ผลการค้นหา “Apple” - ทรูไอดี

ลูกค้าทรู รับส่วนลด 25% เมื่อซื้อ 2 ชิ้น เมนู Apple almond tart/Apple turnover/Soft lemon cake ใช้ 0 ทรูพอยท์

ลูกค้าทรู รับส่วนลด 25% เมื่อซื้อ 2 ชิ้น เมนู Apple almond tart/Apple turnover/Soft lemon cake ใช้ 0 ทรูพอยท์ เงื่อนไข 1. กดรับสิทธิ์ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์เท่านั้น งดรับสิทธิ์จากภาพถ่าย/ภาพบันทึกหน้าจอ (Screenshot)2. สงวนสิทธิ์งดให้บริการหากลูกค้าทำการกดตัดสิทธิ์ หรือไม่มีโค้ดเพื่อใช้สแกนรับสิทธิ์3. ในกรณีที่โค้ดถูกขโมย ทำลาย หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของโค้ด บริษัทฯจะไม่ทำการคืนเงินในทุกกรณี4. หากโค้ดชำรุดหรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ทางร้านมีสิทธิ์ปฏิเสธงดให้บริการ5. โค้ดส่วนลดนี้ ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือคืนเป็นเงินสดได้6. บริษัทฯ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ตามช่องทางที่กำหนด และไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขาย หรือส่วนลดอื่น ๆ ได้ การพิจารณาและการตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุดข้อกำหนดและเงื่อนไข

ลูกค้าทรู รับส่วนลด 30% เมื่อซื้อ 3 ชิ้น เมนู Apple almond tart/Apple turnover/Soft lemon cake ใช้ 0 ทรูพอยท์

ลูกค้าทรู รับส่วนลด 30% เมื่อซื้อ 3 ชิ้น เมนู Apple almond tart/Apple turnover/Soft lemon cake ใช้ 0 ทรูพอยท์ เงื่อนไข 1. กดรับสิทธิ์ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์เท่านั้น งดรับสิทธิ์จากภาพถ่าย/ภาพบันทึกหน้าจอ (Screenshot)2. สงวนสิทธิ์งดให้บริการหากลูกค้าทำการกดตัดสิทธิ์ หรือไม่มีโค้ดเพื่อใช้สแกนรับสิทธิ์3. ในกรณีที่โค้ดถูกขโมย ทำลาย หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของโค้ด บริษัทฯจะไม่ทำการคืนเงินในทุกกรณี4. หากโค้ดชำรุดหรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ทางร้านมีสิทธิ์ปฏิเสธงดให้บริการ5. โค้ดส่วนลดนี้ ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือคืนเป็นเงินสดได้6. บริษัทฯ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ตามช่องทางที่กำหนด และไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขาย หรือส่วนลดอื่น ๆ ได้ การพิจารณาและการตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุดข้อกำหนดและเงื่อนไข สาขาที่ร่วมรายการ1.Central World2.Central Embassy3.Emporium4.Mega Bangna

ลูกค้าทรู รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อ 1 ชิ้น เมนู Apple almond tart/Apple turnover/Soft lemon cake ใช้ 0 ทรูพอยท์

ลูกค้าทรู รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อ 1 ชิ้น เมนู Apple almond tart/Apple turnover/Soft lemon cake ใช้ 0 ทรูพอยท์ เงื่อนไข 1. กดรับสิทธิ์ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์เท่านั้น งดรับสิทธิ์จากภาพถ่าย/ภาพบันทึกหน้าจอ (Screenshot)2. สงวนสิทธิ์งดให้บริการหากลูกค้าทำการกดตัดสิทธิ์ หรือไม่มีโค้ดเพื่อใช้สแกนรับสิทธิ์3. ในกรณีที่โค้ดถูกขโมย ทำลาย หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของโค้ด บริษัทฯจะไม่ทำการคืนเงินในทุกกรณี4. หากโค้ดชำรุดหรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ทางร้านมีสิทธิ์ปฏิเสธงดให้บริการ5. โค้ดส่วนลดนี้ ไม่สามารถแลก เปลี่ยน หรือคืนเป็นเงินสดได้6. บริษัทฯ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ตามช่องทางที่กำหนด และไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขาย หรือส่วนลดอื่น ๆ ได้ การพิจารณาและการตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุดข้อกำหนดและเงื่อนไข สาขาที่ร่วมรายการ1.Central World2.Central Embassy3.Emporium4.Mega Bangna

"Apple" ลดพึ่งพาจีน ย้ายการผลิต AirPods ไปอินเดีย l การตลาดเงินล้าน l 06-10-65

มีโอ ทรายแมวสูตรควบคุมกลิ่น กลิ่นแอปเปิล 10 ลิตร ลดจัดหนัก ใช้ 1 ทรูพอยท์

ประหยัด ฿10.00ที่ ลดจัดหนักสุขจัดเต็ม@แม็คโคร V03 ประหยัด 10.- มีโอ ทรายแมวสูตรควบคุมกลิ่น กลิ่นแอปเปิล 10 ลิตร (814957) เพียง 199.- ปกติ 209.- ใช้ทรูพอยท์ 1 คะแนน เงื่อนไขกิจกรรม1) ระยะเวลาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2568 - 13 พฤษภาคม 25682) ในแต่ละรอบของสินค้า ลูกค้า 1 ท่าน [บัญชีทรูไอดี] จะสามารถใช้สิทธิ์ทรูพอยท์ 1 คะแนน แลกรับคูปองส่วนลดสินค้าที่ร่วมรายการได้ สูงสุด 5 ชิ้น ต่อวัน ต่อสินค้า (แลกได้ทุกสินค้าที่ร่วมรายการในรอบที่กำหนด)3) กรุณาแสดงคูปองที่ได้จากการกดรับสิทธิ์ที่แคชเชียร์ก่อนชำระเงินทุกครั้ง4) สิทธิพิเศษนี้ สามารถใช้ได้ที่แม็คโคร สาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น5) ผู้ใช้บริการใช้คูปองส่วนลด บวกเงินเพื่อชำระค่าสินค้า ณ เคาน์เตอร์ชำระเงินแม็คโครสาขาที่ร่วมรายการ6) สินค้ามีจำนวนจำกัด และมีจำนวนแตกต่างไปตามแต่ละสาขา7) คูปองใช้ได้ในระยะเวลาที่กำหนด หากเกินกำหนดไม่สามารถขอคืนทรูพอยท์หรือเปลี่ยนเป็นเงินได้ทุกกรณี8) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการส่งเสริมการขายโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าในกรณีเกิดความผิดพลาดจากระบบทางเทคนิค สินค้าขาด หรือสินค้าหมดก่อนกำหนด9) หากลูกค้ากดแลกสิทธิ์แล้ว ขอสงวนสิทธิ์การคืนทรูพอยท์ทุกกรณี10) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการจัด ดำเนินการ ปรับ เปลี่ยน กำหนดการแผนการใด ๆ ภายใต้รายละเอียดข้างต้น ได้ตามที่บริษัทเห็นสมควรโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า11) การตัดสินของบริษัทถือเป็นที่สิ้นสุดและยุติ12) หมดเขตแลก และใช้คูปองบนมือถือ 13 พฤษภาคม 2568 เท่านั้น

ตลาดรถอีวีคึก"BYD"พร้อมส่งมอบATTO3 ปีนี้5 พันคัน-อีคอมเมิร์ซไทยโตต่อลาซาด้าคำสั่งซื้อเพิ่มร้อยละ40

ยุโรปผ่านกฎหมาย บังคับใช้พอร์ต USB-C l การตลาดเงินล้าน l 08-10-65

ตลาดรถหรูไม่สะเทือน ยอดรถ BMW ป้ายแดง 8 เดือนพุ่ง-หมดปัญหารถติด! Lilium ทดสอบแท็กซี่บินพลังงานไฟฟ้า

📌 ตลาดหุ้นพักฐานไกล้จบหรือยัง ? ปรับกลยุทธ์ก่อนหยุดยาว I TNN WEALTH Live บ่าย 11 ตุลาคม 2565

iPhone 15 อาจเปลี่ยนใช้พอร์ต USB-C l การตลาดเงินล้าน l 11-10-65

“ไอคอนสยาม”ร่วม“โดรนวิทยา”เปิดหลักสูตรอบรมบินโดรนขั้นพื้นฐาน-ปลุกตลาดว้าว"เดนทิสเต้"ชูยาสีฟันผสมเพชร

Mrs. GREEN APPLE วงป็อปร็อกญี่ปุ่นชื่อดัง ส่งเพลงใหม่ “KUSUSHIKI” ฉลอง 10 ปีอย่างยิ่งใหญ่

Mrs. GREEN APPLEวงป็อปร็อกญี่ปุ่นชื่อดัง ปล่อยซิงเกิลใหม่KUSUSHIKIโดยเป็นเพลงที่2ที่พวกเขาปล่อยออกมาเพื่อฉลองครบรอบ10ปีของวง และเป็นเพลงธีมของแอนิเมชันเรื่องThe Apothecary Diaries Season 2 Cour 2อีกด้วย ทางด้านของมิวสิควิดีโอเพลงนี้มาพร้อมโปรดักชันสุดอลังการที่ใช้CGIระดับเทพในการครีเอตภาพกราฟิกสวยๆ ตลอดทั้งเพลง โดยมีสมาชิกทั้งสามคนMotoki Ohmori(ร้องนำ/กีตาร์),Hiloto Wakai(กีตาร์) และRyoka Fujisawa(คีย์บอร์ด) แปลงร่างเป็นตัวละครในโลกแฟนตาซีสุดหล่อเหลา และต่อสู้กันอย่างดุเดือด เคล้าคลอไปกับเสียงเพลงที่ผสมผสานดนตรีJ-PopและJ-Rockเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สมกับเป็นMrs. GREEN APPLE นอกจากจะครบรอบ10ปีอันน่าประทับใจของMrs. GREEN APPLEแล้ว พวกเขายังมีโปรเจกต์อีกหลายอย่างที่ทำร่วมกันในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นMGA MAGICAL 10 YEARSที่พวกเขาจะปล่อยอัลบั้มครบรอบ10ปีที่มีชื่อว่า10ในวันที่8กรกฎาคมนี้ เตรียมจัดไลฟ์คอนเสิร์ตMGA MAGICAL 10 YEARS ANNIVERSARY LIVE〜FJORD〜ในวันที่26-27กรกฎาคมนี้ ที่Yamashita PierเมืองYokohamaจังหวัดKanagawaที่คาดการณ์ว่าจะมีแฟนๆ เข้าร่วมชมมากกว่า100,000คน ร่วมงานกับแบรนด์ดังต่างๆ ของญี่ปุ่น รวมถึงถ่ายทำสารคดีเรื่องแรกของวงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการฉลองครบรอบ10ปีที่สมการรอคอย และสมกับเป็นวงดนตรีชื่อดังของวงการดนตรีญี่ปุ่นที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้จริงๆ ฟังเพลงKUSUSHIKIของMrs. GREEN APPLEที่นี่https://MrsGREENAPPLETH.lnk.to/KUSUSHIKIPR

Apple พิจารณาย้ายฐานผลิต iPhone บางส่วนไปประเทศอินเดีย

แอปเปิล (Apple) กำลังพิจารณาแนวทางในการนำเข้าโทรศัพท์มือถือ iPhone จากประเทศอินเดียในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตราสูงถึงร้อยละ 125 สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ระยะสั้นของบริษัทแอปเปิล ในขณะที่บริษัทฯ ดำเนินการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอรับการยกเว้นภาษี เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัท แอปเปิลยังไม่มีความต้องการจะปรับเปลี่ยนการลงทุนด้านโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในประเทศจีนเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราภาษีใหม่ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราร้อยละ 125 และการชะลอมาตรการเก็บภาษีกับประเทศอื่น ๆ ออกไป 90 วัน คาดการณ์ว่าต้นทุนการนำเข้าสมาร์ตโฟน iPhone 16 Pro ซึ่งเดิมอยู่ที่ประมาณ 550 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 18,425 บาทอาจเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,050 บาท (ราคานี้ไม่รวมราคาเครื่องสมาร์ตโฟน iPhone)ทางด้านของสำนักข่าว WallStreet Journal โดยแวมซี่ โมฮัน (Wamsi Mohan) นักวิเคราะห์จากธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่าแอปเปิลมีแนวโน้มที่จะผลิตสมาร์ตโฟน iPhone ในประเทศอินเดียจำนวน 25 ล้านเครื่องภายในปีนี้ โดยมีจำนวน 10 ล้านเครื่องที่ผลิตขึ้นเพื่อรองรับตลาดภายในประเทศอินเดียเอง นอกจากนี้แวมซี่ โมฮัน (Wamsi Mohan) กล่าวเพิ่มเติมว่า หากแอปเปิลตัดสินใจที่จะนำเข้า iPhone ทั้งหมดจำนวน 25 ล้านเครื่องไปยังสหรัฐอเมริกา ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในสหรัฐอเมริกาได้ประมาณร้อยละ 50 การพิจารณาดังกล่าวของแอปเปิล สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของบริษัทฯ ต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมไปถึงความพยายามในการแสวงหาทางเลือกอื่น ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงาน และราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัท

ลูกค้าทรูแบล็ค ทรูเรด ทรูบลู รับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริม Apple รุ่นที่ร่วมรายการ และ รับส่วนลดสูงสุด 800 บาท เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริมรุ่นอื่นๆใช้ 100 ทรูพอยท์

ลูกค้าทรูแบล็ค ทรูเรด ทรูบลู ใช้ 100 ทรูพอยท์ รับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริม Apple รุ่นที่ร่วมรายการ และ รับส่วนลดสูงสุด 800 บาท เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริมรุ่นอื่นๆ ที่ทรูช็อป ทรูแบรนด์ดิ้งช็อป ทรูสเฟียร์ สาขาที่ร่วมรายการรุ่นที่ร่วมรายการApple Watch Series 10 GPS 500 บาทApple Watch Series 10 Cellular 800 บาทApple Watch Series 10 Cellular Titanium Case 2,000 บาทApple Watch Ultra 2 2,000 บาทAirPods 4 ANC / AirPods Pro 2 500 บาทAirPods Max 800 บาทHomePod 500 บาทApple Duo Magsafe Charger 800 บาทApple Magic Keyboard for iPad Pro M4/Air M2 500 บาทSAMSUNG GALAXY BUDS 3 PRO 500 บาทSAMSUNG GALAXY WATCH 6/7/7 ULTRA 800 บาทBeats Powerbeats Pro 2 800 บาทBaseus BOWIE H1i/M25 500 บาทBaseus ELISPORT1 500 บาท เงื่อนไข 1. รหัสส่วนลด ใช้ได้กับการซื้ออุปกรณ์เสริม รุ่นที่ร่วมรายการเท่านั้น ที่ทรูช็อป ทรูแบรนด์ดิ้งช็อป ทรูสเฟียร์ สาขาที่ร่วมรายการ2. ลูกค้าทรูแบล็ค ทรูเรด ทรูบลู ใช้ 100 ทรูพอยท์ รับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริม Apple รุ่นที่ร่วมรายการ และ รับส่วนลดสูงสุด 800 บาท เมื่อซื้ออุปกรณ์เสริมรุ่นอื่นๆ (*สิทธิ์ส่วนลดจำนวนจำกัด)3. จำกัด 1 บัตรประชาชน / 1 สิทธิ์ / 1 โปรโมชั่น ตลอดระยะเวลาแคมเปญ4. ลูกค้านำรหัสที่ได้รับ จากการกดรับสิทธิ์ แสดงต่อเจ้าหน้าที่ ทรูช็อป ทรูแบรนด์ดิ้งช็อป ทรูสเฟียร์ สาขาที่ร่วมรายการ ก่อนการกดชำระเงิน เพื่อรับสิทธิ์ส่วนลด5. กดรับสิทธิ์ได้ผ่านแอปทรูไอดี กดรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่ 4 มี.ค. 68 - 30 เม.ย. 68 เท่านั้น (*โค้ดมีจำนวนจำกัด)6. เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับสินค้าที่มีจำหน่าย ณ เวลานั้น)7. ไม่สามารถใช้ทรูพอยท์ของหมายเลขอื่นที่ไม่ได้จดทะเบียนภายใต้หมายเลขบัตรของลูกค้าเอง ในการรับสิทธิ์ส่วนลดแทนได้8. สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขาย หรือส่วนลดอื่น ๆ ได้9. สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้10. หากลูกค้ากดแลกสิทธิ์แล้ว ขอสงวนสิทธิ์การคืนทรูพอยท์ทุกกรณี11.สิทธิพิเศษนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ผู้ใช้บริการจะต้องศึกษาข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมก่อนเลือกใช้บริการที่ทรูช็อป (ทุกสาขา) หรือโทร 1242

Apple ซุ่มจดสิทธิบัตร "Apple Watch" พับหน้าจอได้ตั้งแต่ปี 2023 หวังเพิ่มความสามารถวิดีโอคอล เล่นเกม

ดีซีน (Dezeen) เว็บบล็อกข่าวการออกแบบสินค้าและสถาปัตยกรรมชื่อดัง รายงานว่าพบสิทธิบัตรสินค้าตัวใหม่จาก แอปเปิล (Apple) จดทะเบียนในสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ (US Patent and Trademark Office: USPTO) เป็น Apple Watch ที่มีหน้าจอแบบพับได้ (Foldable screen) และยังพบอีกด้วยว่าสิทธิบัตรนี้ยื่นจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา สิทธิบัตรดังกล่าวถูกขึ้นทะเบียนบน USPTO ตั้งแต่ ปี 2023 ก่อนที่จะเผยสู่สาธารณะในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า วลาดิมีร์ ครเนตา (Vladimir Krneta) หัวหน้าทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Apple เป็นผู้รับผิดชอบต่อแบบร่างดังกล่าวApple Watch ที่ออกแบบไว้จะมีหน้าจอพับแบบกางออก ซึ่งจะมีหน้าจอทั้งด้านนอกเมื่อพับเก็บ และด้านในสำหรับแสดงผลเพิ่มเติม พร้อมมีการระบุตำแหน่งกล้องที่ขอบจอทั้งด้านนอกและด้านในส่วนพับ รวมเป็น 2 ตัว ด้วย Dezeen มองว่าเป้าหมายหลักของ Apple Watch พับหน้าจอได้คือการขยายความสามารถในการเป็นอุปกรณ์ทดแทน iPhone เมื่อเจ้าของอยู่ในสถานการณ์ไม่สะดวกใช้ iPhone เช่น การติดตั้งกล้องเพื่อทำวิดีโอคอล หรือขยายหน้าจอภายในเพื่อเล่นเกมหรือดูวิดีโอก่อนหน้านี้ในปี 2015 มีการเปิดเผยถึงแนวคิดแว่นตา VR ของ Apple ที่ยื่นจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2008 ก่อนที่ภายหลังจะเปิดตัว Apple Vision Pro เป็นครั้งแรกในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2024 หรือประมาณ 16 ปี หลังจากการยื่นจดสิทธิบัตร ดังนั้นจึงมีโอกาสได้เห็น Apple Watch พับหน้าจอได้ในอนาคตเช่นกัน

"Apple" ยอดขายในจีนร่วง 9% แต่ "Xiaomi" พุ่ง 40% l การตลาดเงินล้าน

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด IDC รายงานยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนของ Apple ในประเทศจีนลดลงถึงร้อยละ 9 ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย Apple กลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่เพียงรายเดียวที่มียอดขายลดลงปัจจุบัน Apple อยู่ในอันดับที่ 5 ของตลาดสมาร์ตโฟนจีน มียอดจัดส่งลดลงเหลือ 9.8 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 13.7 ลดลงจากร้อยละ 17.4 ในไตรมาสก่อนหน้าในขณะที่ Xiaomi ผู้นำตลาด มียอดจัดส่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 เป็น 13.3 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ยอดรวมของอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นร้อยละ 3.3 Will Wong นักวิเคราะห์จาก IDC ให้ความเห็นว่า ราคาสินค้าระดับพรีเมียมของ Apple เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้บริษัทสหรัฐฯ รายนี้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการอุดหนุนของรัฐบาลจีน ที่เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายในไตรมาสที่ผ่านมาโดยมาตรการอุดหนุนดังกล่าวจะคืนเงินให้ผู้บริโภคร้อยละ 15 สำหรับสมาร์ตโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทที่มีราคาต่ำกว่า 6,000 หยวน หรือประมาณ 820 ดอลลาร์สหรัฐ

"ทรัมป์" ทำพิษ Apple ขน iPhone ที่ผลิตอินเดียไปขายสหรัฐฯ l การตลาดเงินล้าน

สำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานว่า Apple วางแผนที่จะส่ง iPhone ไปยังสหรัฐฯ จากอินเดียมากขึ้น เพื่อตอบโต้ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มขึ้นอย่างมากรายงานระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นมาตรการระยะสั้น ขณะที่ Apple พยายามขอยกเว้นภาษีนำเข้าดังกล่าว เช่นเดียวกับที่บริษัทเคยได้รับในช่วงรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 34ซึ่งเป็นการเพิ่มจากภาษีร้อยละ 20 ที่เริ่มใช้ไปก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน และยังเตือนว่า อาจมีการขึ้นภาษีอีก หากจีนยังเดินหน้าตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราเดียวกัน นอกจากนี้ สินค้าจากอินเดียก็ถูกเก็บภาษีเช่นกัน โดยอยู่ที่ ร้อยละ 26 Apple ยังคงผลิตฮาร์ดแวร์กว่าร้อยละ 90 ในประเทศจีน และหากไม่ได้รับการยกเว้นภาษี บริษัทอาจต้องปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ยราวร้อยละ 6 เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตามการประเมินของนักวิเคราะห์จาก JPMorgan ซึ่งชี้ด้วยว่า การที่ Apple ประกาศเมื่อต้นปีว่าจะลงทุนกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี อาจช่วยให้มีโอกาสได้รับการยกเว้นภาษีทำให้ในวันจันทร์ หุ้นของ Apple ร่วงลงเกือบร้อยละ 4 และนับตั้งแต่มีการประกาศภาษีในวันพุธที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ลดลงรวมประมาณร้อยละ 20 จนถึงช่วงปิดตลาดวันจันทร์

Apple เตรียมเปิดตัว iPhone 19 Pro ดีไซน์ใหม่ ฉลองครบรอบ 20 ปี iPhone

มาร์ก เกอร์แมน (Mark Gurman) จากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า บริษัทแอปเปิล (Apple) กำลังวางแผนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20 ปี ของ iPhone ในปี 2027 โดยหนึ่งในไฮไลต์ที่น่าจับตามอง คือ การเปิดตัว iPhone 19 Pro ซึ่งจะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่ “กล้าหาญและโดดเด่น” และอาจเป็นการพลิกโฉมอุปกรณ์อีกครั้งในประวัติศาสตร์ของแอปเปิลรายงานระบุว่า แอปเปิลมีเป้าหมายในการพัฒนา iPhone ให้ใกล้เคียงกับวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของโจนี ไอฟ์ (Jony Ive) อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบ ซึ่งเคยกล่าวถึง iPhone ในอุดมคติว่าเป็น “แผ่นกระจกเพียงชิ้นเดียว” แนวคิดดังกล่าวเริ่มเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่การเปิดตัว iPhone X และอาจได้รับการเติมเต็มใน iPhone 19 Pro รุ่นใหม่ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นแล้วจากการเตรียมเปิดตัว iPhone 17 Air รุ่นบางเฉียบภายในช่วงปลายปีนี้ โดยรุ่นดังกล่าวนับเป็นก้าวแรกของกลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนา iPhone ให้มีรูปทรงบางลงและเน้นการใช้วัสดุกระจกมากยิ่งขึ้นแม้การใช้กระจกมากขึ้นในดีไซน์อาจสร้างความกังวลในเรื่องความเปราะบางสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม แต่ทิศทางดังกล่าวสะท้อนถึงแนวทางการออกแบบที่แอปเปิลให้ความสำคัญมาโดยตลอด และยังเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการนำเสนอ iPhone รุ่นพิเศษในวาระครบรอบ 20 ปี อย่างไรก็ตาม รายงานของเกอร์แมนไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับการออกแบบ iPhone 19 Pro มากนัก นอกจากข้อสังเกตว่าอุปกรณ์รุ่นใหม่นี้จะใช้วัสดุกระจกมากขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าแฟน ๆ แอปเปิลอาจต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อชมดีไซน์ใหม่ที่แท้จริงด้วยตาตนเอง

"Visa" ทุ่ม 100 ล้านดอลล์ หวังบัตร "Apple" แทนที่ "Mastercard" l การตลาดเงินล้าน

สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า Visa ยื่นข้อเสนอเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์แก่ Apple เพื่อเข้ามาแทนที่ Mastercard ในฐานะพันธมิตรบัตรเครดิตของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ตามรายงาน Visa ได้พยายามอย่างหนักเพื่อคว้าสิทธิ์ในการเป็นเครือข่ายของ Apple Card โดยเสนอเงินล่วงหน้าจำนวนมาก ซึ่งโดยปกติจะสงวนไว้สำหรับโปรแกรมบัตรเครดิตขนาดใหญ่ที่สุดนอกจากนี้ American Express หรือ Amex ก็พยายามเข้ามาแทนที่ Mastercard เช่นกัน โดยต้องการเป็นทั้งผู้ออกบัตรและเครือข่ายของ Apple Card ตามแหล่งข่าวที่ Wall Street Journal อ้างถึง ก่อนหน้านี้ Apple และ Goldman Sachs ซึ่งร่วมมือกันเปิดตัวบัตรเครดิต Apple Card ในปี 2019 โดยใช้ Mastercard เป็นเครือข่ายการชำระเงิน ได้ตัดสินใจยุติความร่วมมือกันแล้ว ตามรายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023ปัจจุบันมีหลายสถาบันการเงินที่ต้องการเข้ามาแทนที่ Goldman Sachs ในฐานะพันธมิตรบัตรเครดิตของ Apple โดย Reuters รายงานเมื่อเดือนมกราคมว่า Apple กำลังเจรจากับ Barclays และ Synchrony Financial เพื่อเป็นพันธมิตรด้านบัตรเครดิตของบริษัทJPMorgan Chase ก็เป็นอีกหนึ่งสถาบันที่มีการพูดคุยกับ Apple เกี่ยวกับธุรกิจนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ตามรายงานของ ReutersGoldman Sachs เริ่มขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อยเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว โดยหวังเพิ่มรายได้ให้หลากหลายขึ้น นอกจากธุรกิจหลักอย่างการซื้อขายและวาณิชธนกิจอย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2022 บริษัทตัดสินใจลดขนาดธุรกิจค้าปลีก หลังกันงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ไว้รองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจนี้

หุ้น Apple ร่วง 7.5% ตลาดเทคฯ ปั่นป่วน หลังประกาศมาตรการภาษีใหม่จากทรัมป์

การประกาศมาตรการภาษีใหม่จากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดหุ้นเทคโนโลยี โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า "มาตรการเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ และลดการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงนำงานด้านการผลิตกลับมายังสหรัฐอเมริกา" โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัท แอปเปิล (Apple) ชื่อไทยตามด้วยอังกฤษ เนื่องจากมาตรการภาษีใหม่ของรัฐบาลทรัมป์พุ่งเป้าไปยังหลายประเทศซึ่งเป็นแหล่งจัดหาชิ้นส่วนอุปกรณ์สำหรับอุปกรณ์ iPhone, iPad และ Mac ตามรายงานจากสำนักข่าว The New York Times อ้างว่าปัจจุบัน บริษัท แอปเปิล (Apple) กำลังเผชิญกับภาษีนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์จากจีน และมีกำหนดจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเป็นปัญหาต่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์ เพราะต้องจัดซื้อในราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งไต้หวัน ที่มีการเพิ่มภาษีนำเข้าถึง 32 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นแหล่งที่แอปเปิล (Apple) จัดหาชิปซิลิคอนสำหรับใช้ในอุปกรณ์ ของ แอปเปิล (Apple) ทั้งหมดด้วยอย่างไรก็ตามแอปเปิล (Apple)ก็มีมาตรการรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ โดยการย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย เวียดนาม และไทย แต่มาตรการภาษีใหม่มีอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นอย่างมากในประเทศเหล่านี้เช่นกัน นอกเหนือจากจีน และไต้หวันโดยมีอัตราภาษีพื้นฐาน 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับคู่ค้าทางการค้าของสหรัฐฯ ทั้งหมดเรื่องราวยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากรัฐบาลทรัมป์ยังได้กำหนดสิ่งที่เรียกว่า "ภาษีตอบโต้" ในบางประเทศที่กล่าวกันว่าราคาสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ถูกทำให้สูงขึ้นโดยมาตรการของรัฐบาลต่างประเทศ อัตราที่สูงขึ้นเหล่านี้มีกำหนดจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า วันที่ 9 เมษายน 2025 โดยกำหนดอัตราภาษีตอบโต้ให้ เวียดนาม 46 เปอร์เซ็นต์ ไทย 36 เปอร์เซ็นต์ จีน 34 เปอร์เซ็นต์ ไต้หวัน 32 เปอร์เซ็นต์ อินเดีย 26 เปอร์เซ็นต์ ญี่ปุ่น และ มาเลเซีย 24 เปอร์เซ็นต์ และสหภาพยุโรป (EU) 20 เปอร์เซ็นต์ผลกระทบจากมาตรการนี้ปรากฏชัดเจนในตลาดหุ้น โดยหุ้นของ แอปเปิล (Apple)ร่วงลงมากกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Nvidia, Tesla, Alphabet, Amazon, Meta และ Microsoft ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันนักวิเคราะห์หลายรายแสดงความกังวลว่ามาตรการภาษีนี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจของ แอปเปิล (Apple)และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ หากบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวและลดต้นทุนการผลิตได้ พวกเขาอาจต้องผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคผ่านการขึ้นราคาสินค้า ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าลดลงโดยมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) บริษัทการเงินระดับโลกที่ให้บริการด้านการลงทุน การจัดการสินทรัพย์ และบริการทางการเงิน ประมาณการว่าอุปกรณ์ที่นำเข้าจากจีนจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 8.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.5 แสนล้านบาทต่อปีสำหรับ แอปเปิล (Apple) หากไม่ได้รับการยกเว้น หวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจพิจารณาให้ข้อยกเว้นสำหรับบางบริษัทหรือบางผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดโลก เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในปี 2018 อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ในการยกเว้นภาษียังคงไม่แน่นอน และหากไม่มีการยกเว้น อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ แอปเปิล (Apple) และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบัน แอปเปิล (Apple) ยังไม่ได้รับการยกเว้นจากมาตรการดังกล่าวมาตรการภาษีใหม่นี้เป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลกโดยมาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินของประเทศที่ถูกเก็บภาษี และอาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างประเทศ

Apple โดนฝรั่งเศสปรับ 162 ล้านดอลล์ ละเมิดกฎแข่งขันติดตามข้อมูล l การตลาดเงินล้าน

นี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการผูกขาดมีคำสั่งปรับแอปเปิลจากการใช้เครื่องมือ App Tracking Transparency หรือ ATT โดยบทลงโทษนี้มีขึ้นหลังจากสหภาพยุโรปสั่งปรับแอปเปิลไป 1.8 พันล้านยูโร เมื่อปีที่แล้ว ฐานกีดกันคู่แข่งในบริการสตรีมเพลงบน App Storeหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของฝรั่งเศสยืนยันว่า คำตัดสินครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง และไม่กังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งเคยขู่ว่าจะลงโทษประเทศในสหภาพยุโรปที่สั่งปรับบริษัทสหรัฐฯ อาจตอบโต้เบอนัวต์ เคอเร่ (Benoit Coeure) กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า ได้บังคับใช้กฎหมายการแข่งขันอย่างเป็นกลาง พร้อมเสริมว่า เท่าที่ทราบ ทางการสหรัฐฯ ก็มีความตั้งใจที่จะบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดกับแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่เช่นเดียวกับที่ทำในอดีต ดังนั้นไม่เห็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปในประเด็นนี้ สำหรับ App Tracking Transparency (ATT) เป็นเครื่องมือที่ให้ผู้ใช้ iPhone และ iPad ตัดสินใจว่าแอปใดสามารถติดตามกิจกรรมของตนได้ ซึ่งบริษัทโฆษณาดิจิทัลและผู้ให้บริการเกมมือถือร้องเรียนว่าการใช้งาน ATT ทำให้ต้นทุนโฆษณาบนแพลตฟอร์มของแอปเปิลสูงขึ้น และโฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ยากขึ้นเคอเร่ กล่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลไม่ได้ระบุว่าแอปเปิลควรปรับเปลี่ยนเครื่องมือนี้อย่างไร แต่เป็นหน้าที่ของบริษัทในการดำเนินการให้สอดคล้องกับคำตัดสิน อย่างไรก็ตาม กระบวนการอาจใช้เวลานาน เนื่องจากแอปเปิลยังต้องรอคำตัดสินจากหน่วยงานกำกับดูแลในเยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ และโรมาเนีย ซึ่งกำลังตรวจสอบ ATT เช่นกันคดีนี้ครอบคลุมช่วงปี 2021-2023 โดยมีจุดเริ่มต้นจากการร้องเรียนของสมาคมโฆษณาออนไลน์ สำนักพิมพ์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลายแห่ง ซึ่งกล่าวหาว่าแอปเปิลใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ผิดหน่วยงานกำกับดูแลของฝรั่งเศสระบุว่า แม้ ATT จะมีเป้าหมายที่ดี แต่แนวทางการดำเนินงานกลับไม่จำเป็นและเกินกว่าขอบเขตของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แอปเปิลกล่าวอ้าง พร้อมยังชี้ว่า ATT ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ ผู้เผยแพร่โฆษณารายเล็ก ซึ่งต้องพึ่งพาข้อมูลจากบุคคลที่สามในการสร้างรายได้จากโฆษณา

Apple Music เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ดีเจสร้างมิกซ์เพลงได้ง่ายขึ้น

Apple Music ก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักสร้างสรรค์ดนตรีอย่างเต็มรูปแบบ เปิดโอกาสให้ดีเจสามารถสร้างสรรค์ มิกซ์เพลงได้โดยใช้แคตตาล็อกเพลงอันกว้างขวางของแพลตฟอร์มได้อย่างไร้ขีดจำกัด การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Apple Music ในการสนับสนุนศิลปินสร้างสรรค์ดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มดีเจ การบูรณาการดังกล่าวครอบคลุมถึงซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ยอดนิยมในวงการดีเจด้วย เช่น Algoriddim's djay Pro, AlphaTheta, Serato, inMusic's Engine DJ, Denon DJ, Numark และ RANE DJการผนึกกำลังกับพันธมิตรเหล่านี้จะช่วยให้ดีเจสามารถเข้าถึงเพลงกว่า 100 ล้านเพลงบน Apple Music และนำมาสร้างสรรค์ดนตรีได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากการบูรณาการกับเครื่องมือดีเจแล้ว Apple Music ยังได้เปิดตัวหน้าจอหมวดหมู่ใหม่ "DJ with Apple Music" ซึ่งรวบรวมเพลย์ลิสต์ที่คัดสรรมาเพื่อดีเจโดยเฉพาะสตีเฟน แคมป์เบลล์ (Stephen Campbell) หัวหน้าฝ่าย Dance, Electronic DJ Mixes ระดับโลกของ Apple Music กล่าวถึงการบูรณาการในครั้งนี้ว่า"Apple Music มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนวงการดีเจอย่างต่อเนื่อง โดยการบูรณาการครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความมุ่งมั่นของเราไปอีกขั้น โดยเชื่อมต่อ Apple Music กับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ดีเจชั้นนำของอุตสาหกรรมได้อย่างไร้รอยต่อ นวัตกรรมนี้จะนำพลังเต็มรูปแบบของ Apple Music มาสู่ขั้นตอนการทำงานสร้างสรรค์ ทำให้ดีเจสามารถเข้าถึง เล่น และค้นพบเพลงแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดายกว่าที่เคย"นับตั้งแต่เปิดตัวการสตรีมมิกซ์ดีเจในปี 2021 Apple Music ได้เพิ่มมิกซ์เพลงนับพันชุดบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในการขยายขอบเขตการใช้งานและนำเสนอเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักสร้างสรรค์ดนตรีการบูรณาการของ Apple Music เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ กำลังแข่งขันกันเพื่อนำเสนอเครื่องมือสร้างสรรค์ดนตรีที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดย SoundCloud ได้ประกาศการบูรณาการกับเครื่องมือแก้ไข รีมิกซ์ และสร้างตัวอย่างเสียงในปี 2024 ในขณะที่ Spotify กำลังพิจารณาที่จะเปิดตัวเครื่องมือและบริการสมัครสมาชิกสำหรับการรีมิกซ์เพลง นอกจากนี้ สตาร์ทอัพอย่าง Hook ก็กำลังพยายามสร้างตลาดสำหรับการรีมิกซ์เพลงที่ถูกกฎหมาย การเคลื่อนไหวของ Apple Music ในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการเทคโนโลยีและศิลปะ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางดนตรีที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นสำหรับทั้งศิลปินและผู้ฟัง

Apple เตรียมอัปเกรดใหม่ AirPods Max เพิ่มประสิทธิภาพระดับโปร

วันที่ 24 มีนาคม 2568 แอปเปิล (Apple) ประกาศเตรียมการอัปเกรดครั้งสำคัญสำหรับหูฟัง AirPods Max นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ คือ ระบบเสียง "Lossless" หรือ กระบวนการบีบอัดข้อมูลเสียงที่รักษาข้อมูลเสียงเพลงต้นฉบับทั้งหมดไว้โดยไม่มีการสูญเสียคุณภาพ ซึ่งแตกต่างจากการบีบอัดแบบ Lossy ที่ลดขนาดไฟล์โดยการตัดข้อมูลบางส่วนออก ทำให้คุณภาพเสียงลดลง และระบบเสียงที่มีค่าความหน่วงต่ำมาก (Ultra-low latency audio) เมื่อเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ที่ให้มา การอัปเดตนี้ปลดล็อกศักยภาพของ AirPods Maxให้สามารถรองรับระบบเสียง Lossless แบบ 24-bit และ 48 kHz ได้ ซึ่งสามารถช่วยรักษาคุณภาพของเสียงต้นฉบับได้อย่างสมบูรณ์แบบนอกจากนี้ ระบบเสียง Lossless จะถูกขยายไปยัง ฟีเจอร์เสียงตามตำแหน่งส่วนบุคคล (Personalized Spatial Audio) เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่สมจริงและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งาน Apple จะสามารถเข้าถึงเพลงในรูปแบบ Lossless ได้มากกว่า 100 ล้านเพลง ผ่านบริการ Apple MusicAirPods Max จะกลายเป็นหูฟังรุ่นเดียวที่รองรับการสร้างและมิกซ์เสียงแบบ Spatial Audio เฉพาะบุคคล หรือ เทคโนโลยีการผสมเสียงที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพของผู้ฟังแต่ละคน เช่น รูปทรงของหูหรือขนาดศีรษะ เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง (3D audio) ที่สมจริงและเป็นธรรมชาติมากขึ้นพร้อมระบบติดตามศีรษะ (Head Tracking) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ที่ให้มา โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพบนแอปพลิเคชัน Logic Pro และซอฟต์แวร์สร้างเพลงอื่น ๆสำหรับผู้ที่ทำงานด้านการผลิตเพลง การอัปเดตนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างมาก ด้วยระบบเสียงที่มีค่าความหน่วงต่ำมาก (ultra-low latency audio) เมื่อเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ผู้ใช้ AirPods Max จะสามารถสร้างและมิกซ์เสียงด้วยระบบเสียงตามตำแหน่งส่วนบุคคลและการติดตามศีรษะได้อย่างแม่นยำ โดยไม่สูญเสียคุณภาพของเสียง นอกจากนี้สำหรับนักเล่นเกมจะได้รับประโยชน์จากค่าความหน่วงที่ลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไรก็ตามคุณสมบัติใหม่นี้จะรองรับเฉพาะ AirPods Max ที่ใช้ USB-C เท่านั้น และไม่สามารถใช้งานได้กับรุ่นที่ใช้พอร์ต Lightning การอัปเดตระบบเสียง Lossless และ ultra-low latency audio จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายนนี้ ผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ฟรีสำหรับ AirPods Max ที่ใช้ USB-C ร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS 18.4, iPadOS 18.4 และ macOS Sequoia 15.4

Apple เตรียมอัปเกรดใหม่ AirPods Max เพิ่มประสิทธิภาพระดับโปร

วันที่ 24 มีนาคม 2568 แอปเปิล (Apple) ประกาศเตรียมการอัปเกรดครั้งสำคัญสำหรับหูฟัง AirPods Max นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ คือ ระบบเสียง "Lossless" หรือ กระบวนการบีบอัดข้อมูลเสียงที่รักษาข้อมูลเสียงเพลงต้นฉบับทั้งหมดไว้โดยไม่มีการสูญเสียคุณภาพ ซึ่งแตกต่างจากการบีบอัดแบบ Lossy ที่ลดขนาดไฟล์โดยการตัดข้อมูลบางส่วนออก ทำให้คุณภาพเสียงลดลง และระบบเสียงที่มีค่าความหน่วงต่ำมาก (Ultra-low latency audio) เมื่อเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ที่ให้มา การอัปเดตนี้ปลดล็อกศักยภาพของ AirPods Maxให้สามารถรองรับระบบเสียง Lossless แบบ 24-bit และ 48 kHz ได้ ซึ่งสามารถช่วยรักษาคุณภาพของเสียงต้นฉบับได้อย่างสมบูรณ์แบบนอกจากนี้ ระบบเสียง Lossless จะถูกขยายไปยัง ฟีเจอร์เสียงตามตำแหน่งส่วนบุคคล (Personalized Spatial Audio) เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่สมจริงและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งาน Apple จะสามารถเข้าถึงเพลงในรูปแบบ Lossless ได้มากกว่า 100 ล้านเพลง ผ่านบริการ Apple MusicAirPods Max จะกลายเป็นหูฟังรุ่นเดียวที่รองรับการสร้างและมิกซ์เสียงแบบ Spatial Audio เฉพาะบุคคล หรือ เทคโนโลยีการผสมเสียงที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายภาพของผู้ฟังแต่ละคน เช่น รูปทรงของหูหรือขนาดศีรษะ เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง (3D audio) ที่สมจริงและเป็นธรรมชาติมากขึ้นพร้อมระบบติดตามศีรษะ (Head Tracking) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ที่ให้มา โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพบนแอปพลิเคชัน Logic Pro และซอฟต์แวร์สร้างเพลงอื่น ๆสำหรับผู้ที่ทำงานด้านการผลิตเพลง การอัปเดตนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างมาก ด้วยระบบเสียงที่มีค่าความหน่วงต่ำมาก (ultra-low latency audio) เมื่อเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ผู้ใช้ AirPods Max จะสามารถสร้างและมิกซ์เสียงด้วยระบบเสียงตามตำแหน่งส่วนบุคคลและการติดตามศีรษะได้อย่างแม่นยำ โดยไม่สูญเสียคุณภาพของเสียง นอกจากนี้สำหรับนักเล่นเกมจะได้รับประโยชน์จากค่าความหน่วงที่ลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไรก็ตามคุณสมบัติใหม่นี้จะรองรับเฉพาะ AirPods Max ที่ใช้ USB-C เท่านั้น และไม่สามารถใช้งานได้กับรุ่นที่ใช้พอร์ต Lightning การอัปเดตระบบเสียง Lossless และ ultra-low latency audio จะพร้อมใช้งานในเดือนเมษายนนี้ ผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ฟรีสำหรับ AirPods Max ที่ใช้ USB-C ร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS 18.4, iPadOS 18.4 และ macOS Sequoia 15.4

คนแห่ซื้อไอโฟน กลัวแพง "ภาษีทรัมป์" เมดอินอินเดียคือทางออก ? l World Wide Wealth

ผลกระทบจากภาษีทรัมป์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินหน้าประกาศขึ้นภาษีนำเข้าไปยังทั่วโลก โดยเฉพาะจีนที่ถูกรีดภาษีมากที่สุดและจีนก็เป็นที่ตั้งของโรงงาน หรือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของสินค้าจำเป็นมากมายหนึ่งในนั้นที่หลายคนกังวลกัน คือ โทรศัพท์ไอโฟน ของAppleมีการคาดการณ์ว่าราคาจะต้องแพงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะต้องนำเข้ามาและโดนกำแพงภาษีเช่น กรณีที่จีนโดนเรียกเก็บภาษีสูงถึง104%อาจทำให้สินค้าราคาหลักขึ้นไปเป็นแสนได้ทันที มีรายงานชาวอเมริกันหรือว่าผู้คนในสหรัฐฯ ต่างแห่กันไปซื้อiPhone ที่Apple Store กันอย่างคับคั่ง พนักงานของApple Store หลายสาขาทั่วสหรัฐฯ เล่าว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้านมีแต่กลุ่มลูกค้าที่กลัวว่าราคาของiPhone จะพุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จากผลกระทบของการขึ้นภาษี สาเหตุก็เนื่องมาจากiPhone ส่วนใหญ่นั้น มีการประกอบชิ้นส่วนในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสูงมากๆ โฆษกทำเนียบขาว คาโรไลน์ ลีวิตต์ (Karoline Leavitt) ออกมายืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความเชื่อมั่นว่าiPhone สามารถผลิตในสหรัฐอเมริกาได้ รวมไปถึงการจะย้ายฐานการผลิตสินค้าไฮเทคกลับมายังสหรัฐอเมริกาก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงอย่างไรก็ตามการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้ และมีนักวิเคราะห์บางรายมองว่า แผนการลงทุนดังกล่าวก็สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่แอปเปิลมีอยู่แล้ว และอาจไม่ได้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายการผลิตอย่างแท้จริง

ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจีน iPhone 16 Pro Max ในสหรัฐฯ อาจมีราคาเริ่มต้นทะลุ 64,000 บาท

วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% และขยับขึ้นเป็น 145% ในเวลาต่อมา ส่งผลให้ราคาสมาร์ตโฟนอย่างเช่น iPhone 16 Pro Max ซึ่งประกอบในประเทศจีน อาจพุ่งสูงถึง 1,874 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 64,000 บาท จากราคาเดิมที่ 1,199 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 56% ตามการวิเคราะห์ของ UBS Investment Research หน่วยงานวิจัยการลงทุนของธนาคาร UBS ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวมีแผนจัดเก็บภาษีในอัตรา 104% แต่ทรัมป์ได้ประกาศปรับเพิ่มเป็น 125% และขยับขึ้นเป็น 145% โดยมีผลบังคับใช้ในทันที ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นำเข้าจากจีนเกือบทั้งหมด รวมถึงสมาร์ตโฟน iPhone ทุกรุ่น ขณะที่บริษัท Apple ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นอย่างเป็นทางการต่อประเด็นดังกล่าว บริษัท Apple อาจหันไปพึ่งอินเดียมากขึ้นแม้บริษัท Apple จะเริ่มขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอินเดีย แต่สมาร์ตโฟน iPhone จำนวนมากยังคงผลิตในประเทศจีนจีน โดยสมาร์ตโฟน iPhone ถือเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ราวครึ่งหนึ่งของบริษัทนักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ประเมินว่า ภาษีดังกล่าวอาจจุดชนวนให้เกิด "พายุราคาสินค้า" สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หาก Apple ต้องประกอบ iPhone ในสหรัฐฯ ต้นทุนอาจพุ่งถึง 3,500 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ซึ่งสูงกว่าปัจจุบันถึง 3 เท่า แม้จะมีความพยายามลดการพึ่งพาจีน แต่ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่า การโยกฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ ในระยะสั้นยังเป็นเรื่องยากและต้นทุนสูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับระบบห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพในเอเชียที่ Apple ใช้มานานกว่า 30 ปี

โฆษกทำเนียบขาวยืนยันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชื่อสามารถผลิต iPhone ในสหรัฐฯ ได้

โฆษกทำเนียบขาว คาโรไลน์ ลีวิตต์ (Karoline Leavitt) ยืนยันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชื่อสามารถผลิต iPhone ในสหรัฐฯ ได้ และการย้ายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ไฮเทคกลับมายังสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จะมีผลบังคับใช้อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่า แผนการลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่แอปเปิลมีอยู่แล้ว และอาจไม่ได้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายการผลิตอย่างแท้จริงทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล เช่น สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) และ ทิม คุก (Tim Cook) ต่างเคยแสดงความเห็นต่อเนื่องมาหลายปีว่า การผลิต iPhone ในสหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในแง่ของแรงงานที่มีทักษะเฉพาะด้านโดยในหนังสือชีวประวัติของสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเขียนโดยวอลเตอร์ ไอแซกสัน (Walter Isaacson) ได้บันทึกบทสนทนาระหว่างจ็อบส์กับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา (Barack Obama) เมื่อปี 2010 และ 2011 สตีฟ จ็อบส์ชี้ให้เห็นว่า สหรัฐฯ ขาดแคลนวิศวกรที่ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะด้านจำนวนมากถึง 30,000 คน ซึ่งจำเป็นต่อการสนับสนุนแรงงานในโรงงานที่อาจมีมากถึง 700,000 คน เทียบกับจีนที่มีทรัพยากรบุคคลพร้อมในระดับดังกล่าวอยู่แล้ว ทางด้านของทิม คุก (Tim Cook) เองก็เคยกล่าวในเวที Global Forum ของนิตยสาร Fortune เมื่อปี 2017 ว่าสาเหตุที่แอปเปิลยังคงใช้ฐานการผลิตในจีน ไม่ใช่เพราะค่าแรงต่ำ แต่เป็นเพราะจีนมีความพร้อมด้านทักษะที่จำเป็นสำหรับการผลิตขั้นสูง “คุณสามารถประชุมวิศวกรด้านเครื่องมือในสหรัฐฯ ได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถเติมเต็มห้องประชุมนั้นได้” คุกกล่าว “แต่ในจีน คุณสามารถเติมเต็มสนามฟุตบอลได้หลายสนาม”แม้ว่าในปัจจุบันการผลิต iPhone ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศจีน และจีนยังคงเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับ iPhone ภายในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดดำเนินงานโดยบริษัท Foxconn เมืองเจิ้งโจว ร่วมกับการผลิตในประเทศอื่น ๆ เช่นประเทศอินเดียซึ่งมีการผลิต iPhone เพิ่มขึ้นโดยในเดือนมีนาคม 2024 มีมูลค่าการผลิตถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 484,900 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 14% ของการผลิต iPhone ทั่วโลกและเวียดนาม โดยบริษัท Apple ได้ขยายการผลิตบางส่วนไปยังเวียดนาม เช่น AirPods และอุปกรณ์เสริม แม้ว่าการผลิต iPhone ในเวียดนามจะยังมีสัดส่วนน้อยกว่าจีนและอินเดีย แม้แนวคิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะถูกตั้งคำถามในแง่ความเป็นไปได้ทางเทคนิคและเศรษฐกิจ แต่ทำเนียบขาวยังคงยืนกรานว่า สหรัฐฯ มีศักยภาพทั้งด้านแรงงานและทรัพยากรในการนำการผลิตกลับคืนมา">

ทำไมต้องง้อ ? "Apple" ยอมจ่าย 300 ล้านเหรียญ แลกขาย "ไอโฟน" ในอินโดนีเซีย

การลงทุนด้าน"เทคโนโลยี" หรืออุตสาหกรรมใหม่เป็นสิ่งหลายชาติอยากให้เกิดขึ้นในประเทศของตัวเองรวมถึงประเทศไทย และในกลุ่มชาติอาเซียนและล่าสุด "อินโดนีเซีย"เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการดึงเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวไม่กี่วันที่ผ่านมา "Apple" บริษัทแอปเปิ้ล ประกาศลงทุนกว่า 300 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสร้างโรงงาน และศูนย์วิจัยพัฒนาต่างๆ ภายในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อแลกกับได้กลับมาทำการตลาด ขาย ไอโฟน "iPhone" 16 ภายในประเทศนี้ได้อีกครั้ง หลังจากปี 2567 ที่ผ่านมา ถูกรัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศห้าม หรือ แบนการจำหน่าย "iPhone" ไอโฟน 16 ทั้ง 5 รุ่น ภายในประเทศ เนื่องจากผิดเงื่อนไขเรื่องชิ้นส่วนของการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผลิตภายในประเทศ 40 % จะเห็นได้ว่า Apple ยอมแลกยอมลงทุน เพื่อให้ไอโฟนได้ขาย หรือทำการตลาดในอินโดนีเซียและถามว่าทำไมแอปเปิ้ลต้องง้อ ? ต้องให้ความสำคัญกับตลาดนี้ ? ทำไมไม่ยอมตัดใจทิ้งไป ? ข้อมูลจากกระทรวงการสื่อสารของอินโดนีเซีย ประกาศเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ระบุว่า อินโดนีเซียได้ออกใบอนุญาตโทรคมนาคม สำหรับ iPhone 16 ของแอปเปิ้ล (Apple) ทั้ง 5 รุ่นแล้ว ได้แก่ iPhone 16e, iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, และ iPhone 16 Pro Max ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การอนุญาต ให้สามารถจำหน่ายในประเทศอินโดได้ โดยเหลือเพียงแค่ขั้นตอนเดียว คือ การออกใบอนุญาตนำเข้าจากกระทรวงพาณิชย์หากผ่านแล้ว แอปเปิ้ลก็สามารถขาย iPhone 16 ภายในประเทศได้ทันทีสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การออกใบอนุญาตครั้งนี้ หรือการปลดล็อกครั้งนี้ มีขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่อินโดนีเซียออกใบรับรองสำหรับส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลจำนวน 20 รายการ ซึ่งรวมถึง iPhone 16 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียได้สั่งห้ามขาย iPhone 16 เนื่องจากแอปเปิ้ลไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด ที่กำหนดให้สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศอินโด จะต้องมีส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 40%และเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Apple ได้เสนอแผนการลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์เสริมและชิ้นส่วนในอินโดนีเซีย แต่ข้อเสนอดังกล่าวนี้ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลอินโดนีเซีย เนื่องจากมองว่ายังไม่เพียงพอที่จะแลกการกับยกเลิกคำสั่งห้ามจำหน่าย iPhone 16กระทั่งล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา การดีลสำเร็จ แอปเปิ้ลได้ลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลอินโดนีเซีย และประกาศว่าจะลงทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในอินโดนีเซีย ทั้งการตั้งโรงงาน AirTag ที่เกาะบาตัม ขณะที่ Luxshare ซัพพลายเออร์หลักของแอปเปิลจะลงทุน 150 ล้านดอลลาร์ ใช้แบตเตอรีที่ผลิตในอินโดนีเซีย รวมทั้งตกลงศึกษาแผนตั้งโรงงานผลิต AirPods Max เพิ่มเติม นอกจากนี้แอปเปิลจะลงทุนด้านอื่นเพิ่มด้วยเงินสดอีก 160 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วน สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท และสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาที่น่าสนใจ คือ การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Apple สามารถกลับมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดอินโดนีเซียได้อีกครั้ง แต่ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะการสร้างงานและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ นอกจากนี้ การที่ Apple เข้ามาลงทุน ยังเป็นการส่งสัญญาณให้กับนักลงทุนต่างชาติรายอื่น ๆ ว่าอินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพและพร้อมต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ จะเห็นได้ว่า Apple ยอมแลกยอมลงทุน เพื่อให้ไอโฟนได้ขาย หรือทำการตลาดในอินโดนีเซีย และถามว่าทำไมแอปเปิ้ลต้องง้อต้องให้ความสำคัญกับตลาดนี้ ทำไมไม่ยอมตัดใจทิ้งไป วันนี้เราสรุปมาให้ 5 ข้อด้วยกัน1. อินโดนีเซีย คือ ตลาดใหญ่ กำลังซื้อสูง อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก (กว่า 277 ล้านคน) เทียบกับเมืองไทย เราเล็กกว่าหลายเท่า ด้วยประชากรเพียงแค่ 60 กว่าล้านคน ดังนั้นอินโดฯจึงกลายเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเบอร์หนึ่งของอาเซียน ในช่วงเวลนี้ที่ประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากกำลังเข้าสู่ชนชั้นกลาง และมีความต้องการเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของ iPhone 2. อินโดนีเซีย มีความชัดเจน เรื่องกฎระเบียบการลงทุนที่เข้มงวด รัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดกฎว่า สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในประเทศ ต้องมีชิ้นส่วนหรือมูลค่าการผลิตภายในประเทศอย่างน้อย 40% ทำให้ Apple จำเป็นต้องหาแนวทางลงทุนหรือร่วมมือกับบริษัทในท้องถิ่นเพื่อให้สามารถขาย iPhone ในประเทศได้ หากไม่ปฏิบัติตาม iPhone รุ่นใหม่ ๆ จะถูกห้ามจำหน่าย 3. อินโดนีเซีย มี คู่แข่งจากจีนและซัมซุงกำลังรุมแย่งตลาด หาก Apple ไม่สามารถทำตลาดในอินโดนีเซียได้ คู่แข่งหลักๆอย่าง Samsung, Xiaomi และ OPPO จะเข้ามาครองส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ Apple สูญเสียโอกาสในระยะยาว 4. อินโดนีเซีย เป็นฐานการผลิตที่มีศักยภาพ อินโดนีเซียกำลังผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ EV หาก Apple ตั้งโรงงานผลิตหรือซัพพลายเชนบางส่วนในประเทศนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ยังสามารถใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบ เช่น นิกเกิล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแบตเตอรี่ในอุปกรณ์พกพา 5. อินโดนีเซีย คือ กุญแจสู่ตลาดอาเซียน Apple ต้องแข่งขันในระดับภูมิภาค และอินโดนีเซียถือเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน การตั้งฐานการลงทุนที่นี่จะช่วยให้ Apple มีข้อได้เปรียบในการกระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย ทุกประเทศมักจะมีแต้มต่อบางอย่างเสมอ เหมือนกับอินโดนีเซีย ที่ยอมฝืนสู้ต่อรองกับยักษ์ใหญ่ อย่างแอปเปิ้ลได้สำเร็จ และผลที่ได้มาคือเม็ดเงินจากการลงทุนมหาศาล ได้ทั้งจ้างงาน และเทคโนโยลี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ที่กำลังร้อนแรงและเป็นที่ต้องการในทุกตลาดในปัจจุบันนี้

ทิม คุก ซีอีโอ Apple บริจาคเงินช่วยเหลือจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาและไทย

ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล (Apple) เปิดเผยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2025 ว่า แอปเปิลจะบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง (ไม่เปิดเผยตัวเลข) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศเมียนมาและประเทศไทย"เราขอแสดงความเสียใจกับผู้คนในเมียนมาร์และไทยทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่" ทิม คุก ระบุผ่านโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์"> เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงสูง โดยแผ่นดินไหวครั้งแรกตามด้วยแผ่นดินไหวครั้งที่สองที่มีความรุนแรงระดับ 7.7 จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองสะกาย ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมา และตั้งอยู่ห่างจากกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของประเทศ ไปทางทิศเหนือประมาณ 100 กิโลเมตรโดยยังคงมีแรงสั่นสะเทือนตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งมีรายงานว่าเกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.1 ในวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคมในประเทศไทย กรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน โดยอาคารบางแห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่เกิดการพังถล่มลงมา ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครตั้งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวประมาณ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งสะท้อนถึงความรุนแรงและขอบเขตของภัยพิบัติในครั้งนี้ แอปเปิลมีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมักบริจาคเงินให้กับสภากาชาดและองค์กรบรรเทาทุกข์ในประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติร้ายแรงทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม 2024 ทิม คุก เคยประกาศว่าแอปเปิลจะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุเฮอริเคนมิลตันที่พัดถล่มรัฐฟลอริดาตอนใต้ และยังให้การสนับสนุนด้านเงินทุนและทรัพยากรในกรณีพายุเฮอริเคนเฮเลน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย ในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกาโดยตลอดปี 2024 บริษัท แอปเปิล ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายประเทศ รวมถึงปากีสถานและบราซิล โดยเน้นการบริจาคเงินผ่านองค์กรที่น่าเชื่อถืออย่างสภากาชาด เพื่อให้ความช่วยเหลือหลังเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขนาดใหญ่ทั่วโลก

iPhone อาจแพงขึ้นจนมีราคาเกือบ 8 หมื่นบาท ในสหรัฐฯ หลังทรัมป์ขึ้นภาษี

แมก รูเมอร์ส (MacRumors) รายงานว่า iPhone ที่วางขายในอเมริกาอาจแพงกว่าเดิม 43% หรือคิดเป็นเกือบ 8 หมื่นบาท สำหรับ iPhone 16 Pro Max ความจุ 1 เทระไบต์ (TB) จากมาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศใช้ ตามการวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ โรเซนแบลตต์ (Rosenblatt Securities) ที่รายงานโดยรอยเตอร์ส (Reuters) ราคา iPhone ที่อาจแพงขึ้นในสหรัฐอเมริกาตามการคาดการดังกล่าว iPhone 16 Pro Max ขนาดความจุ 1 เทระไบต์ (TB) จากเดิมที่มีราคา 1,599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 55,300 บาท (ส่วนราคาไทยอยู่ที่ 64,900 บาท) กลายเป็นประมาณ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 79,600 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 43หรือในกรณี iPhone 16e ที่เป็น iPhone ราคาต่ำที่สุดในสหรัฐฯ จะปรับราคาเป็น 29,400 บาท จากเดิม 20,700 บาท และนักวิเคราะห์ยังคาดว่าราคาสินค้าอื่น ๆ ของแอปเปิล (Apple) จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 30 อีกด้วย มาตรการภาษีอเมริกากับ Appleอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์เท่านั้น ทางบริษัทยังไม่ประกาศหรือให้ความเห็นใด ๆ ต่อมาตรการภาษีนำเข้าที่ประกาศโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าสมาร์ตโฟน iPhone 16 และ iPhone 17 ที่จะมีแผนเปิดตัวในปลายปีนี้จะมีการปรับราคาขึ้นด้วยหรือไม่ประเทศจีนและเวียดนามที่ถูกใช้มาตรการภาษีนำเข้าร้อยละ 54 และ 46 ก่อนหน้านี้ ต่างก็เป็นฐานการผลิตสินค้าแอปเปิล ด้านหุ้นของบริษัท แอปเปิล (Apple) นับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาตกลงไปกว่าร้อยละ 15 แล้วในปัจจุบัน