5/ภาพที่6/ภาพที่7/
บทความเพื่อชีวิต • 28 เม.ย. 63
อ่าน
ชนะใจคนด้วยวิธีแบบ FBI หนังสือที่จะทำให้คุณถูกรัก
คุณกำลังอยากเป็นที่รัก ของคนหมู่มากใช่ไหม ??? หรือคุณกำลังต้องการที่จะชนะใจใครอยู่หรือเปล่า ??? ถ้าคุณกำลังหาวิธีที่จะสามารถเป็นที่รักของคนหมู่มาก หรือกำลังต้องการชนะใจใครก็ได้ในโลกนี้ เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยที่มี คนที่ชื่นชอบเราอยู่รอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไรก็สามารถพิชิตใจผู้คนทั้งที่คุ้นเคยและแปลกหน้าได้อย่างง่ายดาย ถ้าคำตอบคือใช่ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ภาพโดยผู้เขียน บวร ครบุรีเป็นหนังสือที่เปิดเผยเคล็ดลับขององค์กรณ์ระดับโลก ที่หลายคนต่างคุ้นหูกันดีในภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน และเป็นไอดอลสมัยเด็กของหลาย ๆ คน นั่นก็คือ FBI หน่วยงานของ FBI นอกจากจะต้องทำการสืบสวนหาความจริง ทักษะหนึ่งที่ต้องมีนั่นก็คือ การผูกมิตรกับผู้คนเพื่อให้สามารถหาข้อมูลได้โดยง่าย หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ดร.เจค์ เชเฟอร์ และ ดร.มาร์วิน คาร์ลินส์ ซึ่งได้เปิดเผยกลยุทธ์และเคล็ดลับ ที่จะสามารถพิชิตใจใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักขายหรือใครก็ตามที่ต้องการเป็นที่รักหรือชนะใจผู้คน ก็สามารถนำไปใช้ได้ ผ่านหนังสือที่ชื่อว่า ชนะใจคนด้วยวิธีแบบ FBIโดยหนังสือเล่มนี้ ใช้ภาษาแบบง่าย ๆ และมีเทคนิคที่จับต้องได้และใช้ได้จริง (ผมพิสูจน์มาแล้ว)โดยเริ่มอธิบายจากสูตรสร้างมิตรภาพ ว่าทำอย่างไรเราจะสร้างมิตรเพิ่มและรักษามิตรไว้ วิธีสังเกตฝ่ายตรงข้ามและทำอย่างไรให้ฝ่ายตรงข้ามสนใจ พร้อมมีภาพประกอบที่ชัดเจน ที่สามารถนำไปใช้ตามได้อย่างง่าย ๆ ทำให้ผู้คนพบเราและรู้สึกชอบเราในทันทีภาพโดยผู้เขียน บวร ครบุรีหนังสือเล่มนี้บอกไว้จนหมด สำหรับใครที่ชื่นชอบการเป็นที่รัก หรือต้องการชนะใจผู้คน ควรอย่างยิ่งที่ต้องหามาอ่าน เพราะด้วยเทคนิคในหนังสือเล่มนี้ จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และนำไปฝึกให้ชินจนเป็นนิสัยแล้วล่ะก็ คุณจะเป็นคนที่มีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะไปที่ไหนใคร ๆ ก็อยากที่จะเข้ามาพูดคุย อยากเข้ามาสร้างสายสัมพันธ์ด้วย ซึ่งทำให้โอกาสดี ๆ หลังไหลเข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอน ถ้าสนใจหนังสือที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนที่มีคนรักมากมายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าลืมหามาอ่านกันนะครับภาพโดยผู้เขียน บวร ครบุรีชื่อหนังสือ ชนะใจคนด้วยวิธีแบบ FBIเขียนโดย ดร.เจค์ เชเฟอร์ และ ดร.มาร์วิน คาร์ลินส์มีทั้งหมด 265 หน้าราคา 239 บาทมีจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป
บวรครบุรีBovornKhonburi • 16 ก.พ. 63
อ่าน
ฟีฟ่าแถลงไข เปิดโผ 7 ชื่อถูกตำรวจสากลรวบฐานทุจริต
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เหตุการณ์เข้าจับกุมจาก FBI ตำรวจสากลของสหรัฐฯ รวบผู้ต้องหาซึ่งเป็นสมาชิกจำนวน 7 ราย จากทั้งหมด 14 คนที่ตกเป็นเป้าหมาย อ้างอิงข้อมูลจาก BBC สื่อดังของอังกฤษ ชื่อของ เจฟฟรี่ย์ เว็บบ์, เอดูอาร์โด ลี, จูลิโอ โรช่า, คอสตาส เท็คคาส, ยูเจนิโอ ฟิกูเรโด้, ราฟาเอล เอสกิเวล และ โฆเซ่ มาเรีย มาริน ถูกปรากฎในเหตุการณ์เข้าจับกุมสายฟ้าฟาดครั้งนี้ ในช่วงเช้ากลางโรงแรมหรู กรุงซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนการประชุมที่ ฟีฟ่า จะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ ต้นเรื่องนั้นต้องข้ามไปถึง กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา ได้ติดตามเฝ้าดูความเคลื่อนไหวต่างๆใน 14 ผู้ต้องหา และได้ชี้ความผิดในข้อหา ฉ้อโกงทุจริตและวางแผนฟอกเงิน ซึ่งอ้างว่าเกิดขึ้นมายาวนานกว่า 24 ปีเลยทีเดียว ซึ่งมีจำเลยในคดีนี้สี่รายยอมรับสารภาพ ซึ่งไม่ได้ระบุว่าใครบ้าง โลเร็ตต้า ลินซ์ อัยการสหรัฐฯ ผู้ยืนยันเรื่องอื้อฉาวแห่งวงการฟุตบอลครั้งนี้ ปากคำยืนยันของ โลเร็ตตา ลินซ์ เผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการฟ้องตามความผิดเรื่องทุจริตกับหลายๆประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงที่อเมริกา เหตุที่เกิดขึ้นนั้น ฟีฟ่า ยืนยันว่าการเลือกตั้งประธานฟีฟ่า ในวันศุกร์ 29 พฤษภาคม ที่กำลังมาถึงตามกำหนดจะยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยโฆษกยืนยันความบริสุทธิ์ของ แบล็ตเตอร์ แม้จะไม่ได้มีรายชื่อเกี่ยวข้องกับเหตุครั้งนี้ก็ตาม และยังมีโอกาสเป็นประธานฟีฟ่าต่ออีกสมัย หากสมาชิกยังไว้วางใจอีกด้วย ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ที่ช่องทาง ตาราง : บอลไทยและบอลนอก ตาราง : บาสเก็ตบอลและกีฬาอื่นๆ เรียบเรียงข้อมูลโดย ต.ตั้ม27.05.1517:25
ลีกอื่นๆ • 27 พ.ค. 58