TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “AN EYE FOR AN EYE” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
ดู
In The Eye Of The Storm
ทรูวิชั่นส์ • 16 ก.ค. 67
ดู
เดี่ยวมหากาฬ
ทรูวิชั่นส์ • 19 มี.ค. 67
ดู
แผนพิฆาตล่าข้ามโลก
ทรูวิชั่นส์ • 12 เม.ย. 66
ดู
ตาซ้ายเห็นผี
ทรูวิชั่นส์ • 1 ม.ค. 66
อ่าน
You Are the Apple of My Eye รักเรา ยังจำได้ไหม?
เรื่องย่อ You Are the Apple of My Eye รักเรา ยังจำได้ไหม? ชื่อเรื่อง You Are the Apple of My Eye (그 시절, 우리가 좋아했던 소녀)ประเภท โรแมนติก / ดรามานำแสดงโดย จินยอง, ดาฮยอน, อีมินกู, คิมโยฮันกำกับโดย โชยองมยองกำหนดฉาย 6 มีนาคม 2025ความยาว 108 นาที
เรื่องย่อหนัง • 9 ก.พ. 68
อ่าน
รีวิวแกะกล่อง EAGLE EYE แผนสังหารพลิกนรก ในรูปแบบ Blu-ray disc
ภัยความมั่นคงของประเทศจะได้รับการปกป้องอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และ AI คือทางเลือกหลักในการช่วยประเมิน วิเคราะห์ความน่าจะเป็นจากฐานข้อมูล Big data แล้วให้คำตอบที่ออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีลังเล และนั่นก็นำไปสู่โครงการ Eagle Eye ทว่า...มันกลับไม่ซื่อสัตย์และมีความคิดเป็นของตัวเอง ระหว่างที่มันกำลังทำงานให้กับรัฐ มันก็กำลังทำงานให้ตัวมันเองในเวลาเดียวกันด้วย ผลงานการกำกับของ D.J. Caruso ที่เคยฝากผลงานอย่าง I AM NUMBER FOUR (2011) และได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Shia LaBeouf และ Michelle Monaghan ร่วมนำแสดง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องย่อ Jerry Shaw พนักงานร้านถ่ายเอกสารกลับห้องเช่าก็ถูกตำรวจจับข้อหาให้สถานที่พักอาศัยเป็นที่เก็บซ่อนอาวุธสงคราม โดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย หัวหน้าฝ่ายสืบสวน Thomas Morgan เข้ามาสอบปากคำดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยากจะเชื่อว่า Jerry Shaw จะไม่มีส่วนรู้เห็น ทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงบอกให้ Jerry ทำนู่น ทำนี่ เพื่อความอยู่รอดและก็แม่นยำราวกับจับวาง ทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างแยบยลตามแผนของ A.I. แม้ Jerry Shaw จะปฏิเสธหลายครั้ง แต่นั่นก็ไม่เป็นผล เขาถูกเหตุปัจจัยบีบให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทางด้าน Rachel Holloman สาววัยทำงานกำลังฉลองที่หย่าร้างกับสามีได้สำเร็จก็ถูกเสียงจากโทรศัพท์ขู่เข็ญจาก A.I. เช่นกัน เธอปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน เพราะมีลูกชายของเธอเป็นข้อต่อรองของมัน เธอต้องพบกับ Jerry Shaw โดยที่ไม่เข้าใจอะไรมากนัก ทั้งคู่ต้องทำตามคำสั่งจาก A.I. ทีละขั้นตอนจนกระทั่งล่วงรู้ว่านี่คือปฏิบัติการระดับชาติที่มีจุดประสงค์หลักคือล้มล้างการปกครองสหรัฐอเมริกา นักแสดงนำ Shia LaBeouf รับบทเป็น Jerry Shaw Michelle Monaghan รับบทเป็น Rachel Holloman Rosario Dawson รับบทเป็น Zoe Perez Billy Bob Thornton รับบทเป็น Agent Thomas Morgan Michael Chiklis รับบทเป็น Defense Secretary Callister Anthony Mackie รับบทเป็น แกะกล่องรีวิว ภายในบรรจุแผ่น Blu-ray จำนวน 1 แผ่น ในกล่องพลาสติกที่ไม่มีกล่องกระดาษหุ้มภายนอก จัดจำหน่ายโดย Pacific Marketing Entertainment Group ระบบภาพ 1080p High Definition 2.40:1 Anamorphic Widescreen ระบบเสียง English 5.1 Dolby TrueHD Japanese 5.1 Dolby Digital Thai 5.1 Dolby Digital คำบรรยายใต้ภาพ English Bahasa Indonesia Cantonese Hindi Japanese Korean Mandarin Thai ความยาว 117 นาที โบนัสพิเศษภายในแผ่น 1.เบื้องหลังการถ่ายทำ การเตรียมงานของทีม Production และนักแสดงภายในกองถ่าย 2.ฉากที่ถูกตัดทิ้ง (Deleted Scenes) ไม่มีให้เห็นในโรงภาพยนตร์ 3.ยกกองไปลงพื้นที่ถ่ายทำจริง Road Trip สำรวจในสถานที่ถ่ายทำในกรุง Washington DC 4.Gag Reel แนวคิดในการถ่ายทำและการจัดวางองค์ประกอบของเรื่อง 5.Photo Gallery ภาพถ่ายช็อตเด็ดของแต่ละ Scenes 6.ตัวอย่างภาพยนตร์ (Theatrical Tralier) ความชื่นชอบและประทับใจจากครีเอเตอร์ 1.Plot เรื่องถือว่าแปลกใหม่มากในยุคนั้นของปี 2008 และการดำเนินเรื่องก็สมเหตุสมผล มนุษย์ธรรมดาไม่อาจคาดหมายถึงความน่าจะเป็นที่ AI ได้วิเคราะห์ดักทางเลือกไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อรองโดยมีคนในครอบครัวเป็นตัวประกัน ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ปมปัญหาของตัวละครที่ทำให้ AI เลือกใช้ให้เหมาะกับภารกิจ ตัวหนังจึงประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง 2.ฉาก Action อาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์คือความเป็นทริลเลอร์ ภายใต้สภาวะความกดดัน ทุกคนต้องเลือกหนทางที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ นำไปสู่การเอาตัวรอด การถูกไล่ล่า และการทำงานให้ลุล่วงในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก 3.ด้วยเหตุที่ตัวอย่างภาพยนตร์ไม่ได้โปรยรายละเอียดมากนัก ทำให้ไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ทำให้กระแสของหนังไม่โด่งดังเท่าที่ควร แต่โดยภาพรวมครีเอเตอร์มองว่านี่คือหนังที่สนุกใช้ได้เลยทีเดียว ความยาวก็ไม่เกินสองชั่วโมงซึ่งถือว่าไม่ได้ยืดเยื้อจนน่าเบื่อ แก่นของเรื่องก็เข้าใจง่าย สิ่งหนึ่งที่คนจะไม่อินก็เพราะในปี 2008 AI ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปนั้นยังไม่ได้อัจฉริยะเหมือนอย่างในทุกวันนี้ 4.นักแสดงนำเป็นดาราดังขึ้นชื่ออย่าง Shia LaBeouf จาก Transformers และ Michelle Monaghan จาก Mission Impossible 3 การันตีงานแสดงเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะไปปรากฏตัวในเรื่องไหน เรื่องนั้นมักมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ 5.ระบบภาพ HD คมชัดสมใจในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ในช่วงนั้นภาพที่ได้ถือว่าดีที่สุดในยุคนั้นแล้ว หากเอามาเปรียบเทียบกับหนังในปีปัจจุบันก็อาจจะเห็นความแตกต่างพอสมควร ส่วนระบบเสียง TrueHD แทบจะไม่แตกต่างกับ Dolby Digital 5.1 มากเท่าใดนัก 6.รับชมได้ทุกเมื่อในยามที่สะดวกตลอดอายุการใช้งาน แม้จะต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายต่อแผ่นและอุปกรณ์เครื่องเล่นต่อพ่วงกับโทรทัศน์ที่ราคาค่อนข้างสูงเพื่อแลกกับหนังหนึ่งเรื่องก็ตาม ทั้งนี้ก็จะมีโบนัสพิเศษภายในแผ่น เบื้องหลังการถ่ายทำ เสียงพากย์และคำบรรยายใต้ภาพที่สามารถเลือกได้หลายภาษา เป็นต้น นับเป็นหนังเรื่องแรกๆที่มีการนำ AI มาดักทางจังหวะชีวิตของคน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ AI เป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ โชค หรือฟ้าลิขิต แต่เป็น AI ลิขิต ที่บงการชีวิตคนให้เอื้อต่อความต้องการของมันเอง ในตอนนั้นคนอาจจะยังไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าใดนัก แต่ตอนนี้เราเห็นถึงความเป็นไปได้จริงแล้ว AI สามารถนำ Big Data มาประเมินวิเคราะห์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการพยากรณ์ทำนายอนาคตว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ หนังเรื่องไหนจะทำเงินจากการออกฉายสูงกว่ากัน โดยมันสามารถตอบได้โดยไม่ลังเล ไม่มีอคติจากความรู้สึกชอบ ไม่ชอบเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งในผลงานการอำนวยการสร้างโดย Steven Spielberg พร้อมกับคำถามชวนหัวให้คนดูเก็บไปขบคิด ถ้าเป็นตัวเราเองจะทำอย่างไร เมื่อศัตรูสามารถแกะรอยจากโทรศัพท์มือถือของเราเอง กล้องวงจรปิดสาธารณะ เท่ากับว่ามันมีศัตรูที่รับรู้ตัวตนของเราอยู่ในทุกๆที่ เครดิตภาพ ภาพปก โดย wirestock จาก freepik.com ภาพที่ 1 2 3 และ 4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวแกะกล่อง INCEPTION ในรูปแบบ blu-ray disc รีวิวแกะกล่อง GEMINI MAN ในรูปแบบ Blu-ray disc รีวิว แกะกล่อง Kingsman The secret service ในรูปแบบ Blu-ray disc รีวิวแกะกล่อง THE GREAT WALL ในรูปแบบ Blu-ray 3D รีวิวแกะกล่อง 2012 วันสิ้นโลก ในรูปแบบ Blu-ray disc เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
Watcharapon • 20 ม.ค. 68
อ่าน
ฝึกฝน Eye Gaze ง่ายๆ กับ Koalas to the Max เกมฟรีที่เล่นได้ทุกที่!
Koalas to the Max คือเว็บไซต์เกมที่สร้างขึ้นโดย Vadim Ogievetsky ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานเทคโนโลยี Eye Gaze หรือการควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสายตา เกมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบโคอาลาและต้องการฝึกฝนการใช้เทคโนโลยี Eye Gaze ไปพร้อมกันประสบการณ์การใช้งานที่แสนสนุกเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ Koalas to the Max ผู้เขียนพบกับวงกลมขนาดใหญ่บนหน้าจอ วงกลมเหล่านี้เปรียบเสมือนประตูด่านแรกสู่โลกแห่งโคอาลาน่ารัก เมื่อลากเมาส์ผ่าน (หรือใช้สายตาจ้องมอง) วงกลม ประตูแห่งความสนุกก็จะเปิดออก วงกลมจะแตกออกเป็นวงกลมที่เล็กลงเรื่อยๆ เปรียบเสมือนการก้าวผ่านด่านต่างๆ แต่ละด่าน เต็มไปด้วยความท้าทายเล็กๆ ผู้เล่นต้องจดจ่อกับวงกลมที่เล็กลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นพิกเซลที่เผยให้เห็นรูปภาพของโคอาลาสุดน่ารัก!เกมนี้ไม่ใช่แค่ลากผ่านวงกลม แต่คือการฝึกฝนทักษะการควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสายตา Koalas to the Max ไม่ได้เป็นแค่เกมที่เล่นสนุก แต่มันคือเครื่องมือฝึกฝนทักษะการควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสายตา การจ้องมองและลากผ่านวงกลม เปรียบเสมือนการฝึกกล้ามเนื้อตา การโฟกัส และการประสานงานระหว่างมือกับตาเกมนี้เหมาะสำหรับใคร? Koalas to the Max เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ เกมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนการใช้เทคโนโลยี Eye Gaze เกมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบโคอาลาและต้องการสัมผัสความน่ารักของสัตว์ชนิดนี้ข้อดีใช้งานง่าย: เกม Koalas to the Max ออกแบบมาเพื่อผู้เริ่มต้นใช้งานเทคโนโลยี Eye Gaze โดยเฉพาะ ผู้เล่นสามารถเรียนรู้วิธีการควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาได้อย่างง่ายดายสนุกสนาน: เกมนี้เล่นสนุกและเพลิดเพลิน เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยน่ารัก: รูปภาพโคอาลาที่ปรากฏในเกมนั้นน่ารักและดึงดูดสายตาฟรี: เกม Koalas to the Max เล่นฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆฝึกฝนทักษะ: เกมนี้ช่วยฝึกฝนทักษะการควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาข้อเสีย:ไม่มีระดับความยาก: เกมนี้ไม่มีระดับความยาก ผู้เล่นจึงอาจรู้สึกเบื่อหน่ายหลังจากเล่นไปสักระยะหนึ่งไม่มีตัวเลือกอื่นๆ: เกมนี้มีเพียงตัวเลือกเดียว ผู้เล่นจึงไม่มีโอกาสลองเล่นเกมอื่นๆโดยรวมแล้ว Koalas to the Max เป็นเว็บไซต์เกมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานเทคโนโลยี Eye Gaze เกมนี้เล่นง่าย สนุกสนาน และน่ารัก เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยคะแนน: 4/5คำแนะนำ:เว็บไซต์ Koalas to the Max เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการฝึกฝนการใช้เทคโนโลยี Eye Gazeเว็บไซต์ Koalas to the Max สามารถเล่นได้บนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเว็บไซต์เกมสำหรับฝึกฝนการใช้เทคโนโลยี Eye Gazeภาพปก โดย DesignDraw DesignDrawArtes จาก Pixabayภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
KrabiInsight • 14 ก.ค. 67
อ่าน
รีวิว Red Eye (2005) เมื่อเที่ยวบินสุดระทึกมีฆาตกรต่อเนื่องมานั่งข้างๆด้วย
เป็นหนังสยองขวัญธธิลเลอร์ที่เข้าช่อง Netflix เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เป็นผลงานที่กำกับโดย Wes Craven นำแสดงโดย ราเชล แมคอาดัมส์,คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ เรื่องย่อ https://www.facebook.com/watch/?ref=searchv=790195419142396external_log_id=66ced29c-2221-461c-ba90-0db483ea0197q=red%20eye%20netflix เล่าเรื่องราวของลิซ่า หญิงสาวที่นั่งเครื่องบินก่อนที่จะเจอกับสตอร์กเกอร์ ฆาตกรต่อเนื่องมาติดตามในที่นั่งติดกับเธอเลยแล้วเธอต้องเอาตัวรอดจากผู้ชายคนนี้ให้ได้แม้เขาจะหน้าตาหล่อเหลาน่าหลงใหลก็ตาม ความรู้สึกที่ดู เป็นหนังที่มีเนื้อหาธรรมดา พล็อตเรื่องค่อนข้างเดาได้ง่าย รู้ตอนจบทุกอย่างตั้งแต่ 20 นาทีแรกเลย ช่วงแรกของหนังค่อนข้างน่าเบื่อเป็นอย่างมากและเกือบหลับไปหลายรอบ แต่พอเล่นไปกลางเดือนและเข้าสู่จุด Climax กลับสนุกมาก และค่อนข้างลุ้นพอสมควรกับการเอาตัวรอดว่าเธอจะเอาตัวรอดจากผู้ชายคนนี้ได้มั้ย ผู้เขียนเป็นติ่งนักแสดงนำทั้งสองคนในเรื่องเลยและมองว่าเล่นได้สุดยอดมากๆ ไม่ว่าจะเป็น acting สีหน้า การแสดง การวิ่ง การเอาตัวรอด รวมไปถึงการตามไล่ล่า ทุกอย่างสุดมากๆจนนึกว่าเป็นเรื่องจริงมากกว่าในหนังสักอีก และคิดว่าถ้าเจอแบบนี้จริงจะต้องทำยังไงเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งเรื่องนี้นั้นเข้าถึงผู้หญิงได้ง่าย ก็หนังสไตล์การเอาตัวชีวิตรอดจากฆาตกรต่อเนื่องซึ่งดูเผินๆเหมือนเรื่องไกลตัว แต่จริงๆกลับใกล้ตัวมากๆ และสามารถเกิดกับคนได้ทุกคนด้วย ผู้เขียนมองว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากและเป็นเรื่องที่ใครก็สามารถพบเจอได้โดยเฉพาะกับคนดังที่มีชื่อเสียง ดูแล้วแอบนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างไอดอลกับติ่ง หรือศิลปินกับแฟนคลับของตัวเองที่พัฒนาความชื่นชอบหรือความคลั่งไคล้ไปจากที่แค่ฟังเพลงเฉยๆก็สามารถเป็นสตอร์กเกอร์ชีวิตใครสักคนหนึ่งได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณ Red Flag ซึ่งหนังก็ไม่ได้เฉลยว่าทำไมจู่ๆหมอนี้ถึงมาติดตามหรือสะกดรอยตามผู้หญิงคนนี้เพื่อหาทางฆาตกรรมเธอ แต่หนังกลับสนุก สยองขวัญมากรวมถึงระทึกขวัญ มีพาร์ทที่น่าลุ้นและน่าติดตามเป็นอย่างมากว่าเธอจะเอาตัวรอดจากสตอร์กเกอร์คนนี้ที่คุกคามชีวิตเธอได้มั้ย คะแนนรีวิว 9.5 / 10 จริงๆแล้วผู้เขียนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็สนุกดี ดูได้เรื่อยๆ ฆ่าเวลาและมีตอนจบที่เรียลเว่อร์ บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว Wednesday (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday จากบ้าน Addams จากบ้าน Addamsรีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผนรีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 โดย Netflixรูปภาพประกอบที่ 1 / 4 โดย Netflix / 2 / 3 โดย Major Group จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
InfpT • 20 พ.ค. 67
อ่าน
รีวิวซีรีส์ Eye Love You (2024) ความลงตัวของการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นกับความโรแมนติกแบบเกาหลีที่มีความน่ารัก กระชับ ดูสนุกดูแล้วมีความสุขดูแล้วตกหลุมรัก
Series ReviewEye Love You (2024)ความลงตัวของการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นกับความโรแมนติกแบบเกาหลีที่มีความน่ารัก กระชับ ดูสนุกดูแล้วมีความสุขดูแล้วตกหลุมรักโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะดูซีรีส์เกาหลีและญี่ปุ่นเป็นหลักมีไต้หวันบ้างบ่อยๆบางครั้งก็ดูซีรีส์อินเดียที่ถ้ามีเรื่องน่าสนใจก็จะดู แต่หลักๆคือเกาหลีกับญี่ปุ่นที่ดูบ่อยดูทุกวันแต่จำนวนเรื่องของญี่ปุ่นอาจจะมากกว่าเพราะด้วยจำนวนตอนที่ค่อนข้างน้อยกว่าแทบจะครึ่งต่อครึ่ง ประการถัดมาซีรีส์ญี่ปุ่นที่มีมาให้ดูโดยมากจะเป็นซีรีส์ที่ออกอากาศในบ้านเขาจบแล้วแล้วลงสตีรมในบ้านเรารวดเดียวจบต่างจากเกาหลีที่ระยะหลังผู้เขียนดูแบบออกอากาศสดเป็นส่วนมาก ส่วนความต่างของงานซีรีส์หรือละครโทรทัศน์จากทั้งสองประเทศก็มีดีต่างกันที่ถ้าเข้าใจความต่างนั้นก็จะดูสนุกทั้งสองทาง ทั้งเกาหลีที่จะบดบี้ดราม่าทั้งหลักทั้งรองทั้งย่อยเต็มที่จนบางครั้งออกอาการเอื่อยบ้างเพราะจำนวนตอนเยอะกว่า ส่วนทางญี่ปุ่นนั้นการเล่าเรื่องจะมีทิศทางที่ชัดกว่านั่นคือเมื่อตั้งธงจะไปทางไหนแล้วก็จะไปทางนั้นทำให้จำนวนตอนที่น้อยกว่าสามารถเล่าเรื่องได้เรื่องเลยออกมากระชับแต่การเล่าเรื่องก็เรียบเรื่อย แล้วถ้าความโดดเด่นของเกาหลีที่ขยี้ใจกว่ามาอยู่ในซีรีส์ญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเรียบเรื่อยจะเป็นยังไงในงานโรแมนติกคอมมิดี้แฟนตาซีเรื่องนี้จากอุบัติเหตุเมื่อครั้งอดีตทำให้ยูริ โมโตมิยะ (ฟูมิ นิไคโด) มีความสามารถพิเศษในการได้ยินเสียงจากความคิดคนอื่นเมื่อสบตากับเธอหรือเรียกว่าอ่านใจคนอื่นได้ แต่สิ่งนั้นอาจไม่ใช่พรจากพระเจ้าเมื่อบางครั้งเธอก็รับทราบความเจ็บปวดของคนอื่นที่แย่กว่านั้นเมื่อคนอื่นรู้เรื่องนี้จะกลัวเธอทำให้เธอไม่สามารถบอกใครได้และไม่อาจมีความรัก แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาในนามคนส่งอาหารพาร์ทไทม์ที่เธอสามารถอ่านความคิดเขาได้แต่กลายเป็นอ่านไม่ออกเพราะเขาคิดเป็นภาษาเกาหลี ใช่แล้วเขาคือนักศึกษาชาวเกาหลีชื่อยุนแทโอ (แชจองฮยอบ) แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือยุนแทโอรู้สึกต้องใจยูริตั้งแต่แรกเจอ หลังจากนั้นมาเธอและเขาก็เจอกันเรื่อยๆแล้วความอบอุ่นและจิตใจดีของยุนแทโอก็ทำให้หัวใจที่พยายามปฏิเสธความรักของยูริเริ่มหวั่นไหว แน่นอนยูริทำอะไรไม่ค่อยถูกเมื่อถูกรุกเร้าจากยุนแทโอตามแบบผู้ชายเกาหลีแต่ยูริเป็นสตรีญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเหนียมอาย ทว่าเมื่อทั้งสองคนคบกันด้วยความรักพลังพิเศษของยูริก็กลับกลายเป็นคำสาปให้คนสองคนไม่อาจรักกันได้แล้วเธอกับเขาจะผ่านมันได้อย่างไรการเดินเรื่องและการเล่าเรื่องในแบบญี่ปุ่นแท้ที่ดูมีความต่างไปเมื่อได้สัมผัสความเป็นเกาหลีเข้ามาผสาน อย่างที่บอกคือถ้าเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นจะมีการเล่าเรื่องที่ชัดเจนในประเด็นและเรื่องนี้ก็ชัดที่จะเป็นงานโรแมนติกคอมมิดี้แฟนตาซีที่ญี่ปุ่นทำได้ดีเสมอ ซึ่งจุดเด่นตรงนี้ก็ยังแข็งแรงเพราะเป็นเรื่องแฟนตาซีที่เกือบเอื้อมถึงคือเหมือนเหนือจริงแต่ก็มีสัมผัสความจริง กระนั้นการเล่าเรื่องที่เรียบเรื่อยให้เพลงและภาพมาสะกดอารมณ์ก็ยังชัดซึ่งอาจทำให้ถ้าหากไม่คุ้นชินการเล่าเรื่องแบบนี้อาจรู้สึกเนือยเอื่อย แต่ในความเนือยนั้นถ้าเข้าใจว่าซีรีส์ญี่ปุ่นจะเป็นแบบนี้แต่เรื่องนี้ไม่ถึงขนาดพิสูจน์ความอดทนเพราะมีความเป็นเกาหลีเข้ามาผสานในส่วนของพระเอกนั่นคือเมื่อเล่าเรื่องของพระเอกโทนการเล่าจะออกมาเป็นเกาหลีไปเลยทำให้เมื่อรวมกันกลายเป็นเรื่องดูเดินหน้าเร็วกว่าซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไป แล้วด้วยความที่ญี่ปุ่นจะไม่ขยี้ดราม่ามากมายต่อให้มีช่องและเรื่องนี้ก็มีที่ให้เล่นมากมายแต่เลือกที่จะให้เป็นความเข้าใจของคนดูไปเสีย ทำให้เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแท้ๆที่มีความต่างไปเป็นสัมผัสที่ละมุนละไมกว่างานโรแมนติกทางญี่ปุ่นที่เคยพบมามีความโรแมนติกแบบเกาหลีนำหน้าแล้วเอาความเป็นรอมคอมแฟนตาซีในแบบญี่ปุ่นค้ำจุนทำให้น่ารักน่าลุ้นทุกตอน ซึ่งความละมุนที่ว่านั้นคือความโรแมนติกในแบบเกาหลีที่มาอยู่ในงานรอมคอมแฟนตาซีในแบบญี่ปุ่นที่จะมีความน่ารักอยู่ในตัว แล้วเมื่อความโรแมนติกแบบผู้ชายรุกหนักในแบบเกาหลีมาอยู่ในลักษณะตัวละครในแบบญี่ปุ่นของนางเอกความน่าขันก็จัดเต็ม เอาง่ายๆแค่นางเอกสงสัยในความคิดพระเอกที่เป็นภาษาเกาหลีก็ชวนให้ยิ้มไม่หยุดแล้วแถมยังมีฉากเข้าพระเข้านางที่เอาพระเอกเกาหลีมาคู่กับนางเอกแบบญี่ปุ่นในอย่างสนุกแล้วใช้ความต่างนี้มาเป็นลูกเล่นที่เล่นงานหัวใจคนดูได้อย่างเต็มที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มอารมณ์ แล้วยังได้มิติของเรื่องที่อาจจะไม่แหวกแนวนักแต่จังหวะเวลามันได้ก็ทำให้มีความน่ารักน่าลุ้นทั้งในแง่ของความรักที่จะลงเอยแบบไหนจนถึงตอนท้ายที่พลังพิเศษกลายเป็นคำสาปจริงหรือแล้วจะผ่านมันไปได้อย่างไร สุดท้ายก็เลือกทางที่สวยงามที่อาจมีหักมุมเล็กๆแต่ก็ลงตัวสวยดีทำให้ในการผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีกลายเป็นสิ่งค้ำจุนความน่ารักน่าลุ้นให้แข็งแรงเพราะไม่ต้องฝืนทำให้การแสดงดูเป็นธรรมชาติทั้งแบบเกาหลีและญี่ปุ่นจนทำให้ใครหลายคนอาจตกหลุมรักตัวละคร ที่ยอดเยี่ยมคือการไม่พยายามฝืนตัวตนของทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นแต่ใช้จุดเด่นของตัวเองมาเกื้อหนุนกันจนดูแปลกแต่ดี เพราะในส่วนของการแสดงบุคลิกลักษณะตัวละครที่เป็นความต่างกันของสองประเทศทำให้แปลกแต่ดีเพราะยิ่งดูก็ยิ่งน่าขัน ทำให้การแสดงดูเป็นธรรมชาติจนกระทั่งในส่วนของตัวละครก็ไม่มีอะไรน่าตะขิดตะขวงกับพระเอกนางเอกทั้งฟูมิ นิไคโดที่เป็นนางเอกในแบบงานโรแมนติกญี่ปุ่นที่จะกระมิดกระเมี้ยน ส่วนแชจองฮยอบก็จะเป็นพระเอกในแบบงานโรแมนติกเกาหลีที่จะมีสัมผัสความอบอุ่นชวนให้ใจสั่นอย่างที่เคยเห็นในซีรีส์เกาหลีแนวนี้ทั่วไป แล้วการที่ไม่พยายามฝืนตัวเองของทั้งสองทางก็สร้างความสนุกความน่ารักจนกระทั่งคนที่เคยรักฟูมิ นิไคโดอาจจะรักแชจองฮยอบหรือคนที่เคยรักแชจองฮยอบก็อาจโดนฟูมิ นิไคโดขโมยหัวใจ ทั้งยังได้นักแสดงสมทบที่เล่นอย่างสนุกโดยเฉพาะความน่าเห็นใจของพระรองทาอิชิ ทาคางาวะและคู่รองที่รวมๆแล้วทำให้ดูเพลินอย่างยิ่งเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่ดูสนุกดูเพลินมีความต่างไปและเอาตามจริงเหมาะกับการดูรวดเดียวมากกว่าอดทนรอเหมือนผู้เขียน ด้วยความที่เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นเกาหลีที่เอาจริงก็เป็นญี่ปุ่นมากกว่าเกาหลีที่มีเพียงสัมผัสความโรแมนติกเท่านั้นนอกนั้นเป็นญี่ปุ่นจัดๆเหมือนเดิม แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ดูแปลกไปเพราะดูเหมือนเรื่องกระชับขึ้นมีความจับใจขึ้นแม้จะไม่ขยี้ดราม่าแต่ก็เล่าได้อย่างโดนใจ เพราะความเป็นญี่ปุ่นก็จะมาประมาณนี้คือจะไม่ฟูมฟายแต่เรื่องนี้คือเน้นไปในทางโรแมนติกชัดเจนเพราะเหตุผลอย่างที่ว่า ส่งผลให้อัตราความน่าติดตามสูงมากจากการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นที่จะตัดจบในแบบที่ค้างคาให้อยากรู้แล้วเรื่องที่เล่าก็สนุกน่ารักน่าลุ้นมาตลอกก็ทำให้การรอคอยของผู้เขียนในแต่ละสัปดาห์ละหนึ่งตอนเป็นความทรมาน แต่เมื่อถึงตอนนี้ที่สตรีมจบครบทุกตอนแล้วก็เป็นเรื่องที่เป็นความต่างจากซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไปจริงแต่คอซีรีส์ญี่ปุ่นก็ไม่ถึงกับเบือนหน้าหนี กลับกันคือมีความเพลินในทุกตอนที่เหมาะสำหรับการดูยาวๆมากกว่าการอดทนรอสัปดาห์ละตอนแน่นอนเพราะเมื่อดูจบความประทับใจก็จัดเต็มดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก TBS火曜22時 ภาพที่ 6 จาก X TBS
ดูไปบ่นไป • 6 พ.ค. 67
อ่าน
รีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น Eye Love You เพียงสบตาก็รู้ความในใจ นำโดย ฟูมินิกาอิโดะและแชจงฮยอบ
เรื่องราวของหญิงสาวมีพลังวิเศษ ครั้งใดที่เธอได้สบตากับใครก็สามารถอ่านความคิดในใจของเขาได้แบบลึกซึ้ง แต่เมื่อเธอได้มาเจอกับหนุ่มเกาหลีคนนี้ ทุกอย่างก็ดูไม่ตรงสูตรอย่างที่เคยเป็น ภาษาที่ต่างกันทำให้เธอไม่เข้าใจความคิดของหนุ่มเกาหลีคนนี้เลย จึงต้องหาคำตอบพร้อมกับเปิดหัวใจไปด้วยกัน ซีรีส์เรื่องนี้ได้นักแสดงนำอย่าง ฟูมินิกาอิโดะ, แชจงฮยอบ, ไทชิ นากางาวะ, มิซึกิ ยามาชิตะ พร้อมด้วยนักแสดงอื่นๆ ที่มาเติมเต็มความสนุก บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ดูสนุกแบบเพลินๆ ได้เลย ที่สำคัญงานดีย์มาก! โดยเฉพาะนักแสดงหลัก และนักแสดงรอง และถือว่าเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่หยิบนักแสดงเกาหลีมาร่วมแสดงนำ ยิ่งน่าจับตาดูซีรีส์เรื่องจริงๆ เรื่องราวโรแมนติก คอมเมดี้ แฟนตาซี จะสนุกแค่ไหนตามมาดูรีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น Eye Love You กันเลยค่ะเรื่องย่อEye Love You เล่าเรื่องราวของหญิงสาวญี่ปุ่นชื่อ ยูริ โมโตะมิยะ (รับบทโดย ฟูมินิกาอิโดะ) เธอประสบอุบัติเหตุจมน้ำเมื่อครั้งที่เธอเที่ยวกับคุณพ่อของเธอ หลังจากที่เธอฟื้นชีวิตกลับมา ยูริ โมโตะมิยะ กลับมีพลังพิเศษบางอย่างติดตัวมาอย่างปริศนา โดยพลังวิเศษที่ว่าเกิดขึ้นเมื่อเธอสบตากับใคร เธอจะสามารถอ่านความในใจของคนนั้นได้ อยู่มาวันหนึ่งเธอได้รู้จักกับไรเดอร์ส่งอาหารอย่าง ยุนแทโอ (รับบทโดย แชจงฮยอบ) แต่ทว่าทุกครั้งที่เธอสบตากับยุนแทโอ เธอกลับไม่เข้าใจภาษาที่อยู่ในความคิดในใจของเขาเลย แม้เธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ยุนแทโอคิด แต่เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและสบายใจอย่างไม่รู้สาเหตุ ก่อนจะรู้ว่าแท้ที่จริงนั้นเขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเกาหลี ซึ่งได้มาเรียนทีญี่ปุ่นเกือบ 2 ปี แต่ทว่าโชคชะตาก็ได้ลิขิตให้ยุนแทโอได้ใกล้ชิดกับยูริ โมโตะมิยะอีกครั้ง ในฐานะที่เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทได้มาฝึกงานที่บริษัทของยูริ โมโตะมิยะ ทำให้ความใกล้ชิดของสาวญี่ปุ่นและหนุ่มเกาหลีนั้นค่อยๆ ก่อตัวเป็นความรักมากขึ้น นักแสดงยูริ โมโตะมิยะ (รับบทโดย ฟูมินิกาอิโดะ)หญิงสาวอายุ 30 ปี เป็น CEO แห่งหนึ่ง ยูริ โมโตะมิยะ มีบุคลิกใจดี เป็นมิตรกับทุกคน และเพื่อนร่วมงาน และที่สำคัญ ยูริ โมโตะมิยะ มีพลังวิเศษบางอย่าง เพราะเมื่อเผลอสบตากับใคร เธอจะรู้ความคิดในใจของคนนั้น หรือเรียกว่า "อ่านใจได้" แต่ทว่าเธอเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงลำพังกับพ่อของเธอ ยังต้องเว้นระยะห่างกับคนอื่น เพราะไม่ต้องการรับรู้เสียงในใจของคนอื่น เพราะการมีพลังวิเศษที่อ่านใจคนอื่นได้ แม้ฟังดูแล้วดูพิเศษกว่ามนุษย์ธรรมดา แต่ทว่าพลังวิเศษนี้บางครั้งอาจเป็นดาบสองคม เมื่อได้ยินความคิดอีกมุมหนึ่งของอีกคนอย่างตรงไปตรง อาจทิ่มใจที่คนฟังให้เจ็บปวดได้https://www.instagram.com/p/C2_gKG_pK4K/?hl=en ยุนแทโอ (รับบทโดย แชจงฮยอบ)นักศึกษาเกาหลี อายุ 26 ปี กำลังศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยโซชิ ยุนแทโอเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาอยู่ประเทศญี่ปุ่นเกือบ 2 ปี มีบุคลิกร่าเริงสดใส เป็นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกกกก ยุนแทโอให้ความสนใจกับเรื่องนากทะเลมากๆ นอกจากเรียนแล้ว เขามีอาชีพเสริมเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร เพราะเหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามาเจอกับยูริ โมโตะมิยะhttps://www.instagram.com/p/C2ym548PoYJ/ รีวิวความประทับใจขอเกริ่นก่อนเลยว่าตอนที่เห็นซีรีส์ Eye Love You ครั้งแรกก็สกิดใจเราให้ตั้งหน้าตั้งตารอทันที เพราะซีรีส์เรื่องนี้คือความแปลกใหม่ โดยเฉพาะคนที่ชอบดูซีรีส์ญี่ปุ่น และซีรีส์เกาหลี แถมยังแฟนแชจงฮยอบอย่างเรา เมื่อเห็นซีรีส์เรื่อง Eye Love You เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับได้เห็นสิ่งที่ชอบมารวมกัน สำหรับเรานั้นชอบการแคสนักแสดงที่ดูแล้วลงตัว ตกหลุมรักตัวนักแสดงหลัก และนักแสดงรอง ตัวละครแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจต่างกัน ในการดำเนินเรื่องของ Eye Love You มีการเดินเรื่องแบบเรื่อยๆ ให้คนดูชมแบบเพลินๆ เนื้อเรื่องไม่ได้เน้นหนักให้คนดูปวดตับ ปวดใจ แต่ค่อยๆ ปูความรักให้พระเอกและนางเอกตกหลุมรักกันและกัน โดยแอบแฝงเนื้อเรื่องให้มีปมปัญหาเกี่ยวกับยูริ โมโตะมิยะ ที่สามารถสื่อสารกับคุณพ่อของเธอผ่านความคิดในใจ ในส่วนของตัวละครร้ายยังต้องให้คนดูลุ้นกันต่อไปว่าคนร้ายคือใครและจะทำอะไรกับเรื่องราวของยูริ โมโตะมิยะ ในด้านของความรัก EP แรกๆ ยุนแทโอ เริ่มจะเป็นฝ่ายแสดงออกชัดเจนว่าตกหลุมรักนางเอก หรือเรียกว่ารุกหนักมากกกก ในแต่ละ EP ดีกรีความฟินค่อยๆ เพิ่มทวีพูนเพิ่มขึ้น งานนี้ยูริ โมโตะมิยะ ต้องเตรียมพร้อมหัวใจให้ดีๆ เลยล่ะ ความประทับใจอีกหนึ่งอย่าง เมื่อยุนแทโอพูดในใจด้วยภาษาเกาหลี ยูริ โมโตะมิยะ ผู้ซึ่งที่ไม่เข้าใจภาษาเกาหลีจะทำหน้าสงสัย ทำให้ลุ้นอยู่ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ นั่นทำให้ทุกครั้งที่ยุนแทโอและยูริ โมโตะมิยะอยู่ด้วยกันมักจะมีโมเมนต์น่ารักๆ และอบอุ่นหัวใจให้คนดูได้ติดตามอยู่เสมอแม้ในซีรีส์ Eye Love You เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก คอมเมดี้ แฟนตาซีตามฉบับซีรีส์รอมคอมญี่ปุ่นเหมือนซีรีส์อื่นๆ แต่เรื่องนี้แอบผสมผสานกลิ่นอายความเป็นเกาหลีลงไปนิดหน่อย ทั้งวัฒนธรรมภาษาที่พระเอกมักจะพูดขึ้นมาอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงอาหาร และการแต่งกายต่างๆ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้คอสตูมคือดีงาม ทำให้นักแสดงดูมีออร่าในแบบที่เป็น อีกหนึ่งสิ่งที่ชื่นชอบนั่นก็คือ บรรยากาศต่างๆ ของสถานที่ในญี่ปุ่นดูสวยงามจริงๆ ในส่วนของนักแสดงนำทั้งสองอย่าง ฟูมินิกาอิโดะ มีความน่ารัก นุ่มนวลและคาวาอี้ในแบบญี่ปุ่น และในส่วนของแชจงฮยอบ หล่อแบบน่ารัก น่าเอ็นดูที่สุด เราขอชื่นชมแชจงฮยอบว่าพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องมากกกก ดูกลมกลืนไปกับคนญี่ปุ่นเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งบุคลิกสดใส ใดๆ คือชอบรอยยิ้มของแชจงฮยอบมากกกก ดูแล้วรู้สึกตกหลุมรักครั้งที่หนึ่งร้อย ซีรีส์เรื่อง Eye Love You ถือเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่หยิบนักแสดงเกาหลีอย่างแชจงฮยอบมาแสดงนำยิ่งถูกใจแฟนซีรีส์ญี่ปุ่นอย่างเราไม่น้อยเลยล่ะเป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ ซีรีส์ญี่ปุ่น Eye Love You เป็นซีรีส์ที่บอกเล่าความรู้สึกดีๆ ของหนุ่มเกาหลีและสาวญี่ปุ่น มีกลิ่นอายความอบอุ่นหัวใจผสมผสานลงไปในซีรีส์ให้เราได้ดูกันอย่างอิ่มใจ สามารถดูแบบลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix ใครเป็นแฟนซีรีส์ของแชจงฮยอบต้องไม่พลาดดูน้าาา 🌼บทความอื่นๆ ที่แนะนำแนะนำซีรีส์ญี่ปุ่น My Second Aoharu (2023) ย้อนวัยฝัน วันฟ้าผลิบานรีวิวซีรีส์ญี่ปุ่น นางมารร้ายกับนายราชา Ousama ni Sasagu Kusuriyubiแนะนำซีรีส์ญี่ปุ่น Motokare retry ก็ฟินจิกหมอนกันไปเลยสิคะรูปภาพประกอบบทความภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่4 / ภาพที่6 / ภาพที่7 จาก tbs.jpภาพปก / ภาพที่3 จาก instagram fumi_nikaidoภาพที่5 จาก instagram chaejh จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
eyeyiiop • 6 มี.ค. 67
อ่าน
รู้จัก นักแสดง Eye Love You ซีรีส์โรแมนติกแฟนซีทาง Netflix
มาใหม่มาแรงมาก ๆ สำหรับ “Eye Love You” ซีรีส์จากช่อง TBS ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นซีรีส์แนวโรแมนติกแฟนตาซี ที่บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอนั้นมีพลังวิเศษในการได้ยินความคิดของคนอื่น และโชคชะตาทำให้เธอได้เจอกับนักศึกษาหนุ่มแลกเปลี่ยนชาวเกาหลีคนหนึ่ง และเหตุการณ์การครั้งนี้ก็ทำให้เธอตกหลุมรักเขาและนอกจากพล็อตที่ปังไม่ไหวแล้วนั้น ก็ยังมีนักแสดงนำที่เรียกว่าเคมีเข้ากั๊นเข้ากันแบบสูงปรี๊ด วันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับนักแสดงแต่ละคนกันผ่านทาง ‘รู้จัก นักแสดง Eye Love You ซีรีส์โรแมนติกแฟนซีทาง Netflix’ หากพร้อมแล้วนั้นก็ตามมาลุยเลย ^^ https://www.instagram.com/reel/C3FTOLwh_lx/?igsh=MWl3ZmkxaDVoNTB2cg==https://www.instagram.com/p/CzcEi00BlQW/?igsh=MTFlazU5NXRnbDM3bQ==https://www.instagram.com/p/Czc8GiZpLzm/?igsh=MXRoYmtvdm0wZWpjOQ==1.) ฟูมินิ กาอิโดะ (Fumi Nikaido) นางเอกในเรื่องนี้มีชื่อว่า “ฟูมินิ กาอิโดะ (Fumi Nikaido) 二階堂ふみ” โดยเธอนั้นเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.1994 ปัจจุบันอายุ29 ปี เธอเป็นนักร้องภายใต้สังกัด Sony Music Artistshttps://www.instagram.com/p/C2YJldySr0Y/?igsh=MWVvM2hnOTQwNGgyeA== สาวฟูมินิ กาอิโดะได้เริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิงจากการเป็นนางแบบ ในเมืองนาฮะ จังหวัดโอกินาว่า ต่อมาในปี 2009 เธอก็ได้แสดงครั้งแรกใน ภาพยนตร์เรื่องToad's Oil และจากการแสดงครั้งนี้ ทำให้เธอได้รับรางวัลใน สาขานักแสดงและนักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยมจาก ซึ่งเรียกว่าเธอนั้นเป็นสาวสวยดาวเด่นอีกหนึ่งคนในประเทศญี่ปุ่นhttps://www.instagram.com/p/C2_gKG_pK4K/?igsh=aDJwOW5uZzllcG12ฟูมินิ กาอิโดะ รับบทเป็น “ยูริ โมโตะมิยะ” เธอนั้นเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่มีพลังพิเศษในการได้ยินความคิดของผู้คน เมื่อตอนที่เธอได้สบตา และวันหนึ่งเธอได้บังเอิญไปสบตาเข้ากับยุนแทโอ หลังจากนั้นเธอก็หลงรักเขา เข้าอย่างจังช่องทางการติดตามฟูมินิ กาอิโดะInstagram : @fumi_nikaido2.) แชจงฮยอบ (Chae Jong Hyub) หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า “แชจงฮยอบ Chae Jong Hyub (채종협)” เขาเกิดวันที่ 19 พฤศภาคม ค.ศ.1993 ปัจจุบันอายุ 30 ปีจบการศึกษาจาก Seoul Arts College สาขา Fashion Model Art ต้นสังกัดปัจจุบันของเขาคือ YNK Entertainmenthttps://www.instagram.com/p/CdxM5-hvai_/?igsh=NjQ4bGFjN2VycDJz หนุ่มแชจงฮยอบได้เข้าสู่วงการบันเทิงในปี 2016 จากการเล่นซีรีส์เรื่อง Tundra Show ซีซั่น 2 ก่อนที่เขาจะเป็นที่รู้จักจากในซีรีส์เรื่อง Hot Stove League ในปี 2019 โดยแฟนคลับหลายคนจะรู้จักเขาในบทบาทของพระรองสุดน่ารักจากซีรีส์ชื่อดังจากเรื่อง Nevertheless และพระเอกในเรื่อง Castaway Diva https://www.instagram.com/p/Cy7zJuQP1QG/?igsh=MTduZHEwMzY4ZW0xdQ==แชจงฮยอบ รับบทเป็น “ยุนแทโอ” เป็นเขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนุ่มหล่อชาวเกาหลี ที่ยูริได้บังเอิญสบตากับเขาแทโอเป็นคนที่สดใส ร่าเริง มีความเป็นสุภาพบุรุษ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่ใครหลายคยจะต้องโดนตกอย่างแน่นอนค่ะช่องทางการติดตามแชจงฮยอบInstagram : @chaejh_เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ รู้จัก นักแสดง Eye Love You ซีรีส์โรแมนติกแฟนซีทาง Netflix เรียกว่านักแสดงในเรื่องแต่ละคนคือปังมาก แสดงเก่ง แสดงดีกันสุด โดยเพื่อน ๆ สามารถติดตามรับชมซีรีส์เรื่อง Eye Love You ได้ทางNetflix เลยค่า #eyeloveyouเครดิตภาพหน้าปกโดย@eyeloveyou_tbs : ภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 @eyeloveyou_tbs : ภาพหน้าปก3 / ภาพหน้าปก4 เครดิตภาพและวิดีโอประกอบบทความโดย@eyeloveyou_tbs : วิดีโอที่1 / ภาพที่1 / ภาพที่2 @fumi_nikaido : ภาพที่3 / ภาพที่4@eyeloveyou_tbs : ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่9 / ภาพที่10@chaejh_ : ภาพที่7 / ภาพที่8 บทความที่น่าสนใจ : https://intrend.trueid.net/post/430264เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
nowadaysgirl • 28 ก.พ. 67
อ่าน
ลิปสติกรุ่นใหม่ล่าสุด KANEBO Rouge Star Vibrant มาพร้อมกับ Eye Color Duo
KANEBO ROUGE STAR VIBRANT เนื้อลิปสติก Vivacious rouge Throbbing Red และ Dewy Gloss ชุ่มฉ่ำเผยบนใบหน้าด้วยความมีชีวิตชีวาจากช่วงเวลาที่ได้แต่งแต้มลิปสติกติดทนนานมอบริมฝีปากดูมีชีวิตเปล่งประกาย เทคโนโลยี Vibrancy Lasting มอบกลอสฉ่ำวาวและสีแดงแวววาว สีสันเป็นธรรมชาติ ความสวยงามของสีลิปสติกทำหัวใจคุณสั่นไหวด้วยความฉ่ำวาว ความสบาย เนื้อสัมผัสเรียบลื่นปรับให้เข้ากับลิปสติกและแนบเนียนสนิท สูตร 5R Vibrancy Base เฉดสีแดงแวววาวหลอมละลาย เป็นเนื้อเดียวกับริมฝีปากเป็นธรรมชาติด้วยความมีชีวิตชีวาและพิกเม้นท์คมชัด สีสดใส เสริมความงดงามให้ผิวเปล่งปลั่ง โอบอุ้มริมฝีปากล็อคความชุ่มชื้นปกป้องผิวจากความแห้งและความไม่เรียบเนียน เผยริมฝีปากสวยงามเมื่อทาทับด้วยสีสันของลิปสติก สูตร thick veil ช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่มและมีความยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวหลังจากการเซ็ทตัวทำให้ลิปสติกติดทนและกลบทับริ้วรอยเติมแต่งให้ดูเต่งตึง Intelligent Moist Compound ประกอบด้วยส่วนผสมของ baby-soft oil formulation, สูตรครีมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก vernix โอบอุ้มผิวเด็กแรกเกิด Vernix-inspired extract : Phytosteryl Macadamiate Four types of viscous oils : Hydrogenated Polyisobutene, Phytosteryl / Octyldodecyl Lauroyl Glutamate, Polyglyceryl-10 Decaisostearate, Dipentaerythrityl Tri-Polyhydroxystearate Semi-solid oil : Octyldodecyl / Phytosteryl / Behenyl Lauroyl Glutamate KANEBO ROUGE STAR VIBRANT : 12 เฉดสี ( 2 เฉดสี : limited edition) ลิปสติกติดทนนานมอบความสดใสให้คงอยู่ทำให้หัวใจของคุณสั่นไหวทุกครั้งไปกับความมีชีวิตชีวา 12 สีสันเรียงจากสีเด่นชัดไปถึงสีธรรมชาติ เผยระดับความมีชีวิตชีวาด้วยความปรารถนาของคุณ V01 Cupid Stoneสีชมพูอ่อนประการโกล์วสีทอง ลุคให้ดูมีเสน่ห์และความสง่างาม V02 Classical Redปลอบประโลมใจ หวานฉ่ำ สีแดงคลาสสิกเข้ากับผิว เป็นธรรมชาติทุกเฉดสีผิว V03 Rapture Roseสีชมพูเข้ม สร้างความประทับใจเติมเต็มหัวใจให้ลุคร่าเริง V04 Core Redสีธรรมชาติกลมกลืนไปกับโทนผิวของคุณ มอบความงดงามมากยิ่งขึ้น V05 Vivid Passionสีแดงแจ่มใสด้วยทิ้นบลัช เพิ่มความเข้มขึ้นมาอีกระดับ ให้ความน่าหลงใหลบนริมฝีปาก V06 Heat Redสีแดงน้ำตาล มอบลุคร่าเริง แจ่มใสด้วยความเรียบหรูให้ดูสง่างาม V07 Inmost Desireเชียร์ ความเข้มสีฟ้าทิ้น Bordeaux มอบความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก เผยลุคที่แข็งแกร่งสุขุมนุ่มลึก V08 Peach Bloomสีโครอลเบจอบอุ่น มอบสีที่ใกล้เคียงผิวธรรมชาติมากที่สุดในแถบสีสัน เผยสีริมฝีปากสวยงามดั่งดอกไม้บาน V09 Innocent Moodเป็นธรรมชาติ สีเบจอวบอิ่ม ด้วยทิ้นสีแดงสว่างดูบริสุทธิ์สดใส V10 Golden Amberสีแอมเบอร์สุขภาพดี ด้วยสีแดงที่อ่อนหวานกระจ่างใส ดูสนุกสนาน Limited edition สีสันประกายระยิบระยับ ดูสนุกสนาน EX 1 Delight Orangeเชียร์ สีส้มสว่าง สร้างความรู้สึกถึงพลังบวก ลุคที่ชวนให้นึกถึงแสงอาทิตย์ที่สดใส EX 2 Sweet Upป็อปเชียร์ สีชมพูพาสเทล สีสันที่เสริมให้คุณดูอ่อนเยาว์ มีเสน่ห์และน่ารัก EYE COLOR DUO ดูโอ้คัลเลอร์ใหม่ ปรากฏความแตกต่างที่หลากหลายสีที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึก สีสันหลากหลายเด่นชัดและประกายชิมเมอร์เล็กละเอียดกลมกลืมเข้ากับผิว ความหลากหลายของความแตกต่างที่คำนวณอย่างรอบคอบทำให้เกิดความละเอียดอ่อน พาวเดอร์เนียนละเอียด และสีสันแปลกตา สีสัน เนื้อสัมผัส ความสว่าง ส่วนผสมที่คำนวณความลงตัวได้อย่างแม่นยำของสองเฉดสี สร้างความแตกต่างเพื่อมอบลุคให้น่าประทับใจ แนบสนิทไปกับผิวและผสมผสานอย่างลงตัว โดยไม่ทำให้อายแชโดว์เป็นฝุ่นละออง สามารถใช้เป็นอายแชโดว์และเป็นบราวน์แชโดว์ การร่วมสูตร 5R colors เผยความสวยงามมากยิ่งขึ้น เมื่อทาลงบนผิวกลมกลืนไปกับทุกเฉดสีผิว กระโจนเข้าสู่อารมณ์อันเร่าร้อนด้วยสีสันที่แปลกใหม่บนเปลือกตา 22 Lotus Breezeความมีเสน่ห์ สีสันเผยความรู้สึกมอบความละเอียดอ่อน เหมือนชื่นชมดอกบัวที่พลิ้วไหวท่ามกลาง tropical breeze 23 Tropical Passionสีสันอันเร้าร้อนที่เพิ่มความสดใสให้กับดวงตามีสีฉูดฉาด เหมือนผลไม้อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ 24 Jasmine Leiสีสว่าง สีสันที่มอบความนุ่มนวลให้กับเปลือกตา อย่างเหมาะสมลงตัว มอบความสง่างามชื่นชมราวกับดอกมะลิ EX10 Offbeat Flower (Limited edition)เงาที่ซ่อนอยู่ในความงดงามแปลกตาสีสันที่ดึงเอาเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ออกมา KANEBO EYE COLOR DUO : 4 เฉดสีใหม่ ( 1 เฉดสี : limited edition) KANEBO CUSTOM COMPACT R : 1 ชนิด (แยกจำหน่าย) KANEBO BRUSHTIP SET : 1 ชนิด (แยกจำหน่าย) สีตาที่เน้นความเย้ายวนของดวงตาและคิ้วด้วยสองเฉดสีที่สร้างความแตกต่างที่หลากหลาย ปรากฏการณ์ความงามใหม่ ลิปสติก KANEBO ROUGE STAR VIBRANT และอายแชโดว์ KANEBO EYE COLOR DUO พร้อมเชิญให้คุณสัมผัสแล้ว โดยวางจำหน่ายพร้อมกัน 1 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทุกสาขาเคาน์เตอร์แบรนด์ทั่วประเทศ ทั้งเอ็มโพเรียม เซ็นทรัลฯ โรบินสันฯ และในช่องทางออนไลน์เร็วๆ นี้
ข่าว • 5 ก.พ. 67
อ่าน
รีวิว ตัดแว่นสายตา Eye Deal Clinic มมส (ม.ใหม่) สุดประทับใจ : บอกต่อขอแนะนำที่นี่เลย
คลินิกสายตา : Eye Deal Clinicรีวิวคลินิกสายตาที่สุดประทับใจ และขอแนะนำที่นี่เลย Eye Deal Clinic (มมส)เรื่องสายตานี้เหมือนจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่สำหรับผมแล้วบอกได้เลยว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่สายตาเราผิดปกติ เคยมองชัดในระยะใกล้และใกล้ แล้วมองไกลกลายเป็นภาพเบลอ มองไม่ออก โดยเฉพาะในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าคนเราใช้สายตากันมากขึ้นโดยเฉพาะกับคำว่าหน้าจอ ฮิตที่สุดก็โทรศัพท์ ก้มเล่น ใช้ดวงตาสู้กับแสง เล่นทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังทำลายสุขภาพสายตา เมื่อไหร่ก็ตามครับถ้าสายตาเราสั้น หรือยาว แม้แต่สายตาเอียง ร่างกายเราจะแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัวผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดตั้งแต่จำความได้สายตามองเห็นชัดทุกระยะได้อย่างดี ช่วงอายุ 19 ปี ขึ้นปี 1 ระดับมหาวิทยาลัย เมื่อมองจอนำเสนอการสอนของอาจารย์ รู้สึกว่าตัวอักษรเบลอ ครั้งแรกก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่หน้าจอที่มันไม่ชัด จนระยะหนึ่งรู้สึกว่าปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ มาก เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลท้ายสุดแล้วคือสายตาสั้นครับ ครั้งแรกของการลองใส่แว่นที่มันชัดเจน พูดได้คำเดียวเลยว่า "แจ่ม แจ๊ม 555" ครั้งนั้นก็เลยต้องตัดแว่นใส่ ในครั้งนี้ก็ตัดครั้งที่ 2 แล้วบทความนี้ผมอยากจะแนะนำร้านตัดแว่นที่ผมสุดแสนประทับใจมาขอบอกต่อ บอกก่อนว่าไม่ใช่หน้าม้า แต่คือผู้รับบริการจริง ๆ ดีอย่างไร มาครับผมจะเล่าให้ฟังกับที่นี่เลย ... คลินิกสายตา Eye Deal Clinic ตรวจวัดสายตาโดยหมอสายตา (นักทัศนมาตร) ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง1. จองคิวตรวจวัดสายตาง่าย ๆ ผ่านเพจ Facebook : Eye deal clinic - แว่นตาพร้อมเลนส์คุณภาพ หรืออยากสอบถามรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ สามารถส่งข้อความไปที่เพจได้เลยครับ มีแอดมินตอบให้บริการดีมาก ๆ 2. บรรยากาศภายในคลินิกดีมากเลยครับ มีมุมนั่งรอ นั่งเล่นสำหรับคนที่ไปด้วย ตากแอร์ฉ่ำ ๆ และสะอาดด้วย3. ขั้นตอนการตรวจสายตาละเอียดมากครับ 1 เคส ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย ตรวจละเอียดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและแม่นยำ โดยเฉพาะประสบการณ์ของนักทัศนมาตรที่มีประสบการณ์ในการเรียนรู้และตรวจสายตามากว่า 20 ปี และเคยเป็นอาจารย์สอนในระดับมหาวิทยาลัยมาก่อน พูดได้คำเดียวว่าเป๊ะเริ่มตั้งแต่ตรวจการมองเห็นตรวจระบบกล้ามเนื้อตาตรวจหาโรคเกี่ยวกับตา (เบื้องต้น)ตรวจวัดค่าสายตาใช้เวลา ตรวจประมาณ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่าเป็นกรณีไปนะครับ ดังนั้นสำหรับคนที่อ่านบทความนี้แล้วสนใจแนะนำให้ติดต่อสอบถาม และจองคิวที่เพจได้เลย4. ความใส่ใจของนักทัศนมาตรในการตรวจใส่ใจมาก เป็นกันเอง รู้สึกสบาย ๆ ไม่เกร็งหรือเก้อเขินในการขอตรวจสายตาซ้ำ เพื่อให้ค่าสายตาของเราที่ออกมาพอดีกับสายตาเราจริง ๆ 5. ค่าใช้จ่ายไม่สูง เริ่มต้นที่ 690 บาท (รวมตรวจทุกอย่างแล้วด้วยนะครับ) และมีราคาที่สูงขึ้นตามความพึงพอใจของเรา ว่าจะเอาแบรนด์ไหน คุณภาพแบบไหน ทางร้านจะแนะนำเราอย่างดีในการให้เลือกตัดสินใจ และต้องบอกว่าทางร้านเขาเน้นคุณภาพและแบรนด์อยู่แล้วครับ แต่ราคาไม่สูงเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพสินค้า การตรวจ และบริการหลังการตัดแว่น6. มีรูปแบบเลนล์ กรอบให้เลือกหลากหลาย ทดลองจนมั่นใจว่าเข้ากับใบหน้าของเรา และมีอุปกรณ์ดูแลแว่นครบ สวยงาม Product Design ดูดีสุด ๆ7. บริการหลังการตัดแว่นดีมาก นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมตัดสินใจเลือกกลับมาตัดแว่นที่ Eye Deal Clinic แห่งนี้เป็นครั้งที่ 2 เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ผมได้รับแว่นไปแล้ว ทางร้านก็มีบริการดูแลตลอด แว่นหลวม หรือยางที่ตรงจมูกแว่นเปลี่ยนสี ก็ไปเปลี่ยนได้ฟรี บริการดีเหมือนไปตัดแว่นใหม่ แต่ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าทำแว่นแตก ตัดใหม่ จ่ายเองนะครับ 55555สำหรับตัวผมเองรู้สึกประทับใจทุกครั้งที่ได้มาใช้บริการที่นี่ และอยากแนะนำเลยนะครับ โดยเฉพาะนิสิต มมส คนที่อยู่ในจังหวัดมหาสารคามหรือใกล้เคียง หรืออยากตัดแว่นออนไลน์เพียงแค่ส่งค่าสายตาให้ทางร้าน ติดต่อพูดคุยสอบถามในเพจ บริการส่งออนไลน์ด้วย คลินิกสายตา Eye Deal Clinicที่ตั้ง : อยู่โค้งตลาดคลองถม ท่าขอนยาง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ม.ใหม่) อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคามพิกัด GPS : https://maps.app.goo.gl/Eh6W89p54dGJ4j4c9 หรือหากหาไม่เจอสามารถติดต่อได้เบอร์โทรศัพท์ที่เพจทางคลินิกเพจเฟซบุ๊ก : คลิกเลย Eye deal clinic - แว่นตาพร้อมเลนส์คุณภาพ https://www.facebook.com/DoctorOfOptometryProgram?locale=th_THเปิดให้บริการ จันทร์-เสาร์ เวลา 16.00-21.00 น. (วันเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้จองคิวที่เพจก่อนจะได้เวลาที่แม่นยำนะครับภาพหน้าปก/ภาพประกอบ : ภาพทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
NOPKUN•KD • 17 ม.ค. 67
อ่าน
รีวิว Marine Energy Eye Mask มาส์กใต้ตาไฮโดรเจลจากแบรนด์สัญชาติเกาหลี Shangpree
Item นี้ขอหยิบมารีวิวสำหรับมาส์กใต้ตาจากแบรนด์ Shangpree (ชางพรี) ไลน์สกินแคร์จากประเทศเกาหลีใต้ โดยคำเปรยของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือ “เติมน้ำให้ผิว ล้ำลึกด้วยคุณค่าจากท้องทะเลลึกและสาหร่าย” แน่นอนว่าส่วนประกอบที่ขาดไปไม่ได้เลยนั่นก็คือสารสกัดต่าง ๆ จากท้องทะเลลึก งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าใน 1 กระปุกนี้มีอะไรบ้าง ? Package และโทนสีของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เน้นไปทางสีเขียว-ขาวใช้สีสันในการเชื่อมโยงกับสารสกัดที่ใส่มาในตัวผลิตภัณฑ์ หน้ากล่องเป็นรูปหญิงสาวที่กำลังใช้แผ่นมาส์ก ด้านข้างกล่องจะบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์ เช่น ส่วนประกอบทั้งหมดและวิธีใช้งาน โดยชี้บ่งด้วยภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ กระปุกเป็นรูปทรงกลม หยิบจับถนัดมือ ภายในบรรจุแผ่นมาส์กชนิดไฮโดรเจลจำนวน 60 คู่ น้ำหนักสุทธิ 1.4 กรัม ในราคา 990 บาท ลักษณะของแผ่นมาส์กหนานุ่ม ลื่น ๆ ไม่บาดผิว เมื่อแปะลงบนผิวหน้าจะให้ความรู้สึกหนึบ ๆ เกาะติดกับผิว ไม่หนักและไม่หลุดง่ายจนกว่าเราจะดึงมันออกเอง ตัวแผ่นไฮโดรเจลมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเลย คือ สามารถดูดสารบำรุงไว้และซึมลงผิวได้ดี ไม่สูญเสียความชุ่มชื้นและไม่ดึงความชุ่มชื้นจากผิวกลับเข้าสู่แผ่นมาส์ก และอีกหนึ่งจุดเด่นคือความเย็น สามารถช่วยลดอุณภูมิของผิวลงได้ เมื่อใช้เสร็จแล้วรู้สึกได้ทันทีว่าผิวเราเย็นลง ทำให้สดชื่น ช่วยลดอาการแดงหรือคล้ำของผิวบริเวณนั้น First impression คือ กลิ่นค่ะ กลิ่นเป็นเอกลักษณะมาก เราคิดว่านี่เป็นกลิ่นจากธรรมชาติที่ปราศจากการตกแต่งใด ๆ เนื่องจากส่วนประกอบที่สำคัญของแผ่นมาส์กใต้ตาตัวนี้ได้แก่ สารสกัดสาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina extract) ช่วยในเรื่องการดีท็อกซ์ผิว ความชุ่มชื้นและเติมแร่ธาตุต่าง ๆสารสกัดไข่มุก (Pear extract) ช่วยในเรื่องผิวกระจ่างใสสารสกัดคอลลาเจนจากทะเลลึก (Marine extract) ช่วยในเรื่องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวความน่าใช้ของผลิตภัณฑ์คือมันช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้น สามารถแปะแผ่นมาส์กได้ทุกจุดไม่ว่าจะเป็นใต้ตา หน้าผาก คาง ร่องแก้มและลำคอ สำหรับเราแปะระหว่างทำงานมันให้ความรู้สึกสบายใต้ตามากจนบางทีลืมไปเลยว่ากำลังมาส์กอยู่ จุดหักคะแนนสำหรับเราน่าจะเป็นช้อนที่ให้มามันค่อนข้างจะตักแผ่นมาส์กได้ยากเพราะด้วยความชุ่มฉ่ำของเซรั่มและความเป็นมาส์กแบบไฮโดรเจลที่ลื่นๆ ถ้าสมมติว่าเป็นที่คีบน่าจะหยิบใช้สะดวกมากขึ้นค่ะ nbsp; สำหรับตัวมาส์กนี้มีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Official fan page : Shangpree Thailand ส่วนช่องทางการสั่งซื้อ สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือทางออนไลน์ได้เลยน้าา ปล.ของแท้ต้องมี QR CODE แปะที่หน้ากล่องนะคะ รูปภาพหน้าปกสร้างสรรค์โดย : https://www.canva.com/รูปภาพประกอบโดยครีเอเตอร์เอง อ่านรีวิวไอเทมเด็ด ๆ เกี่ยวกับความสวย ได้ที่นี่
เจ้านายตะขาบกับแยม • 4 พ.ย. 66
อ่าน
ความเห็นหลังชม Eye of the Storm (2023) ไต้หวันชั้นเยี่ยมที่จัดการอารมณ์ได้อย่างอยู่หมัด เหมือนไม่มีอะไรแต่อึดอัดกดดันลุ้นแทบลืมหายใจ
Short CommentEye of the Storm (2023)ไต้หวันชั้นเยี่ยมที่จัดการอารมณ์ได้อย่างอยู่หมัด เหมือนไม่มีอะไรแต่อึดอัดกดดันลุ้นแทบลืมหายใจเมื่อบทความก่อนหน้านี้ไม่นานดูไปบ่นไปเพิ่งได้ดูและเขียนถึงหนังจากไต้หวันที่เหมือนมาเอาฮาคือ Marry My Dead Body แต่งงานกับผี (2022) ที่หน้าฉากเป็นทีเล่นแต่เนื้อในเป็นทีจริงซึ่งก็คือเอกลักษณ์ของหนังไต้หวัน อีกประการที่หนังไต้หวันเป็นเสมอมาคือเหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ที่ยุค 90 เพราะหนังไต้หวันเท่าที่ได้ดูมาการเล่าเรื่องการกำกับการตัดต่อแสงสีเงาและเพลงประกอบจะดูคล้ายกับดูหนังฮ่องกงยุค 90 แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือความเนี้ยบในการรังสรรบทภาพยนตร์ที่มักจะเป็นเรื่องพื้นฐานในชีวิตหรืออาจเรียกได้ว่าเล่าเรื่องชีวิตที่ธรรมดาเป็นดราม่าเรื่องบ้านๆที่ใครๆก็สามารถเจอกับตัวเองได้ และสิ่งนี้เองที่ทำให้คนดูมากมายที่ถ้าได้ลองดูหนังไต้หวันดูและก้าวผ่านการเล่าเรื่องที่อาจดูโบราณไม่หวือหวาเพราะเล่าเรื่องจากบทที่มีดราม่าเป็นที่ตั้งจะหลงไหลในความเป็นหนังไต้หวันเช่นเดียวกับผู้เขียนอาจเพราะตัวเองเป็นคนชอบแนวดราม่าก็มีส่วน แล้วถ้าหนังไต้หวันมาแบบเอาจริงแล้วเล่าเรื่องทางการแพทย์ล่ะจะเป็นยังไงยังจะเล่าเรื่องดราม่าบ้านๆพื้นฐานทางใจได้อยู่หรือไม่ก็น่าเชิญชวนไปพิสูจน์กันในเรื่องนี้เหตุเกิดในปี 2003 ในเช้าวันหนึ่งหมอเซี่ยเจิ้ง (หวังปัวเจี๋ย) กำลังจะออกเวรกลับบ้านซึ่งหนังเปิดหน้าให้คนดูรู้ว่าหมอเซี่ยกำลังอยู่ในภาวะง่อนแง่นในชีวิตคู่อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในหน้าที่หมอทำให้เกิดอาการเบื่อหน่ายซึ่งหนึ่งคนที่ไม่พอใจที่หมอเซี่ยเป็นที่มักจะไม่รับคนไข้คือบุรุษพยาบาลอั้งไทเหอ (เซิงจิงหัว) แต่เมื่อออกไปไม่เท่าไหร่หมอเซี่ยก็มีคนไข้ด่วนเข้ามาทำให้เขาต้องเข้ามาผ่าตัดคนไข้คนนั้นโดยมีผู้ช่วยคือแพทย์ฝึกหัดหลี่ซิงเหยียน (โคลอี้ เซียง) ที่รู้สึกไม่ต่างจากบุรุษพยาบาลอั้งและสองคนนี้เป็นคู่รักกัน แต่แล้วเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นโรงพยาบาลไทเปยูไนเต็ดก็ถูกปิดไม่ให้คนข้างในออกเพราะต้องสงสัยว่าจะมีผู้ป่วยโรคซาร์สเข้ารับการรักษาอยู่ แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มบานปลายเมื่อบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเริ่มล้มป่วยด้วยอาการของโรคที่ไม่รู้วิธีรักษา หมอเซี่ยจึงเริ่มค้นหาต้นตอของคนไข้ที่ต้องสงสัยคนแรกร่วมกับนักข่าวที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในขณะที่เมื่อมีผู้ป่วยมากขึ้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็ประท้วงเพราะโรคซาร์สเป็นอันตรายถึงชีวิตแล้วพวกเขาจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างไรเรียบง่ายสไตล์ไต้หวันที่มาตามครรลองของหนังแนวโรคระบาด เมื่อดูเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะไม่นึกถึงหนังแนวโรคระบาดคลาสสิคที่เคยผ่านตามาทั้ง Outbreak (1995) หรือ Contagion (2011) เพราะโครงเรื่องไม่ต่างกันคือมีการระบาดของโรคชนิดใหม่ที่ไม่มีทางรักษาและต้องสืบหาต้นตอคือพาหะนำโรคและในที่นี้คือคนไข้คนแรกที่เป็นโรคซาร์ส หนังไม่ได้บอกว่าอ้างอิงจากเรื่องจริงเลยไม่ทราบว่าสร้างจากเรื่องจริงหรือไม่แต่ก็เดาว่าใช่เพราะสถานการณ์ตอนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกจริง เพียงแต่หนังจากไต้หวันเรื่องนี้เลือกที่จะไม่หวือหวาเร้าใจแบบ Outbreak และไม่ไปทางละเอียดละเมียดเหมือน Contagion แต่มีสไตล์เป็นของตนเองนั่นคือเล่าจากภาวะภายในของบุคลากรทางการแพทย์เป็นตัวนำแล้วให้เหตุการณ์ที่ยากจะควบคุมเป็นตัวสนับสนุน หนังจึงออกมาไม่เร่งรีบค่อยๆไปผ่านมุมมองของสามตัวละครหลักที่ต้องติดอยู่ในโรงพยาบาลที่เกิดการระบาด แล้วเมื่อโรคระบาดจะสามารถทำให้ตายในเวลาอันรวดเร็วภาวะข้างในและสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดจึงโดดเด่นทำให้กลายเป็นความเหมือนที่แตกต่างอาจไม่หวือหวาเร่งเร้าแต่จัดการอารมณ์คนดูได้อย่างอยู่หมัดทั้งอึดอัดกดดันลุ้นแทบลืมหายใจ แน่นอนเมื่อเล่าเรื่องจากความรู้สึกของตัวละครสิ่งแรกเลยคือคนดูจะรู้สึกไปกับตัวละครคือหวาดหวั่นไม่เข้าใจสงสัยและกลัวตาย สิ่งนี้ทำได้ดีเพราะไม่ว่าจุดไหนก็ไม่น่าไว้ใจอาจเพราะคนดูเคยมีประสบการณ์ร่วมมาแล้วตั้งแต่ตอนนั้นหรือตอนที่โควิดระบาด หนังยังพาตัวละครหลักทั้งสามคนให้ไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคิดหนักไม่ต่างจากอยู่ในสมรภูมิรบที่รู้ตัวว่าไม่มีทางชนะและเหมือนเดินไปหาความตาย ทำให้เหตุการณ์จากภายนอกมากดดันความรู้สึกภายในได้อย่างเคร่งตึงเช่นฉากที่หมอเซี่ยต้องไปส่งข้าวกล่องที่ต้องเดินผ่านทางเดินมืดๆที่แม้จะไม่ใช่หนังสยองขวัญแต่ก็กดดันแทบกลั้นหายใจ หรือจะอารมณ์ที่ต้องสั่นไหวเมื่อการต้องเดินเข้าไปสู่ปีกบีของบุรุษพยาบาลอั้งที่ไม่ต่างจากการร่ำลาคนรักคือหมอหลี่เดินเข้าสู่ลานประหาร ยังไม่นับไคลแมกซ์สุดท้ายที่เป็นการช่วยชีวิตคนด้วยหัวใจแม้ร่างกายจะแทบสิ้นแรงเพราะตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดที่อาจไม่ใช่การห้ำหั่นแอ็กชั่นแต่ลุ้นระทึกเร้าใจได้อย่างต้องทึ่งยังคงเป็นหนังที่มีหัวใจและเล่นเรื่องดราม่างายๆที่มองเห็นการเชิดชูบุคลากรทางการแพทย์ เรื่องของหมอที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวจนชีวิตคู่ต้องตกอยู่ในภาวะง่อนแง่นหรือเรื่องของหนุ่มสาวที่มีฝันร่วมกันมีความรักสดใส แต่แล้วต้องมาเจอกับสถานการณ์ความเป็นความตายที่ทำให้บางอย่างอาจต้องเปลี่ยนไปที่ท้าทายความเป็นบุคลากรทางการแพทย์ด้วยหัวใจมองยังไงก็ยังเป็นเรื่องสามัญที่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะแพทย์และพยาบาลก็ยังเป็นคนที่เจ็บได้ร้องให้เป็น ซึ่งก็คือการเล่าเรื่องดราม่าธรรมดาที่เคยเห็นในแบบของไต้หวันแต่คราวนี้ชัดเจนว่ามาในทางเชิดชูบุคลาการทางการแพทย์ที่ย้อนกลับไปตอนนั้นที่กลายมาเป็นแนวทางเป็นบทเรียนให้ไต้หวันรับมือกับวิกฤติโควิดได้ดีที่สุดของโลกประเทศหนึ่ง หนังเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่วัดใจเห็นภาพของความโหดร้ายในการอยู่ในสนามรบที่ศัตรูคือสิ่งที่มองไม่เห็นแต่เป็นโรคที่ไม่รู้ว่าจะสู้กับมันยังไง ทั้งฉากที่พยาบาลล้มลงไปแล้วลุกขึ้นมาชูสองนิ้วหรือพยาบาลบอกให้คนไข้สู้ๆแต่ข้างหลังกำลังเข็นศพออกไป ยิ่งได้ตอนสุดท้ายที่มองเห็นเลยว่าความเสียสละของหมอและพยาบาลน่ายกย่องเชิดชูขนาดไหนและหนังเรื่องนี้ก็ทำเรื่องง่ายๆให้มีหัวใจด้วยความจับใจเมื่อบทหนังเอาดีได้การแสดงก็ออกมาในระดับที่สื่อสารกับคนดูได้ทุกความรู้ลึก เพราะบทหนังจัดการอารมณ์ด้วยความรู้สึกและสามารถจัดการได้อยู่หมัดทั้งเรื่องสถานการณ์บรรยากาศและและแน่นอนการสื่อสารความรู้สึกของตัวละคร แม้มิติตัวละครไม่ต้องเล่ามากเรื่องพื้นฐานเพราะหนังว่ากันที่เหตุการณ์เฉพาะหน้าทำให้เรื่องปูมหลังใส่มาไม่มากแต่น่าทึ่งคือมีผลต่อความรู้สึกตัวละครเต็มร้อย สำหรับหวังปัวเจี๋ยในบทหมอเซี่ยนั้นคนดูจะรู้สึกไปกับเขาเพราะความเป็นมนุษย์พ่อที่แม้มีปัญหากับคู่สมรสแต่ก็ยังรักลูกและแน่นอนเมื่ออยู่ท่ามกลางความเป็นความตายความรู้สึกนั้นจะมากำหนดแต่สุดท้ายหมอก็ยังเป็นหมอที่ไม่อาจทิ้งคนไข้ได้หวังปัวเจี๋ยทำให้คนดูได้ลุ้นไปกับการตัดสินใจของเขาจนแทบจิกเท้า ส่วนความมีอุดมการณ์ความโลกสวยทำหน้าที่ด้วยใจเต็มที่ทุกครั้งใส่ใจทุกคนของบุรุษพยาบาลอั้งของเซิงจิงหัวนั้นอาจไม่ซับซ้อนแต่มิติเชิงความรักของเขาเมื่อความฝันพังทลายคือจัดการได้หมดจด ส่วนตัวละครสมทบอื่นๆทั้งเล็กใหญ่ล้วนทำหน้าที่ได้ดีจนทำให้ในโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นแดนมิคสัญญีโดยแท้นับเป็นงานชั้นเยี่ยมที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของไต้หวันไว้เต็มที่และขายความดีงามนั้นได้ตรงจุด ใจกลางของพายุคือความหมายของ Eye of the Storm และหนังก็เล่าได้อย่างทรงคุณค่าเมื่อวางสถานการณ์ไว้ในสถานที่ที่จำกัดทำให้ยิ่งอึดอัดคิดหาทางออกไม่เจอ หนังยังได้งานเพลงที่ส่งอารมณ์เต็มที่ที่เมื่อเวลากดดันก็ทำได้ดีเมื่อเวลาต้องลุ้นก็ทำได้เยี่ยมและที่ต้องชื่นชมคือไม่โฉ่งฉ่างแต่เคล้าคลอเรื่อยๆ ด้วยการเล่าเรื่องไปตรงๆง่ายๆใช้ความรู้สึกข้างในของตัวละครมากำหนดอารมณ์คนดูด้วยเรื่องง่ายๆกับสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ที่ใส่มิติการเชิดชูบุคลากรทางการแพทย์ได้เนียนๆ ทั้งยังเก็บทุกรายละเอียดไม่มีทิ้งอะไรไว้กลางทางทุกสิ่งอย่างมีที่มาที่จะพาไปหาเหตุการณ์ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในสถานที่ปิดตาย นั่นหมายความว่าหนังค่อยกดอารมณ์คนดูทีละน้อยจนไปสู่อาการลุ้นระทึกในตอนสุดท้ายที่ก็ยังคงเป็นเรื่องง่ายๆคือการทุ่มทั้งชีวิตเพื่อช่วยชีวิต แม้หนังจะมีฉากสุดท้ายที่เป็นปลายเปิดแต่คนดูก็คิดเอาเองได้ว่าหนังเรื่องนี้ว่ากันที่หัวใจล้วนๆคือหัวใจของความเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ดี และนี่คือหนังเรื่องเยี่ยมที่ต้องเชิดชูไม่ต่างจากวีรกรรมของบุคลกรทางการแพทย์เหล่านี้ดูไปบ่นไปhttps://www.youtube.com/watch?v=xmGP4xsp2k8ab_channel=NetflixAsiaขอบคุณภาพประกอบภาพปก,ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7,8 จาก Instagram netflixtwVDO ตัวอย่าง จาก YouTube Netflix Asia ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/xyPA5Z6B14qMhttps://entertainment.trueid.net/detail/q572Qw8yGZMOhttps://entertainment.trueid.net/detail/OLOAzk4YbzVXแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”
ดูไปบ่นไป • 17 ส.ค. 66
อ่าน
รีวิว L'OREAL PARIS Revitalift Hyaluronic Eye Serum แก้ปัญหาผิวรอบดวงตา
ครีมใต้ตาใครว่าไม่จำเป็น รู้หรือไม่ว่าผิวบริเวณรอบดวงตา เป็นผิวที่บอบบางมาก เนื่องจากไม่มีโครงสร้างใต้เนื้อผิวมารองรับ จึงมักทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อคุณอายุ 25 ปี ขึ้นไป ธรรมชาติของผิวจะเริ่มมีริ้วรอยมาเยือน อันเนื่องมาจากการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนังลดลง พูดง่ายๆเป็นไปตามวัย และยิ่งไม่มีการปกป้องหรือชะลอความเสื่อมของผิวด้วยแล้ว ยิ่งมาเร็วกว่าธรรมชาติแน่นอน เซรั่มลดริ้วรอยรอบดวงตา L'OREAL PARIS Revitalift Hyaluronic Eye Serum ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ สำหรับสาวๆทุกคน เนื่องจากเนื้อสัมผัส เบาบาง ซึมเร็วนั่นเอง อายเซรั่ม ลอรีอัล ปารีส รีไวทัลลิฟท์ ไฮยาลูรอนิค เป็นเซรั่มสำหรับดูแลผิวรอบดวงตา ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ ผิวอิ่มฟู ริ้วรอยรอบดวงตาดูจางลง อย่างเห็นได้ชัด มีสารเด่นๆที่น่าสนใจเลย คือ 1.กรดไฮยาลูรอนิค 1.5 % ทั้งโมเลกุลเล็กและโมเลกุลใหญ่ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี 2.คาเฟอีน 1% เป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี 3. Niacinamide 4% ช่วยเสริมสร้างความแข็งให้ผิว ผิวไม่บอบบางแพ้ง่าย ลดการอักเสบของผิว 4.มี Triple Roller Applicator ช่วยนวดรอบริเวณรอบดวงตา ได้อย่างทั่วถึง กันเลยทีเดียว 5.ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ ซิลิโคน ช่วยลดการระเคืองสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย นอกจากสารเด่นๆที่เป็นจุดขายทางการตลาดของแบรนด์แล้ว ยังมีส่วนผสมอื่นที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น Ascorbyl glucoside ซึ่งเป็นวิตามินซีตัวที่เสถียร ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น สาร Secale cere ale seed (สารสกัดข้าวไรซ์) ช่วยให้ผิวกระชับ ลดการหย่อนคล้อย และสารอนุภาคของไตรเปปไทด์ ช่วยลดริ้วรอย ผิวเรียบเนียน สำหรับเซรั่มตัวนี้มีการทดสอบจากผู้หญิง 81 คน หลังใช้ 6 สัปดาห์ พบว่าริ้วรอยรอบดวงตาแลดูจางลง 21.9% สำหรับเนื้อเซรั่ม มีลักษณะใส ไม่เหลว ไม่หนืดมาก เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว เหมาะมากสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะในส่วนตัวเป็นภูมิแพ้ขึ้นตา มักจะมีอาการคันรอบดวงตา ผิวรอบดวงตาแห้ง เป็นขุย ใต้ตาเรามักจะบวม คล้ำ หลังใช้รู้สึกว่าผิวรอบดวงตาแข็งแรงขึ้น ลดบวม และรอยหมองคล้ำ ได้ระดับนึงเลยทีเดียว ในส่วนริ้วรอย แลดูจางลงเล็กน้อย แต่ผิวกระชับขึ้นแน่นอน สรุป เป็นเซรั่มที่ช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาของเราได้ดีทีเดียว ที่มีปัญหาหมองคล้ำ ริ้วรอย ได้ดีมากตัวนึง มีส่วนผสมที่ไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว ราคาแตะต้องได้ เมื่อเทียบกับแบรนด์ดังๆหลายแบรนด์ ตัวนี้ถือว่าไม่แพงเลยน้า ขวดนึง 20 ml ราคา 500-800 บาท ขึ้นอยู่กับแหล่งที่ซื้อ สำหรับใครที่อยากลอง ไม่แน่ใจ แนะนำให้หาซื้อช่วงโปรโมชั่นเลยจ้า ราคาน่าอุดหนุนจริงๆ ถ้าเทียบกับส่วนผสมที่ได้รับ มีคำถาม ข้อสงสัย ข้อแนะนำ คอมเม้นท์กันมาได้น้าาเครดิตภาพ Bw (ทุกภาพเป็นของ Bw)ผู้เขียน Bwอ่านรีวิวไอเทมเด็ด ๆ เกี่ยวกับความสวย ได้ที่นี่
ฺฺBw • 21 พ.ค. 66
อ่าน
รีวิว The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร) หนังแนวสืบสวนที่มีดีซ่อนอยู่ มาพร้อมกับการเล่าเรื่องแบบช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
รีวิว The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร) หนังแนวสืบสวนที่มีดีซ่อนอยู่ มาพร้อมกับการเล่าเรื่องแบบช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร)ิภาพยนตร์แนวสืบสวนเรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่จะพาผู้ชมไปติดตามการสืบคดีของนักสืบ Augustus Landor (รับบทโดย Christian Bale) ที่ถูกว่าจ้างให้ไปสืบคดีการฆ่าตัวตายของเด็กหนุ่มในโรงเรียนเตรียมนายร้อย เนื่องจากศพของเด็กหนุ่มที่ผูกคอตายได้ถูกผ่าหน้าอกและโดนขโมยหัวใจไป แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นไม่ได้ก็ได้มีเด็กหนุ่มคนอื่นตกเป็นเหยื่อถูกสังหารพร้อมกับถูกขโมยหัวใจไปเช่นเดียวกัน งานนี้ Augustus จึงต้องทุ่มเทเก็บหลักฐานทุกอย่าง พร้อมกับไปว่าจ้าง Edgar Allan Poe (รับบทโดย Harry Melling) นักกวีผู้ชาญฉลาดเพื่อให้มาช่วยไขปริศนาจากจดหมายของผู้ตาย ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร และใครกันแน่ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflixตัวอย่าง The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร)รีวิว The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร)สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเข้าฉายทาง Netflix มาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยเปิดตัวออกมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2023 ซึ่งโดยส่วนตัวผมได้ดูไปตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งมีเวลาว่างมาเขียนรีวิว ความรู้สึกหลังจากดูจบคือค่อนข้างชอบอยู่เหมือนกัน แม้ว่าตัวหนังอาจไม่ได้ซับซ้อนหรือหักมุมจนเกินคาดเดา แต่ตัวหนังก็มีดีและมีความน่าจดจำอยู่ไม่น้อย บทของเรื่องเปิดมาแบบเรียบง่ายแต่น่าติดตาม เสียอย่างเดียวเลยคือการดำเนินเรื่องนั้นค่อนข้างช้าไปซักนิด แต่โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบดูหนังที่ดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ ช้าๆ แบบนี้อยู่แล้วเลยรู้สึกเฉยๆ แต่หากเป็นคนที่ไม่ชอบดูแนวนี้ก็บอกได้เลยว่าอาจจะดูไม่จบ เพราะในช่วงแรกๆ มันช้ามากจริงๆ และอย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้หักมุมจนเหวอ ดังนั้น พอทุกอย่างเฉลยบางคนก็อาจจะรู้สึกว่าเสียเวลาที่อดทนดู แต่อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลจริงๆ ไม่มีผิดไม่มีถูกในส่วนของบทสิ่งที่ผมชอบคือการทำให้สถานการณ์นี้มันพลิกผัน ซึ่งหากใครดูแล้วจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนที่ไล่สังหารเด็กหนุ่มพวกนี้ก็คือตัวของนักสืบ Augustus หรือพระเอกของเรานี่แหละ เขาทำไปเพราะต้องการล้างแค้นให้ลูกสาวที่ถูกเด็กหนุ่มพวกนี้ข่มขืน แต่ความฉลาดของบทคือเขาใส่สถานการณ์วายป่วงเพิ่มมา นั่นคือการที่ศพของเด็กพวกนี้โดนขโมยหัวใจไป ด้วยเหตุนี้พระเอกของเราจึงต้องสืบต่อว่าใครกันที่เอาหัวใจไป เพราะเขาแค่ฆ่าอย่างเดียวแต่ไม่ได้ผ่าหัวใจไป โดยท้ายที่สุดก็สืบจนเจอว่าครอบครัวของหมอเป็นคนเอาหัวใจไปเพราะเอาไปทำพิธีเพื่อรักษาลูกสาว ซึ่งในจุดนี้ก็ไม่ได้เกินคาดเช่นกัน เพราะหนังให้เราได้เห็นความน่าสงสัยของหมอมาแต่ต้นเรื่องแล้วที่เขาชันสูตรศพผิดพลาด รวมถึงให้เห็นอาการป่วยของลูกสาวหมอ ผมเลยพอเดาได้อยู่ว่าน่าจะเป็นครอบครัวนี้ส่วนตัวผมมองว่าบทของเรื่องนี้ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือไม่ถึงกับดีจนต้องชื่นชม แต่ก็ไม่ถึงกับแย่จนทนดูไม่ได้ แต่สิ่งที่มาช่วยส่งเสริมหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Christian Bale ที่สามารถแบกหนังทั้งเรื่องนี้ได้อย่างสบายๆ รวมถึงเคมีระหว่างตัวละครพระเอกของ Bale กับ Edgar Allan Poe ที่ดูเหมือนคู่หูมาช่วยกันสืบคดี ซึ่งมันช่วยตัดอารมณ์และดึงดูดคนดูไว้ได้อยู่พอสมควร ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้นั้นถือว่าทำได้ดีมากๆ การถ่ายทำมุมกล้องต่างๆ ทำออกมาได้ดีจริงๆ โทนสีในภาพที่ใช้เป็นโทนเย็นกับแสงมืดๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศในเรื่องได้เป็นอย่างดี งานโปรดักชั่นยอดเยี่ยมทำได้สมจริง ทั้งฉากหลังและเสื้อผ้าหน้าผมทำออกมาได้ดูเหมือนอยู่ในปี ค.ศ.1830 จริงๆ สรุปโดยรวมเลยคือเป็นหนังสืบสวนที่ดูแก้เบื่อสนุกๆ ได้ แต่อาจยังไม่ดีพอถึงขนาดทำให้อยากดูซ้ำ อย่างไรก็ตาม รีวิวนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวของผม ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมดเพราะรสนิยมการดูหนังของคนเราต่างกัน ทางที่ดีคือคุณไปต้องไปดูและตัดสินมันด้วยตาของตัวเองสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง: The Pale Blue Eye (ปลดล็อกปริศนาล่าฆาตกร)ประเภท: สืบสวน, ระทึกขวัญ, ดราม่าความยาว: 130 นาทีระบบเสียง: เสียงไทยและบรรยายไทยช่องทางการรับชม: Netflix ผ่านกล่องทรูไอดีช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว Dog Gone (หมาหลง) เรื่องราวอันแสนอบอุ่นของหนุ่มไร้ฝันกับหมาเพื่อนซี้ #สร้างใหม่ได้มากรีวิว+เปิดวาร์ป Single's Inferno 2 (โอน้อยออก ใครโสดตกนรก 2) [2 ตอนแรก] การกลับมาของรายการเรียลลิตี้ยอดฮิตจากเกาหลีทำความรู้จัก+เปิดวาร์ป นักแสดงจาก Avatar: The Way of Water (อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ)รีวิว Single's Inferno 2 (โอน้อยออก ใครโสดตกนรก 2) ซีซั่น 2 ที่สนุกและดุเดือดยิ่งกว่าซีซันแรก รายการเรียลลิตี้น้ำดีจากเกาหลีที่ทุกคนไม่ควรพลาด!รีวิว The Glory ซีรีส์แก้แค้นสุดเข้มข้นจากเกาหลีที่ทุกคนไม่ควรพลาด!เครดิตทั้งหมดจาก Twitter: Netflix Indonesiaภาพปก: ภาพที่ 1 ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4วิดีโอ: The Pale Blue Eye | Official Trailer จาก Youtube: Netflix จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
ละเลงหนัง • 20 ม.ค. 66
อ่าน
รีวิว The Pale Blue Eye หนังอาชญากรรมไขคดีชวนลึกลับกับบทสรุปที่เหนือการคาดเดา
The Pale Blue Eye (2022) หนังอาชญากรรมไขคดีชวนลึกลับพร้อมบทสรุปที่เหนือคาด ซึ่งคุณภาพงานสร้างไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่หนังใช้เวลามากไปกับบทสนทนาที่ขาดสีสันและเล่ายืดเยื้อเกินความจำเป็นไปหน่อยในชั่วโมงแรก ถือว่าเป็นหนึ่งผลงานของทาง Netflix ที่ได้ขายงานแสดงของสุดยอดนักแสดงอย่าง 'คริสเตียน เบล (Christian Bale)’ ซึ่งนับว่าเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกให้กับทาง Netflix อีกด้วยเรื่องย่อ The Pale Blue Eyeว่าด้วยเรื่องราวของ ‘แลนดอร์ (Christian Bale)’ นักสืบวัยเกษียณได้ขอให้นักเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์นิสัยดีอย่าง ‘เอ็ดการ์ อัลลัน โพ (Harry Melling)’ มาช่วยเขาไขปริศนาคดีฆาตกรรมอันน่าสยดสยองที่โรงเรียนทหารของสหรัฐอเมริกาตัวอย่าง The Pale Blue Eye https://youtu.be/ddbL9jvg77wรีวิวและความรู้สึกThe Pale Blue Eye เป็นหนังสืบสวนฆาตกรรมที่เริ่มต้นได้น่าติดตาม เนื่องจากการฆาตกรรมที่ขวนสยดสยองเห็นแผลเหวอะหวะชัดเจนค่อนข้างน่าสนใจ แต่พอกลางเรื่องอารมณ์กลับรู้สึกชวนง่วงเข้าทุกทีเพราะการเดินทางของเรื่องราวมีความยืดเยื้ออย่างมากถ้าเทียบกับเวลาของหนัง 2 ชั่วโมง เนื้อหาของบทสนทนามีคำพูดแบบบทกวีที่บางทีก็ไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึง แต่หนังก็ทำในส่วนของบรรยากาศได้ดี มาในโทนมืดและสภาพแวดล้อมหม่น ๆ ชวนให้ไม่น่าไว้วางใจ มีความลึกลับซ่อนเงื่อนผูกปมบางอย่างไว้ให้ได้ลองครุ่นคิดตามความสนุกของหนังจะไปอยู่ในช่วงท้ายเมื่อเฉลยเรื่องราวที่แท้จริงและปมทั้งหมด เพราะบทสรุปออกมาเหนือความคาดหมายอย่างมาก เชื่อเลยว่าคงคาดไม่ถึงกับตอนจบที่หนังพาเรามาแน่ ๆ คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ต่างมีมิติน่าเคลือบแคลงชวนระแวงกันทั้งนั้น และการแสดงของตัวละครหลักที่แสดงโดย ‘คริสเตียน เบล (Christian Bale)’ ก็ยังเป็นมาตรฐานที่ดีเหมือนเดิม ซีนอารมณ์ของแกคือเก็บอยู่ทุกซีน เข้าฉากกับตัวละครคนไหนก็ช่วยทำให้การแสดงของทุกตัวละครในฉากนั้นออกมาสมบูรณ์ในทุกรายละเอียดหมดจดสรุป เป็นหนังฆาตกรรมที่ลึกลับพร้อมกับการเล่าเรื่องที่ยากเกินคาดเดา เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจและตัวละครที่น่าสงสัย แต่จุดน่าเสียดายคือการนำเสนอช่วงแรกดันยืดเยื้อด้วยบทสนทนาไม่น่าดึงดูด เลยไม่แปลกที่หลายคนเทเสียก่อน แต่บอกเลยว่าถ้าทนไปถึงชั่วโมงหลังได้คือสนุกตามแบบฉบับของหนังสืบสวนคดีฆาตกรรมเลยและเกินทิศทางที่คาดเดาไว้ทั้งหมดแน่นอน คะแนน 7/10รายละเอียดข้อมูลหนังชื่อเรื่อง: The Pale Blue Eyeปีที่ฉาย: 2022ผู้กำกับ: Scott Cooperนักแสดงนำ: Christian Bale, Harry Mellingประเภท: อาชญากรรม/ลึกลับความยาวหนัง: 2 ชั่วโมง 10 นาทีระบบเสียง: มีพากย์ไทย/ซับไทยช่องทางการรับชม: Netflixเครดิตภาพ จาก Facebook: The Pale Blue Eyeภาพปก: ภาพ จาก Facebook: The Pale Blue Eyeภาพประกอบ: ภาพที่ 1/ภาพที่ 2/ภาพที่ 3/ภาพที่ 4 จาก Facebook: The Pale Blue Eyeเครดิตวิดีโอวิดีโอที่ 1 จาก YouTube: Netflixคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน
PiawWS • 11 ม.ค. 66
อ่าน
รีวิว The Pale Blue Eye (2023) เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในโรงเรียนทหาร แต่หาคนร้ายไม่ได้
เข้า Netflix แล้ว กับหนังที่มีความยาวเนื้อหา 2 ชั่วโมง 10 นาที นำแสดงโดย Christian Bale มีพากย์ไทยด้วย เหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านซับใน Netflix เลย เรื่องย่อ https://www.facebook.com/ThePaleBlueEye/videos/1209724436418133 เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 80s เมื่อโรงเรียนทหารแห่งหนึ่งได้ซ่อนความสยองขวัญโหดร้ายเอาไว้ เมื่อมีการพบศพนักเรียนทหารที่ตายอย่างต่อเนื่องในค่ายทหารและวิธีการตายก็ทั้งแปลกและโหดไม่ว่าจะเป็นการผูกคอตาย หรือการที่อวัยวะภายในหายไป ทางโรงเรียนจึงจ้างนักสืบคนหนึ่งเข้ามาไขคดี ความรู้สึกที่ดู อย่างแรกเลย คาแรทเตอร์ของตัวนักสืบเอ็ดการ์ แอลลัน โพ ที่รับบทโดย Christian Bale มีความสมจริงและมีความมีมิติและสมเหตุสมผลในความเป็นมนุษย์ของตัวละครนี้อย่างมาก ซึ่งแม้เขาจะมีคาแรทเตอร์ของการเป็นคนขี้เบื่อ เนือยๆ ขี้เกียจ แต่เขาก็มีความจริงจังในการไขคดี ความสงสัย ความช็อกรวมไปถึงความเห็นอกเห็นใจเหยื่อและความหวาดกลัวลึกๆในรูปแบบคดีที่เกิดขึ้นในโรงเรียนทหารด้วยเช่นกัน ซึ่งการแสดงที่สมเป็นมืออาชีพของ Christian Bale บวกกับหน้าตาที่คมคายของเขาทำให้คนดูอยากจะไปตามล่าหาคำตอบพร้อมกันเลยกับปริศนาที่เกิดขึ้นกับหนังเรื่องนี้ และหนังก็มีมู้ดโทนของความตื่นเต้น ลึกลับ และระทึกขวัญเป็นอย่างมาก หนังเรื่องนี้ค่อนข้างเล่นกับจิตใจของคนดูพอสมควรและแฟชันยุค 80 จากในเรื่องบวกกับบรรยากาศหนาวๆของหิมะในโรงเรียนทหารก็ดีมากๆด้วย การเล่าเรื่องค่อนข้างนิ่งๆเนิบๆพอสมควร แต่สนุก สนุกมาก และแอบเครียดมากด้วยเช่นกัน จนต้องขอลุกไปกินยาแก้ปวดหัวและยาแก้เครียดกลางคันกันเลยทีเดียวเพราะใส่ปมปริศนาเข้ามาจนเดาทางกันไม่ได้เลยจริงๆว่าใครกันแน่ที่เป็นคนลงมือทำและใครในเรื่องกันแน่ที่กำลังพูดโกหกหรือปิดบังบางอย่างอยู่ จนอยากจะชวนโคนันมาร่วมไขคดีสืบหาความจริงไปด้วย และทุกอย่างคงจบใน 30 นาทีถ้ามีเด็กแว่นนี้ คะแนนรีวิว 8/10 เหมาะสำหรับคนที่รักในหนังสืบสวนสอบสวน ลึกลับธธิลเลอร์ และโลเคชันกับแฟชันคอสตูมในเรื่องเต็มสิบให้ล้านคะแนนแน่นอน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว Wednesday (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday จากบ้าน Addams จากบ้าน Addamsรีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผนรีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 โดย The Pale Blue Eyeรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย The Pale Blue Eyeคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน
InfpT • 8 ม.ค. 66
อ่าน
เรื่องราวของนักกระบี่ที่ทวงความยุติธรรมให้ชาวบ้าน / รีวิวหนัง Eye for an Eye (2022) ยอดกระบี่ไร้เทียมทาน
หนังเรื่อง Eye for an Eye (2022) ยอดกระบี่ไร้เทียมทาน เป็นหนังของทางประเทศจีน ได้นักแสดงนำอย่าง Miu Tse รับบท นักกระบี่ ซึ่งเขารับบทเป็นนักกระบี่ตาบอดที่ตามล่าค่าหัวเหล่าโจร ซึ่ง Miu Tse มีผลงานการแสดงเช่น IP Man: The Awakening Master (2021), Fighting Darksider (2022) และ Destruction of Opium at Humen (2021) หนังยังได้นักแสดงหญิงอย่าง Gao Wei Wan รับบท หญิงชาวบ้าน เธอได้รับความไม่ยุติธรรมจากลูกชายของขุนนาง เธอจึงได้รับความช่วยเหลือจากนักกระบี่ตาบอด ซึ่ง Gao Wei Wan มีผลงานการแสดงเช่น Exorcist (2022), Special Police and Snake Revenge (2021) และ the Warriors (2018) หนังยังได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง Yang Bing Jia ซึ่งมีผลงานกำกับภาพยนตร์เช่น Destruction of Opium at Humen (2021)ตัวอย่างภาพยนตร์https://www.youtube.com/watch?v=zMoI1jMG5lgรีวิวภาพยนตร์หนังเรื่อง Eye for an Eye (2022) ยอดกระบี่ไร้เทียมทาน หนังแนวแอ็กชัน เล่าเรื่องราวของนักกระบี่ตาบอดที่ต้องการคืนความเป็นธรรมให้กับหญิงชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเธอถูกลูกชายของขุนนางกลั่นแกล้ง สาเหตุที่นักกระบี่ตาบอดช่วยหญิงชาวบ้านนั้น เพราะเธอให้เขามาร่วมงานแต่งงานเธอด้วย นักกระบี่ตาบอดจึงคืนความยุติธรรมให้กับเธอ หนังความยาว 1 ชั่วโมงกว่า เล่าเรื่องได้กระชับมากครับ หนังเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง คือการเล่าเรื่องไปข้างหน้า ไม่ค่อยมีการย้อนอดีตไปมา ทำให้ผู้ชมเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่าย หนังดำเนินเรื่องได้สนุกและน่าติดตามตลอดครับ ทำให้ดูแล้วไม่เบื่อตลอดการรับชม ในส่วนของฉากแอ็กชัน หนังออกแแบคิวบูีได้มันมากครับ ตัวเอกที่เป็นนักกระบี่ตาบอดเก่งมาก ๆ สามารถจัดการทหารได้หลายคน และเมื่อรู้ว่า นักกระบี่ตาบอดคนนี้คือใครกันแน่ ทำให้ผู้ชมเข้าใจได้เลยว่า ทำไมเขาถึงต่อสู้ได้เก่งขนาดนี้รีวิวตัวละครMiu Tse รับบท นักกระบี่ - เขาเป็นนักกระบี่ตาบอดที่มีฝีมือที่เก่งมาก ๆ และไม่ลังเลที่จะฆ่าศัตรู ซึ่งปกติแล้ว เขาทำงานเป็นนักกระบี่ให้กับทางการเพื่อล่าค่าหัว แต่เขากลับได้รับไมตรีจากหญิงชาวบ้าน ซึ่งหญิงชาวบ้านคนดังกล่าวถูกลูกชายขุนนางรังแก นักกระบี่ตาบอดจึงเข้ามาช่วยเหลือเธอ Miu Tse รับบทเป็นนักกระบี่ได้เท่มาก ๆ เวลาถึงฉากต่อสู้ เขาทำหน้าตาได้ดุดัน เคร่งขรึม สมกับเป็นนักกระบี่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างมากGao Wei Wan รับบท หญิงชาวบ้าน - เธอให้นักกระบี่ตาบอดที่เพิ่งรู้จักกันมาร่วมงานแต่งงานของเธอ แต่เธอกลับถูกรังแก เธอจึงติดตามนักกระบี่ตาบอดเพื่อทวงคืนความยุติธรรม Gao Wei Wan รับบทนี้ได้สมจริงดีมากครับ เธอแสดงหน้าตาได้อย่างมีความสุข แต่เมื่อเธอถูกขุนนางกลั่นแกล้ง เธอกลับกลายเป็นคนละคนกันเลยจากตอนต้นเรื่อง ถือว่าเธอแสดงบทนี้ได้เยี่ยมมากครับรีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของกระผมนะครับ หากท่านผู้อ่านมีหนังหรือซีรีส์แนะนำ สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ สำหรับใครกำลังหาหนังจีนต่อสู้สนุก ๆ ฉากต่อสู้ที่มันและดุเดือดมาก ๆ กระผมขอแนะนำเรื่องนี้ครับ ขอบคุณ ตัวอย่างภาพยนตร์ จาก iQIYI DISTRIBUTIONขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจากภาพปก / ภาพ1 / ภาพ2 / ภาพ3 จาก Baidu จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
Fias • 15 ต.ค. 65
อ่าน
เปิดตัว “Salmon Eye” สถาปัตยกรรมลอยน้ำจากนอร์เวย์
สถาปัตยกรรมลอยน้ำ เพื่อสัตว์น้ำเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 นอร์เวย์ได้เปิดตัวแซลมอน อาย (Salmon Eye) ในฮาร์เดนเจอร์ฟยอร์ด สำหรับเป็นพื้นที่จัดแสดงและนิทรรศการสัตว์น้ำ โดยตัวอาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น และชั้นที่ 1 อยู่ใต้น้ำ สำหรับให้ผู้เข้าชมสามารถรับชมชีวิตสัตว์น้ำและระบบนิเวศใต้น้ำได้ เพื่อทำให้ผู้เข้าชมตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งอาหารใต้น้ำ อีกทั้งยังมีการให้ความรู้ด้านการเลี้ยงปลา และการผลิตปลาแซลมอน เพื่อสร้างองค์ความรู้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนตัวอาคารออกแบบโดยบริษัท ควอร์นิ่งดีไซน์ (Kvorning Design) และครีเอทีฟ เทคโนโลยี เอเอส (Creative Technologies AS) อันเป็นบริษัทด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลก ซึ่งมีโครงสร้างหนักประมาณ 1,200 ตัน ทำเป็นรูปทรงกลม คล้ายกับตาของปลา และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เมตรส่วนข้างในเตรียมจัดเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการแบบโต้ตอบ พร้อมทางลาดให้เดินชมผลงานตลอดอาคารนอกจากนี้ยังมีการสร้างท่าเรือติดกับตัวอาคาร เพื่อใช้เป็นสถานที่เทียบเรือ สำหรับรับส่งผู้โดยสารจากชายฝั่ง โดยผู้สร้างหวังว่า สถานที่แห่งนี้ จะช่วยดึงดูดผู้มาเยือนและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอนาคตของการทำฟาร์มทางทะเลโดยแนวคิดของโครงการแซลมอน อาย เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 ส่วนกระบวนการออกแบบและก่อสร้างเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ก่อนจะพัฒนาจนแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปี 2022 และทำการเปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 นี้เพื่อการปกป้องทะเลอย่างยั่งยืนสำหรับนอร์เวย์นั้น เป็นประเทศในทวีปยุโรปที่ขึ้นชื่อในเรื่องปลาแซลมอน จึงให้ความสำคัญกับปัญหาการทำฟาร์มทางทะเลและสิ่งที่เป็นอันตรายต่อทะเล รวมถึงการปกป้องทะเลและสัตว์น้ำทุกชนิด จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอาคารแห่งนี้ จึงออกมาในลักษณะที่ชวนให้นึกถึงปลาแซลมอนนั่นเองข้อมูลและภาพจากwww.designboom.com
TNN ช่อง16 • 23 ก.ย. 65
อ่าน
ใหม่! BIODERMA Sensibio H2O eye คลีนซิ่งสำหรับดวงตาและริมฝีปาก พร้อมบำรุงขนตา
หากพูดถึงคลีนซิ่ง Micellar water เชื่อว่าสาวหลายๆ คนคงทราบดีว่าเป็นคลีนซิ่งรูปแบบน้ำ (Cleansing water) ที่ใช้เช็ดทำความสะอาดผิว เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้า คราบน้ำมัน ฝุ่น รวมถึงเครื่องสำอางต่างๆ ได้อย่างหมดจด ถือเป็นขั้นตอนการทำความสะอาดผิวที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม แล้วผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เหมาะกับใครบ้าง ในเมื่อเราสามารถทำความสะอาดผิวหน้าด้วย Cleansing ชนิดอื่นได้ เช่น gel, foam, oil, cream, milk หรือ makeup remover โดยเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ความชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ วิธีการใช้งาน ความสะดวกในการพกพา ประสิทธิภาพความสะอาด ตลอดจนผู้ที่ชอบ double cleansing ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพื่อผลลัพธ์ของการมีสุขภาพผิวหน้าที่ดี ซึ่งปัจจุบันคลีนซิ่ง วอเตอร์ สูตรไมเซล่า ได้รับความนิยมและโด่งดังเป็นอย่างมาก มีลักษณะใสเหมือนน้ำธรรมดา ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำความสะอาดได้หมดจด ไม่อุดตัน ไม่เหนะหนอะ สะดวกพกพาช่วงเดินทาง มีคุณสมบัติคล้ายกับแม่เหล็กที่ดึงดูดสิ่งสกปรกต่างๆ มลภาวะ เครื่องสำอางและน้ำมันส่วนเกินออกจากผิว โดยไม่ทำให้น้ำมันตามธรรมชาติของผิวหายไป เพียงแค่เช็ดออกด้วยสำลีแผ่น และบางแบรนด์ก็ไม่จำเป็นต้องตามด้วยการล้างน้ำ เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบอ่อนโยน มอบสัมผัสที่สบายผิว คงความชุ่มชื้น เหมาะกับทุกสภาพผิว ข้อดีอีกอย่าง คือ ขณะแต่งหน้าสามารถลบเมคอัพจุดเล็กๆ ออกได้ ด้วยการหยดใส่สำลีก้าน (cotton bud) เช็ดทำความสะอาด รอให้แห้งแล้วแต่งหน้าทับได้เลย เรียกได้ว่าเป็นไอเทมที่ควรมีติดไว้ทุกบ้าน BIODERMA (ไบโอเดอร์มา) เวชสำอางชั้นนำจากฝรั่งเศส ผู้คิดค้นคลีนซิ่งวอเตอร์ สูตรไมเซล่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่โด่งดังในตำนาน อ่อนโยนต่อผิว ช่วยเสริมปราการให้ผิวแข็งแรง พร้อมปลอมประโลมผิว เหมาะกับผิวบอบบางโดยเฉพาะ วันนี้ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด BIODERMA Sensibio H2O eye (ไบโอเดอร์มา เซ็นซิบิโอ เอชทูโอ อาย) อาย เมคอัพ รีมูฟเวอร์ ทำความสะอาดหมดจด แม้เครื่องสำอางกันน้ำ รวมทั้งฝุ่น PM2.5 เป็นไบโอมิเมติก ไมเซล่า สูตรอ่อนโยน ลบง่าย หมดเกลี้ยง ไม่ต้องล้างน้ำออก สำหรับผิวรอบดวงตาและริมฝีปาก ตอบโจทย์ผิวบอบบางแพ้ง่าย เวชสำอางที่ผ่านการวิจัยมาตรฐานแพทย์ผิวหนังและจักษุแพทย์ ด้วยสิทธิบัตร ไบเฟส ไมเซล่า วอเตอร์ ผสาน 3 คุณประโยชน์ที่มากกว่าความสะอาด ด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมของน้ำไมเซล่า วอเตอร์ 70% อ่อนโยน แม้ผิวแพ้ง่าย ไม่ทำให้แสบหรือระคายเคืองตา และออยล์ 30% ไม่ทิ้งความมัน เหนอะหนะ ไม่เป็นคราบ ผิวนุ่มชุ่มชื้น สบายผิว ลบง่าย ไม่ต้องออกแรงถู หลีกเลี่ยงริ้วรอย สะอาดหมดเกลี้ยง ทั้งเครื่องสำอางกันน้ำ ติดแน่น และมลภาวะ PM 2.5 สะอาดจนหยดสุดท้าย บริสุทธิ์จนไม่ต้องล้างน้ำออก พกพาไปไหนก็สะดวก ผสานส่วนผสมโปรวิตามินบี 5 ช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาและริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้น เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตา ขนตาไม่หลุดร่วงง่าย บำรุงขนตาให้หนาและยาว ริมฝีปากกลับอิ่มนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมสิทธิบัตร DAF ร่วมกับ FOS ที่ช่วยปลอบประโลมผิวแพ้ ให้ผ่อนคลาย สบายผิวทันทีหลังใช้ ช่วยให้ปัญหาผิวแพ้ ระคายเคืองลดลง สร้างปราการผิวแข็งแรง ผ่านการทดสอบด้วยมาตรฐานจักษุแพทย์ มีค่า pH ใกล้เคียงผิว อ่อนโยน แม้ผิวแพ้ ระคายเคืองง่าย ใช้ได้แม้ใส่คอนแทคเลนส์ ปราศจากสี (สีฟ้าจากคอปเปอร์ช่วยกำจัดแบคทีเรียบนผิว) สารระคายเคืองผิว น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบนและสารกันเสีย วิธีใช้ : เขย่าขวดก่อนใช้ เพื่อให้เกิด แอคทีฟ ไบเฟส ไมเซล่าวอเตอร์ เทใส่สำลีแผ่นให้ชุ่ม เช็ดเบาๆ ไม่ต้องถูแรง เช็ดทำความสะอาดบริเวณดวงตาและริมฝีปาก BIODERMA Sensibio H2O eye (ไบโอเดอร์มา เซ็นซิบิโอ เอชทูโอ อาย) ขนาด 125 ml ราคา 550 บาท สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Watsons, Boots, EVEANDBOY, Beautrium และ Konvy
ข่าว • 26 ก.ค. 65
อ่าน
ครีมใต้ตา บอกลาความหมองคล้ำ Himalaya Under Eye Cream
นอกจากการบำรุงผิวหน้าและผิวกายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการบำรุงผิวรอบดวงตา เพราะดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจที่เราจะต้องใช้ในการพบปะกับผู้คนมากมาย หากผิวใต้ตาหมองคล้ำหรือมีริ้วรอยเหี่ยวย่นก็คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าริ้วรอยแห่งวัยมันจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่การบำรุงเสียแต่เนิ่น ๆ ย่อมช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ สำหรับวันนี้ขอแนะนำ Himalaya Under Eye Cream ภายใต้แบรนด์ Himalaya Since 1930 จากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน และแน่นอนว่าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใต้ดวงตาที่ได้รับความนิยมมากตัวหนึ่งส่วนประกอบจากสารสกัดจากธรรมชาติ ได้แก่Winter Begonia เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ในอายุรเวท มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาCipadessa-Baccifera เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาและให้ความชุ่มชื้น ช่วยชะลอและลดริ้วรอยแห่งวัยWheatgerm Oil คือน้ำมันจากจมูกข้าวสาลีที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและให้ความนุ่มชุ่มชื้นแก่ผิวรอบดวงตาวิธีใช้ : บีบใส่ปลายนิ้วมือเพียงเล็กน้อย มีเคล็ดไม่ลับว่าให้เลือกใช้นิ้วที่ไม่ค่อยถนัดอย่างนิ้วนาง เพราะการใช้นิ้วที่ไม่ถนัดจะทำให้ลงน้ำหนักมือนั้นมีความเบามือกว่า นั่นเพราะรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบาง ดังนั้นจึงการทาครีมจึงต้องเป็นไปอย่างเบามือค่ะ โดยก่อนจะทาใช้นิ้วนางของมืออีกข้างมาถูกับนิ้วที่บีบครีมไว้ เป็นการอุ่นครีมให้พร้อมที่จะซึมซับไปยังผิวรอบดวงตาได้ดียิ่งขึ้น จากนั้นก็แยกมือแต่ละข้างไปลูบไล้บริเวณใต้ตาหรือรอบดวงตาทั้งสองข้างพร้อม ๆ กันไปได้เลย ทั้งนี้สามารถใช้เป็นประจำทุกวันเช้าและเย็น และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวอีกด้วยจากการที่ได้ใช้ Himalaya Under Eye Cream ต้องบอกว่ารู้สึกชอบตรงที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมแต่งกลิ่นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่มีกลิ่นหอมใดใด แต่ก็จะได้กลิ่นของส่วนประกอบที่มาจากสารสกัดจากธรรมชาตินั้นอยู่บ้างนิดหน่อยค่ะ ที่สำคัญเมื่อใช้แล้วรอบดวงตามีความชุ่มชื้นขึ้น รอยหมองคล้ำดูจางลง และผิวรอบดวงตาดูสดใสมากขึ้น มีบางวันที่ลืมทาก็จะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปเหมือนกัน นอกจากนี้เมื่อใช้ต่อเนื่องไปสักพักรู้สึกได้ว่าริ้วรอยจางลงอีกด้วยค่ะ หลอดละ 15 มิลลิลิตร สามารถหาซื้อได้ใน Shopee ราคาประมาณ 150 บาท (อาจมีถูกหรือแพงกว่านี้ขึ้นกับผู้ขายแต่ละราย)เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดีดีอีกตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติน่าใช้และยังมีราคาที่สบายกระเป๋า ฉะนั้นอย่าลืมหาซื้อ Himalaya Under Eye Cream ครีมใต้ตามาบอกลาความหมองคล้ำรอบดวงตากันนะคะขอขอบคุณการออกแบบปกจาก Canva.com ภาพประกอบบทความที่ 1 โดย master1305 จาก Freepikภาพประกอบปกและภาพประกอบบทความที่ 2,3,4,5 โดย Pintas (ผู้เขียนเอง)ติดตามอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก Pintas💈💅 อ่านรีวิวบิวตี้ไอเทมเด็ดๆแบบอันลิมิเต็ดกับคอมมูนิตี้ TrueID woman ได้เล้ย💄✨เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
Pintas • 23 มี.ค. 65
อ่าน
"The Eye of Sanxingdui" ดีไซน์ใหม่ของพิพิธภัณฑ์ ที่แรงบันดาลใจจาก "ดวงตา"
ทีมสถาปนิกในประเทศจีนMADarchitect นำเสนอไอเดียการออกแบบพิพิธภัณฑ์ในเมืองกวงฮัน ชื่อว่า The Eyes of Sanxingdui ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะและอารยธรรมโบราณ ซานซิงตุย โดยถอดแบบของดวงตา มาเป็นจุดเด่นของการออกแบบอาคารนี้ภาพจาก MADสำหรับพิพิธภัณฑ์ The Eyes of Sanxingdui เป็นอาคารไม้ทั้งหมด 6 หลัง และพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการใหม่ของพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรม และศูนย์นักท่องเที่ยว จุดเด่นคืออาคารเมื่อมองจากด้านบนจะเป็นเหมือนกับทรงของ ดวงตา ทรงอัลมอนด์ ซึ่งเป็นลักษณะอันโดดเด่นที่ได้มาจากหน้ากากสำริดทอง หนึ่งในอารยธรรมโบราณซานซิงตุย ซึ่งขุดค้นพบบริเวณมณฑลเสฉวน เมื่อ 2800-4500 ปีก่อน และปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พร้อมกับสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ มากมายที่ค้นพบในพื้นที่ภาพจาก MADไฮไลท์คือการจัดแสงไฟในยามค่ำคืน มองแล้วราวกับเป็นดวงตาที่มีชีวิต โดดเด่นยามค่ำคืน อาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 90,000 ตารางเมตร ส่วนโครงสร้างด้านตะวันออกสุดของอาคารจะมีศูนย์นักท่องเที่ยวขนาด 5,830 ตารางเมตร นอกเหนือจากนี้จะเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการอีกห้าแห่ง ภายนอกพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการจะเชื่อมต่อกันด้วยหลังคาสีเขียวที่เป็นลูกคลื่น เชื่อมต่อไปยังพื้นที่สาธารณะให้เป็นที่ชมทัศนีย์ภาพโดยรอบภาพจาก MADนอกจากนี้การจัดลำดับอาคารยังวางลำดับได้ดี โดยผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์จะเริ่มต้นจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของ The Eyes of Sanxingdui ก่อนที่จะเดินผ่านห้องโถงนิทรรศการผ่านทางเดินใต้ดิน ส่วนตัวอาคารแต่ละหลังจะออกแบบ โครงสร้างไม้แบบโปร่ง เพื่อให้มีพื้นที่ภายในสำหรับรองรับการจัดวางผังนิทรรศการต่างๆ และให้แสงธรรมชาติส่องผ่านสกายไลท์บนชั้นดาดฟ้า ลงมาสู่ตัวอาคารด้านล่างได้ด้วยสำหรับกำหนดการก่อสร้าง ยังไม่ได้มีเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเมื่อสร้างแล้วเสร็จจะกลายเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในแง่ของการผสานการออกแบบ เข้ากับนวัตกรรมในการออกแบบที่ช่วยให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ราวกับมีชีวิตขึ้นอีกครั้งขอบคุณข้อมูลจากdezeen.comi-mad.comnewatlas
TNN ช่อง16 • 23 ก.พ. 65
อ่าน
วอลเปเปอร์เสริมดวง 2565 พร้อมดูดวงปังๆ กับหมอนก Bird Eye View และ Lazada
.ใครกำลังตามหา วอลเปเปอร์เสริมดวง และดวงแม่นๆ ปี 2565 ห้ามพลาดค่ะ! ลาซาด้าเอาใจสายมู ควงหมอนก Bird Eye View เปิดศักราชใหม่พร้อมคำทำนายสุดปังครบทั้ง 12 ราศีส่งวอลเปเปอร์มงคล เสริมดวงแบบจัดเต็ม 6 มกราคม 2565, กรุงเทพฯ ถึงเวลาเปลี่ยนศักราชก้าวเข้าสู่ปีขาล หรือปี 2565 อย่างเป็นทางการแล้ว เรียกได้ว่าช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการวางแพลนเรื่องต่างๆ ตลอดปี บางคนถึงกับทำลิสต์ New Years Resolutions ออกมาสำหรับจัดเตรียมแผนการต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรเงิน เรื่องสุขภาพ ความรัก หรือเรื่องการงานที่หลายคนอาจจะกำลังวางแผนขยับขยายสายงานหรือสร้างธุรกิจให้งอกเงย เพื่อหวังผลกำไรที่มากขึ้น ในปีนี้ลาซาด้าขอเอาใจสาวกมูเตลูแบบจัดเต็ม ชวนหมอดูชื่อดังอย่าง หมอนก เจ้าของเพจและยูทูป Bird Eye View ที่มียอดผู้เข้าชมถล่มทลายไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์เปิดไพ่ประจำเดือนในแต่ละราศี หรือ Pick a card ที่ใครเป็นสายมู ชอบดูดวงตัวจริงต้องเคยผ่านตามาแล้วอย่างแน่นอน งานนี้หมอนกไม่รอช้า เผยคำทำนายดวงแบบจัดเต็มครบทั้ง 12 ราศี ในทุกด้าน พร้อมแนะนำไฮไลท์ไอเทมมงคล เริ่มต้นปีอย่างมั่นใจ พร้อมทริกเสริมดวงเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละราศี ให้ปี 2565 นี้ เป็นปีสุดปังกันทั้งปีเลยทีเดียว และพิเศษสุดในปีนี้ลาซาด้าขอแจกวอลเปเปอร์มงคลเสริมดวง ทั้ง 4 ด้าน การงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ เป็นของขวัญรับปีใหม่ให้กับนักช้อปไทยได้ไปใช้และเริ่มต้นปีใหม่แบบดวงรุ่งพุ่งแรงไปพร้อมๆ กัน ตามไปเช็กดวงในราศีตัวเองแล้วดาวน์โหลดวอลเปเปอร์มงคลเสริมดวง มาใช้กันเลย! สายมู สายบุญ สายวางแผนชีวิต มารวมกันตรงนี้ให้พร้อมลาซาด้าจัดมาให้แล้ว วอลเปเปอร์เสริมดวง 2565 พร้อมดูดวงปังๆ กับหมอนก Bird Eye View และ Lazada เปิดประเดิมด้วย ราศีมังกร, ราศีกุมภ์, ราศีมีน 1. ราศีมังกร ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม - 21 มกราคม การงาน: มีโอกาสได้โยกย้ายปรับเปลี่ยนงานไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม การเงิน: โอกาสทางการเงินใหม่ ได้ริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ความรัก: คนโสด พบรักจากเพื่อนเเนะนำ คนมีคู่ ระวังผิดใจกันเพราะเรื่องเพื่อนฝูง สุขภาพ: ระวังปัญหาสุขภาพที่มาจากการเดินทาง Lucky item: ปากกาสีดำหรือดินสอสีดำเหมาะมากสำหรับการพกติดตัวไว้ เพราะว่าคุณอาจจะต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญทางการงานจะทำให้สัญชาตญาณคุณเเม่นยำมากขึ้น 2. ราศีกุมภ์ ระหว่างวันที่ 20 มกราคม - 18 กุมภาพันธ์ การงาน: ได้นำงานเก่าๆ ที่เคยคิดเเต่ไม่ได้ทำเอามาปัดฝุ่นใหม่ การเงิน: จะได้ช่องทางการลงทุนใหม่ๆ เข้ามาจากโลกออนไลน์ ความรัก: คนโสด พบรักกับคนที่อยู่ในชีวิตกันมานานเเล้ว คนมีคู่ ได้เปิดตัวกับเพื่อนเเละครอบครัวมากขึ้น บรรยากาศมีความสุข สุขภาพ: โรคเก่าๆ ที่เคยเป็นมาเเล้วมีเเนวโน้มได้วนกลับมาเป็นอีกครั้ง Lucky item: สร้อยคอรูปดาวจะเป็นตัวช่วยให้ความรักของชาวราศีกุมภ์สดใสมากขึ้น 3. ราศีมีน ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ - 20 มีนาคม การงาน: มีงานเร่งงานด่วนเข้ามาค่อนข้างวุ่นวาย ต้องติดต่อกับคนเยอะ การเงิน: มีช่องทางทางการเงินเข้ามามากกว่า 1 การลงทุนระยะสั้นให้ผลตอบเเทนที่ดีงาม ความรัก: คนโสด ได้พบเจอคนที่ถูกใจ เเต่เป็นคนไกลมีระยะทางเข้ามา คนมีคู่ มีเรื่องให้เสียความรู้สึกกับปัญหาเก่าๆ ที่วนกลับมาอีกครั้งในความสัมพันธ์ สุขภาพ: มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ บ่า หลัง ไหล่ คอ Lucky item: สมุดโน๊ตสีเขียวอ่อนจะทำให้การงานที่วุ่นวายของคุณไปในทิศทางที่ได้คนเข้ามาช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น ตามมาติดๆ ด้วยราศีเมษ, ราศีพฤษภ, ราศีเมถุน 4. ราศีเมษ ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม - 19 เมษายน การงาน: ได้ทำงานที่เป็นโปรเจคใหม่ๆ เเต่อาจจะต้องลุยเดี่ยว มีอิสระในการตัดสินใจในงานมากขึ้น การเงิน: หมดเงินไปกับสิ่งที่ไม่เต็มใจจะจ่าย เเละหมดเงินไปกับรายจ่ายเก่าๆ ที่วนเวียนมา ความรัก: คนโสด คนโสดพบรักกับคนที่ต่างทั้งนิสัยเเละการเติบโต คนมีคู่ สม่ำเสมอวางแผนอนาคตที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สุขภาพ: สุขภาพไม่มีปัญหาเเต่อยากให้ระวังเรื่องการเดินทางอย่างรอบคอบ Lucky item: ชุดโทนสีครีมหรือสีน้ำตาลจะช่วยส่งเสริมให้การงานของชาวเมษได้รับการสนับสนุนมากขึ้น 5. ราศีพฤษภ ระหว่างวันที่ 20 เมษายน - 20 พฤษภาคม การงาน: ระวังมีเรื่องให้เสียความรู้สึกกับคนในงาน เเละการทำอะไรเเล้วไม่บอกกันในการทำงาน การเงิน: มีรายได้เสริมมาจากการทำงานพิเศษหรือช่องทางการงานใหม่ๆ ที่งอกเงยเป็นเงิน ความรัก: คนโสด มีเเนวโน้มได้พัฒนาความสัมพันธ์กับคนเก่าๆ หรือคนที่เคยเห็นหน้าในชีวิตอยู่เเล้ว คนมีคู่ ระวังเรื่องคำพูดเข้ามามีบทบาทในความสัมพันธ์ทำให้เสียความรู้สึก สุขภาพ: ระวังโรคเก่าๆ ที่เกิดเเล้ววนกลับมาอีกครั้ง Lucky item: ความรักของชาวราศีพฤษภลองหาเคสมือถือสีชมพูมาใส่จะช่วยให้ความรักคุณราบรื่นเเละปังขึ้น 6. ราศีเมถุน ระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม - 20 มิถุนายน การงาน: ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานดีขึ้น มีอิสระในการทำงานมากขึ้น การเงิน: ได้ซื้อของชิ้นใหญ่เป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักที่ผ่านมา การเงินมีเเนวโน้มได้โชคลาภ ความรัก: คนโสด มีตัวเลือกเข้ามาเยอะมาก เเต่เหมือนคุณอาจจะไม่ได้จริงจังกับใคร คนมีคู่ ได้เดินทางไกลท่องเที่ยวกับคู่ มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องในความรัก สุขภาพ: ระวังภาวะความเครียด หรือเกี่ยวกับระบบประสาท Lucky item: วันไหนมีคุยงานสำคัญ ปากกาตัวด้ามเป็นสีเหลืองจะช่วยให้การงานของคุณเจรจาราบรื่นเเละประสบความสำเร็จ ถัดมากับราศี กรกฎ, ราศีสิงห์, ราศีกันย์ 7. ราศีกรกฎ ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน - 22 กรกฎาคม การงาน: พบมิตรที่ดีในการทำงานส่งเสริมให้การงานประสบความสำเร็จ การเงิน: รายจ่ายเก่าๆ วนเวียนกลับมา มีโอกาสได้ตัดสินใจลงทุนริเริ่มทำธุรกิจ ความรัก: คนโสด คนที่ใช่ก็ไม่ชอบ คนที่ชอบก็ไม่ใช่ มีรักเข้ามาเขาชอบเรา เราก็ไม่ถูกใจ ไปถูกใจอีกคนที่เขายังเปิดตัวเลือก คนมีคู่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องกับคู่ วางแผนอนาคตร่วมกันในระยะยาว สุขภาพ: สุขภาพคุณไม่น่าห่วง เเต่อยากให้ห่วงสุขภาพคนในครอบครัวต้องระวังหน่อย Lucky item: ปีนี้ถ้าอยากให้การเงินของคุณเก็บอยู่กระเป๋าเงินสีเงินหรือสีเทา จะช่วยให้ดูดเงินเข้ากระเป๋า 8. ราศีสิงห์ ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม - 22 สิงหาคม การงาน: งานเยอะมีทั้งงานเก่าที่เอามาปัดฝุ่นเเละงานใหม่ที่ไม่ได้ถนัดก็เข้ามา การเงิน: เงินหมุนเวียนดีขึ้นเยอะมาก มีช่องทางการเงินใหม่ๆ เข้ามาทั้งคุณเเละครอบครัว ความรัก: คนโสด ช่วงเวลาเเห่งการมูฟออน ได้เจอคนดีเข้ามาดูเเลหัวใจ คนมีคู่ มีการเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตความสัมพันธ์กันมากขึ้น สุขภาพ: สุขภาพไม่น่าห่วง เเต่อยากให้ระวังเรื่องการเดินทางรอบคอบเป็นพิเศษ Lucky item: card holder สีส้มเป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้การเจรจาทางการเงินของชาวราศีสิงห์ราบรื่นเเละคุณเป็นตัวเองมากขึ้น 9. ราศีกันย์ ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม - 22 กันยายน การงาน: การงานออกมาดีมาก เเต่ว่าผู้ใหญ่จับตาค่อนข้างเยอะทำให้ไม่มีอิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับงาน การเงิน: หมดเงินไปกับครอบครัว เเละของที่เล็งมานานว่าจะซื้อเเต่ไม่มีโอกาสสักที ความรัก: คนโสด พบรักกับคนไกล โดยเพื่อนฝูงน่าจะเป็นคนชักนำความรักเข้ามาให้ คนมีคู่ ระวังการทำอะไรลับหลังจะทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหากันในระยะยาว สุขภาพ: สุขภาพมีเเนวโน้มได้มีข่าวดี รวมไปถึงใครที่อยากทำศัลยกรรมช่วงนี้ดีมากปัง Lucky item: ปีนี้จะเก็บเงินให้อยู่ต้องกระเป๋าเงินสีขาว จะทำให้คุณเก็บเงินได้อยู่มากขึ้นเเละดึงโอกาสใหม่ๆ ทางการเงินเข้ามา ปิดท้ายลิสต์ 3 ราศี สุดท้ายด้วย ราศีตุลย์, ราศีพิจิก, ราศีธนู 10. ราศีตุลย์ ระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 22 ตุลาคม การงาน: การงานต้องรอบคอบ เพราะมีเเนวโน้มอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดในการสื่อสารเกิดขึ้นในงาน การเงิน: ได้ซื้อของบางอย่างที่เป็นการผ่อนระยะยาว เงินที่คาดหวังไว้อาจจะล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้ ความรัก: คนโสด ได้เจอคนที่จริงจังอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณระยะยาว คนมีคู่ มีเรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ความสัมพันธ์เเน่นเเฟ้นมากขึ้น สุขภาพ: ระวังโรคที่เกี่ยวกับความเครียดหรือระบบประสาท เเละระวังเรื่องการเดินทาง Lucky item: วันไหนต้องเจรจาเรื่องสำคัญในการทำงาน ชุดโทนสีฟ้าอ่อนน่าจะช่วยคุณได้ดีทำให้การสื่อสารคุณราบรื่นมากยิ่งขึ้น 11. ราศีพิจิก ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม - 21 พฤศจิกายน การงาน: ชีวิตมั่นคงมากยิ่งขึ้น เเผนที่วางไว้ได้เอามาลงมือทำ การเงิน: หมดเงินไปกับเพื่อนฝูง เเละได้ซื้อของบางอย่างที่ถูกใจ เเต่ครอบครัวไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ความรัก: คนโสด ได้มีตัวเลือกในเรื่องความรัก คนเข้ามาเยอะ เซ้นต์เเม่นยำเรื่องความรัก ใครไม่น่าไว้ใจก็ไม่น่าไว้ใจจริงๆ คนมีคู่ ปรับตัวกันค่อนข้างเยอะ เเต่มีเเนวโน้มจะประสบความสำเร็จสูงมาก สุขภาพ: ระวังปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับคอ กล่องเสียงเป็นพิเศษ Lucky item: สัญลักษณ์หัวใจไม่ว่าจะเป็นที่ห้อยมือถือหรือพวกกุญเเจ เเต่ขอเป็นหัวใจสีเเดง จะช่วยให้ความรักคุณสดใสราบรื่นมากขึ้น 12. ราศีธนู ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน - 21 ธันวาคม การงาน: งอกเงยในเรื่องเงินเเละผลประโยชน์ จะได้เพื่อนฝูงเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการงาน การเงิน: หมดเงินไปกับการเดินทางเเละค่อนข้างกะทันหัน การเงินที่คาดหวังมีเเนวโน้มที่อาจจะช้ากว่าที่คิดไว้ ความรัก: คนโสด คนเก่าก็เข้ามา คนใหม่ก็มีมา คุณยังไม่พร้อมที่จะตัดหรือเลือกใคร คนมีคู่ มีเเนวโน้มที่จะมีปัญหากันในเรื่องผลประโยชน์กับคนรัก เเต่ก็ได้กลับมาปรับความเข้าใจเเละตกลงกันได้ สุขภาพ: มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เเละปัญหาสุขภาพที่เป็นในวัยเด็กมีเเนวโน้มกลับมา Lucky item: มีเรื่องให้คิดเกี่ยวกับการเงินเยอะมาก ปีนี้กระเป๋าเงินสีม่วงจะดึงดูดสเน่ห์ทางการเงินมาให้คุณมากขึ้น เช็กดวงกันไปเรียบร้อย ลาซาด้าพร้อมแจกวอลเปเปอร์มงคลเสริมดวง 4 เรื่องจุกๆ ไม่ว่าจะช่วยอัพงานให้ปัง, เรื่องรักสุดรุ่ง, เงินในกระเป๋าไหลมาเทมา รวมไปถึงเรื่องที่ทุกคนอยากได้ในปีนี้ นั่นคือเรื่องสุขภาพ ใครรู้ตัวว่าอยากได้เรื่องไหนเสริมดวง เสริมความมั่นใจ แล้วมีแรงใจสู้ต่อกันไปอีกปี รีบดาวน์โหลดแล้วอัพหน้าวอลในโทรศัพท์ไว้ได้เลย หมอนก Bird Eye View รวมไพ่ความหมายดี หนุนดวงสุดปังมาให้แล้วตามไปดูกัน! เซ็ตการงานคลิกดาวน์โหลด เซ็ตการเงินคลิกดาวน์โหลด เซ็ตความรักคลิกดาวน์โหลด เซ็ตสุขภาพคลิกดาวน์โหลด 1.การงาน ปลุกไฟในการทำงาน เซ็ตการงานคลิกดาวน์โหลด ไพ่ ace of wands หมายถึงการริเริ่มหรือการสร้างอะไรใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในการทำงาน มีเป้าหมายทางการงานที่ชัดเจน เเละมีไฟในการทำงาน ไพ่ the emperor หมายถึง การงานที่มั่นคงได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่เข้ามา ทำให้งานราบรื่นมากยิ่งขึ้น ไพ่ the magician หมายถึง การลงมือทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จด้วยการใช้เวลา การลงมือทำ ความรู้สึก เเละความคิดสติปัญญา ไพ่ nine of cup หมายถึง ความสมหวังในสิ่งที่คุณตั้งใจหรือคาดหวังไว้ การเติมเต็มในสิ่งที่คุณคิดไว้ในการทำงาน 2.การเงิน โชคลาภจงมา เซ็ตการเงินคลิกดาวน์โหลด ไพ่ wheel of fortune หมายถึง โชคชะตาที่ชักนำโอกาสในเรื่องของการเงินมาให้กับคุณ เป็นกงล้อที่หมุนนำโอกาสใหม่ๆ ที่หลากหลายทางการเงินเข้ามาในชีวิตคุณมากขึ้น ไพ่ The High Priestess หมายถึง ความเเม่นยำในสัญชาตญาณเเละความเชื่อของคุณ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบความฝัน หรือการเห็นสิ่งต่างๆเเม่นยำมากขึ้น ไพ่ ace of pentacles หมายถึง โอกาสทางการเงินที่เข้ามาเเละเป็นโอกาสทางการเงินก้อนใหญ่ที่เข้ามาในชีวิต ไพ่ ten of pentacles หมายถึง โอกาสทางการเงินที่เข้ามาจากหลายทิศทาง เเละเป็นการเงินที่รวมๆ กันเเล้วเป็นจำนวนมากเเละมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 3.ความรัก เสน่ห์ดึงดูดคนที่ตรงสเปค เซ็ตความรักคลิกดาวน์โหลด ไพ่ the star หมายถึง ความสมหวังกับสิ่งที่คุณนั้นคิดไว้หรือสิ่งที่คุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าคุณชอบคนแบบไหนหรืออยากมีคนแบบไหนในชีวิต ไพ่ four of wands หมายถึง ความสัมพันธ์ที่มั่นคงเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว ครอบครัวเเละคนในชีวิตสนับสนุนให้ความสัมพันธ์เติบโตไปด้วยกัน ไพ่ ace of cups หมายถึง การเติมเต็มที่ความรู้สึก การได้เจอคนที่ใช่ เเละเป็นคนที่เติมได้เต็มไม่ว่าจะในเรื่องความสัมพันธ์เเละในเรื่องของชีวิต ไพ่ the lovers หมายถึง ตัวเลือกในเรื่องของความรัก โอกาสที่หลากหลายในเรื่องของความรักให้มีโอกาสได้เลือกคนที่ตรงกับใจคุณที่สุด 4.สุขภาพดีแข็งแรงตลอดปี เซ็ตสุขภาพคลิกดาวน์โหลด ไพ่ the temperance หมายถึง การรักษาสมดุลในชีวิตของคุณให้อยู่ในระดับพอดี การพักผ่อนที่พอดี ชีวิตที่พอดีไม่มากไปเเละไม่น้อยเกินไปในการจัดการชีวิตในเรื่องสุขภาพ ไพ่ the hierophant หมายถึง สิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองคุณไม่ว่าจะเป็นโรคภัยหรือการเดินทางให้ไปในทิศทางที่ราบรื่น ไพ่ queen of pentacles หมายถึง ความมั่นคงเเละความสามารถดูเเลชีวิตในทุกเรื่องให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนหรือการบริหารเวลาในชีวิต ไพ่ page of cups หมาย ถึงข่าวดีที่เข้ามาในที่นี้หมายถึงช่วงนี้ไม่ว่าคุณคิดหวังสิ่งใดเกี่ยวกับด้านสุขภาพจะไปในทิศทางที่ดีเเละจะมีข่าวดีเข้ามาในชีวิตคุณแบบกะทันหัน นักช้อปลาซาด้าอัพเดทดวงพร้อมรับวอลเปเปอร์มงคลกันแล้ว เตรียมหาไอเทมเสริมดวงประจำราศีตามคำแนะนำของหมอนกในแอปลาซาด้าได้ตั้งแต่วันนี้ รับรองดวงจะต้องเฮง ตลอดปี 2565 แน่นอน! รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.lazada.co.th หาฤกษ์มงคล วิธีการเสริมดวง สีมงคล คลิกเลย!https://bit.ly/3bVb3Xy หากยังอ่านดวงไม่จุใจ ติดตามอ่านดวงแบบอื่นๆ ได้ที่นี่ ดวงรายวัน ดวงรายสัปดาห์ ดวงรายปักษ์ ดวงรายเดือน เลขมงคล ฤกษ์มงคล
ดวงรายปี • 7 ม.ค. 65
อ่าน
ประมวลภาพ แคนนอน จัดทดสอบ Canon EOS R3 กล้องตัวแรกกับระบบ Eye Control AF
แคนนอนมาร์เก็ตติ้ง(ไทยแลนด์)จัดรอบสื่อมวลชนเพื่อร่วมทดสอบประสิทธิภาพกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดCanon EOS R3 FULL-FRAME MIRRORLESSพร้อมมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่มาให้ข้อมูลแบบเจาะลึกพร้อมตอบทุกข้อสงสัยแก่ผู้ร่วมงาน โดยCanon EOS R3นับเป็นกล้องดิจิทัลตัวแรกของแคนนอนที่มีฟังก์ชันการควบคุมออโต้โฟกัสด้วยดวงตา(Eye Control AF)หลังจากกล้องCanon EOS 7sเปิดตัวในปี2004ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะทำการเลือกกรอบออโต้โฟกัสโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหวของม่านตาของผู้ใช้ขณะถ่ายภาพนิ่ง ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมLEDและเซนเซอร์หลายตัวภายในช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์(EVF)ที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อทำให้สามารถโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการเปลี่ยนโฟกัสไปยังวัตถุใหม่โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มและใช้ปุ่มควบคุมโดยเฉพาะการถ่ายภาพกีฬาแข่งรถและวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบออโต้โฟกัสติดตามยานพาหนะ(Vehicle Priority AF)แบบใหม่ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับช่างภาพมอเตอร์สปอร์ตโดยระบบโฟกัสนี้สามารถตรวจจับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้อย่างแม่นยำตลอดจนสามารถตรวจจับหมวกกันน็อคของคนขับได้เมื่อเปิดการใช้งานการติดตามเฉพาะจุด อีกหนึ่งคุณสมบัติอันทรงพลังที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเซนเซอร์ใหม่และชิปประมวลผลภาพDIGIC Xคือการติดตามที่แม่นยำมากขึ้นโดยสามารถคำนวณและติดตามออโต้โฟกัสได้สูงสุด60เฟรมต่อวินาทีซึ่งถือเป็นความสามารถที่มากกว่าCanon EOS-1DX Mark IIIและCanon EOS R5ถึงสามเท่า ทำให้ง่ายต่อการติดตามวัตถุที่เลี้ยวและเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วเช่นนักสกีหรือนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้วยขีดจำกัดของออโต้โฟกัสในการถ่ายภาพที่แสงน้อยได้ถึงEV-7.5ทำให้สามารถโฟกัสวัตถุในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทจนสายตามนุษย์ยากที่จะมองเห็น(เมื่อวันที่26พ.ย.64) ภาพโดย:ธนาชัยประมาณพาณิชย์
TNN ช่อง16 • 26 พ.ย. 64
อ่าน
Part2 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcher
กลับมาแล้วค่าาา กับพาร์ทที่สองของการไขปริศนาความลับจักรวาล Dystopia ของสาวๆ Dreamcatcher ในพาร์ทที่แล้วทุกคนได้ทราบถึงความหมายของดิสโทเปีย ยูโทเปีย ลัทธิแม่มด และการวิเคราะห์เพลง Scream ไปแล้ว ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์อีกสองเพลงที่เหลืออย่าง BOCA จากอัลบั้ม Dystopia : Lose Myself และ Odd Eye จากอัลบั้ม Dystopia : Road to Utopia รวมถึงบทสรุปของการตามหาอาณาจักรยูโทเปียกันค่ะ และแน่นอนว่าทฤษฎีทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบทความนี้เป็นสิ่งที่นิสาตั้งสมมติฐานขึ้นมาเองอาจไม่ได้ตรงหรือถูกต้องทั้งหมด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ เพลงถัดมาอย่าง BOCA คำว่า BOCA(โบค่า) เป็นภาษาสเปนแปลว่า ปาก ค่ะ เพราะในเพลงก่อนหน้าเป็น Scream ที่ต้องรับรู้ผ่านทางการได้ยินโดยใช้หู ใช่มั้ยล่ะคะ เพลงนี้ก็เลยชื่อว่า ปาก มันซะเลย แน่นอนเป็นเพลงที่จะบอกเล่าแบบจิกกัดสำหรับพวกคนปากมากที่เอาเรื่องไม่ใช่ความจริงไปพูด ในที่นี้ก็หมายถึงเหล่าผู้คนที่ใส่ร้าย กล่าวหาว่าคนอื่นเป็นแม่มดนั่นแหละค่ะ ในเอ็มวีจะเปิดมาที่ต้นไม้ต้นเดิมจากเพลง Scream แต่มีคำโปรยมาเพื่อบอกว่านี่คือพาร์ทสองของจักรวาลดิสโทเปียนะ เท่านั้นเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยขอพูดถึงเนื้อหาที่ซ่อนในเพลงก่อนนะคะ โดยในเพลงนี้เหมือนว่าสาวๆจะได้รับการปกป้องจากปีศาจที่รอบก่อนได้แต่สวดภาวนามารอบนี้นอกจากปีศาจจะมอบพลังให้ได้แก้แค้นแล้วยังตามมาปกป้องด้วย โดยปีศาจที่พูดถึงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเองนั่นเองค่ะ เหมือนว่าจิตและวิญญาณแยกออกจากกัน ส่วนหนึ่งอยากแก้แค้นอีกส่วนอยากปกป้องแล้วพาหนีอะไรแบบนั้นเลยค่ะ มาจากท่อนร้องของดามิที่ร้องว่า "I'm a geek the big paradox" ซึ่งถ้าแปลให้ภาษาดูสวยขึ้นก็จะเป็น "ฉันนี่แหละผู้เป็นใหญ่ในศาสตร์วิชาแห่งปฏิทรรศน์" พาราด็อกซ์ในที่นี้ไม่ใช่วงดนตรีนะคะแปลว่าปฏิทรรศน์หรือเอาให้เข้าใจกันง่ายๆว่าเป็นความสับสนหรือความขัดแย้งในตัวเองค่ะสอดคล้องกับชื่ออัลบั้มอย่าง Lost Myself ที่หมายถึงการสูญเสียตัวตนไป และตอนที่บอกว่าจิตกับวิญญาณอาจถูกแยกออกจากกันแล้วคิดว่าตัวเองคือผู้แก้แค้นและผู้ปกป้อง เพราะต่อมาก็บอกเลยว่า "ฉันนี่แหละคนที่ปกป้องคนคนนั้นน่ะ แล้วพวกแกทุกคนต้องกรีดร้องราวกับตกนรกเพราะปากนั่นไม่ใช้การไม่ได้แล้ว" ตรงนี้ยิ่งทำให้มั่นใจว่าสาวๆคิดว่าตัวเองเป็นซาตานที่มากำจัดพวกปากพล่อยจริงๆ และแม้ว่าทุกคนกำลังแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงหรือเท็จแต่มีคนนึงที่น่าจะแยกออกค่ะ เพราะท่อนของจียูที่บอกว่า "พวกเขาจ้องมองมาราวกับมีคำถามอีกร้อยพัน แต่ดูไม่ได้สลดกับสิ่งที่ตัวเองทำด้วยซ้ำ" เพราะคนพวกนั้นไม่สามารถพูดได้แล้วจึงได้แต่มองมาด้วยสายตาตั้งคำถามว่าพวกแกทำบ้าอะไร ทำแบบนี้ทำไม ฉันไปทำอะไรให้แก อะไรแบบนั้น จียูก็เลยรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่มีทางสำนึกผิดแน่ ในขณะเดียวกันซูอาที่เป็นเหยื่อคนแรกเพราะไม่ใช่แม่มดก็กำลังรู้สึกหดหู่และแม้ว่าแผลตามตัวจะหายไปแล้วแต่ความรู้สึกพวกนั้นยังตามหลอกหลอนอยู่ทำให้ซูอาเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ค่ะ ทันใดนั้นเองเมฆก็เริ่มตั้งเค้า เหลือไว้แค่ความมืดพร้อมด้วยเสียงฟ้าคำรามลงมาเพื่อกำจัดพวกปากดี อารมณ์แบบธรณีสูบบ้านเราเลยค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นฟ้าผ่าแทน "อย่ามาถามหาความรักหรือความเมตตาอะไรถ้าตัวมันเองยังไม่เคยมี และหากคำพูดเลวๆพวกนั้นมันทำร้ายคุณ ฉันก็จะปิดปากนังพวกนั้นจนมันเปิดปากไม่ได้อีกเลย" อย่างที่บอกว่าตัวละครของสาวๆนั้นมีความปฏิทรรศน์กันอยู่ ในท่อนแรพของกาฮยอนจึงเป็นการบอกให้ทุกคนหนีไปมากกว่าค่ะ หนีไปเลยแล้วอย่าหันหลังกลับมาเพราะที่ตรงนี้ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว อาจหมายถึงเรามาถึงยุคที่อาณาจักรกลายเป็นดิสโทเปียไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วต่อให้ล้างแค้นไปเราก็ไม่ต่างจากคนพวกนั้น ทางเดียวที่จะรอดคือตามฉันมา เดินออกทางประตูอาณาจักรและปิดตายมันซะ เหมือนกำลังบอกให้ตัวเองย้ายไปหาดินแดนยูโทเปียอื่นแล้วทิ้งอาณาจักรที่ล่มสลายนี้ไว้ข้างหลัง และอย่างที่บอกไปแล้วว่าจียูคือคนที่ตื่นรู้เป็นคนแรกก็เหมือนพยายามจะเข้ามาคุยกับสาวๆว่า "ทำไมถึงปล่อยให้ความเกลียดชังมันครอบงำเหมือนกับคนพวกนั้นล่ะ" ตบด้วยท่อนของซูอาอย่าง "ตอนนี้เราสูญเสียเหล่านางฟ้าไปมากเกินไปแล้ว เราต้องหยุดทุกอย่างได้แล้ว" ซึ่งก็หมายถึงเหล่าคนที่ต้องสูญเสียไปกับความบ้าคลั่งของการล่าแม่มดในอาณาจักรนี้ค่ะ Dreamcatcher(드림캐쳐) 'BOCA' MVhttps://youtu.be/MZ4JGye4dQU ในส่วนของเนื้อหาเอ็มวีนั้นฉากได้เปลี่ยนไปจากเดิมดูทันสมัยมากขึ้นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิมเลยค่ะว่าเป็นเพียงโลกหลังความตายที่จิตและวิญญาณของสาวๆแยกออกจากกันเท่านั้น โดยในเอ็มวีจะมีชายใส่หน้ากากอยู่ด้วยอาจเป็นส่วนหนึ่งในห้วงความคิดว่านั่นคือซาตานที่คอยช่วยเหลือแต่จริงๆแล้วคือตัวเอง ซึ่งหมายความผู้คนที่ใส่หน้ากากแท้จริงแล้วเป็นศัตรูตัวฉกาจ อย่าลืมเนื้อหาเพลงที่แล้วนะคะ พวกใส่หน้ากากก็หน้าไหว้หลังหลอกกันทั้งนั้น แล้วที่เคยบอกไปว่าเหมือนจะมีฉากที่ราวกับความฝันทุกคนใส่ชุดเจ้าหญิงแสนสวยเหมือนแทนวิญญาณด้านดีที่ไปสู่สุคติแล้ว ในพาร์ทของดามิ เดอะบิ๊กพาราด็อกซ์นั่นน่ะเป็นซีนที่นิสาชอบมากค่ะเพราะดามิยืนอยู่ข้างบนและมีเหล่าวิญญาณตะเกียกตะกายหรือกำลังโหยหวนอยู่ข้างล่าง พร้อมประโยคว่า "ฉันนี่แหละผู้เป็นใหญ่ในศาสตร์วิชาแห่งปฏิทรรศน์" อย่างที่บอกค่ะมันคือประโยคย้อนแย้งความเป็นตัวเอง บอกไปแล้วว่าซูอากับจียูตื่นรู้ก่อนใครในเอ็มวีเลยดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะซีเรียสเหมือนคนอื่น แต่ที่น่าตกใจคือมันมีบางฉากที่ชียอนโดนล่าค่ะ เหมือนคนพวกนั้นไม่ยอมปล่อยให้ไปสู่สุคติแม้ว่าจะเหลือเพียงแค่จิตวิญญาณก็ตามในส่วนนี้ยิ่งชัดเจนชียอนคือแม่มดตัวจริงอาจเป็นถึงผู้นำลัทธิด้วยซ้ำ ส่วนของกาฮยอนที่เคยวิเคราะห์ไว้ว่าน้องเป็นส่วนหนึ่งของคนพวกนั้นมาก่อนจากในเอ็มวีเราจะเห็นได้ชัดเลยค่ะพาร์ทของกาฮยอนจะมีฉากนึงที่ข้างหลังคล้ายๆกับตอนถ่ายรูปคนร้ายเพื่อปิดคดี เดาว่าในตอนที่ตายแรกๆก็อาจมีการรับน้องจนน้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมแล้วมาช่วยพี่ๆล้างแค้นแทน และอย่างที่บอกในพาร์ทข้างบนว่าเพลงนี้มันคือการสูญเสียตัวตนหรือสับสนในตัวเองมันเป็นปฏิทรรศน์ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะงั้นฉากที่เข้าใจง่ายๆเลยคือฉากของยูฮยอนที่น้องง้างคันธนูชี้ไปข้างบนแล้วไปโดนตัวเองที่อยู่ในสวรรค์ ฉากนี้มองว่ายูฮยอนอาจจะทำลายจิตวิญญาณด้านดีของตัวเองทิ้งเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่คนอื่นๆเหมือนว่าจะฟังซูอากับจียู(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) แต่หน้ากากของผู้ชายหลุดออกมาแล้ว น่าจะหมายถึงความเน่าเฟะของอาณาจักรได้ถูกเปิดเผยแล้ว หลังจากนี้ดิสโทเปียไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอีก มุ่งหน้าต่อไปค้นหายูโทเปียที่เราฝันถึงกันเถอะ เนื้อหาของ BOCA ก็จบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ (ปล.อัลบั้มนี้ก็ยังไม่มีฮันดงนะคะ) ในตอนนี้เราได้เดินทางมาถึงพาร์ทสุดท้ายของสตอรี่ดิสโทเปียนี่แล้วค่ะ กับเพลง Odd Eye อย่างที่ได้บอกไปว่าสองเพลงก่อนหน้าจะพูดถึงประสาทสัมผัสอย่าง หู และ ปาก มาคราวนี้ก็เป็น ตา กันบ้าง Odd Eye(อ็อดอาย) มีศัพท์ทางการแพทย์ว่า Heterochromia แปลเป็นภาษาบ้านๆว่าตาสองสีนั่นแหละค่ะ โดยส่วนใหญ่มักเกิดในสัตว์อย่างแมว หมา ม้า ควาย รวมถึงคนด้วยค่ะ แต่สาเหตุการเกิดไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์แค่อย่างเดียวนะคะ อาจเกิดได้จากอาการบาดเจ็บด้วย เช่น เลือดออกในตา ในส่วนของกรรมพันธุ์ในคนนั้นจะเกิดขึ้น 1 ในล้านเท่านั้นจึงถือว่าหายากมากๆ และไม่ได้เป็นตั้งแต่เกิดนะคะ อาจจะมาเป็นตอนคลอดได้ไม่นานหรืออาจจะมาเป็นตอนผู้ใหญ่ได้ค่ะ ก่อนที่จะพูดถึงเนื้อเพลงและเอ็มวีต้องขอบอกก่อนว่าเนื้อหาในเพลงนี้นั้นยังอยู่ที่โลกหลังความตายเป็นหลักและกำลังเดินทางไปหายูโทเปีย ตามชื่ออัลบั้มอย่าง Road to Utopia หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า เส้นทางสู่ยูโทเปีย นั่นเองค่ะ โดยเพลงก่อนสาวๆได้พลังมาแล้วในครั้งนี้ก็ได้นัยน์ตาสองสีมาด้วย อย่างที่บอกไปในโบค่าว่ามันเกิดจากความสับสนในตัวเองจนแยกไม่ออก นัยน์ตาสองสีในที่นี้จึงเป็นการแทนจิตวิญญาณที่ดีและร้ายที่มันแฝงอยู่ในตัวเราค่ะ โดยเนื้อเพลงจะเริ่มขึ้นในตอนที่สาวๆตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกใหม่ที่ไม่มีดิสโทเปียแล้ว หมายความอาณาจักรดิสโทเปียได้ล่มสลายและสาวๆก็ออกมาจากตรงนั้น ซึ่งเรายังไม่อาจแน่ใจว่าที่ที่ยืนอยู่ตอนนี้ใช่แผ่นดินยูโทเปียหรือไม่ หรือจะต้องเดินทางตามหาต่อ เนื้อเพลงในเวิร์สแรกอธิบายการตื่นมาแล้วระลึกได้ว่าเคยต้องเจ็บปวดและทรมานมาก่อนแต่เราได้หลุดพ้นมาแล้ว และกำลังเข้าสู่โลกใหม่ "ดูท้องฟ้านั่นสิ ดูสดใสซะยิ่งกว่าสีนัยน์ตาฉันอีก" แต่แล้วดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกลายเป็นภาพลวงตาอีกครั้ง ตรงนี้น่าจะหมายถึงการทำพันธสัญญากับปีศาจ(ในตัวเอง)ให้ช่วยเหลือตั้งแต่คราแรก แต่โดนหลอก มันไม่ได้ช่วย มันหลอกเพื่อให้เราทำงานให้มันหรือก็คือไล่ฆ่า ไล่แก้แค้นนั่นแหละค่ะ แต่ตอนนี้สาวๆรู้ตัวแล้ว รู้ด้วยว่าจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้ในนัยน์ตาอีกข้างของตัวเองเพราะอย่างนั้นในท่อนฮุคจึงเป็นการร้องว่า "เห็นความลับที่ซ่อนในตาสองสีนั่นมั้ยล่ะ มองให้ลึกลงไปอีกสิเธอจะได้เห็นว่าความสวยงามนั้นมันจอมปลอมแค่ไหน ดวงตาจอมทำลายล้างที่่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง สุดท้ายมันต้องพังพินาศแน่ๆ" แล้วตบท้ายด้วยท่อนของจียูอย่าง "รีบกลับออกไปซะ นี่ไม่ใช่ที่ที่เราตามหา ไม่มีอีกแล้วล่ะยูโทเปียน่ะ" ช่างเป็นท่อนฮุคที่เฉลยบทสรุปได้อย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ ว่าในท้ายที่สุดแล้วสาวๆไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้ และยูโทเปียก็ได้แตกสลายไปพร้อมๆกับดิสโทเปียนั่นแหละยอมรับความจริงกันเถอะ อย่างที่บอกไปในพาร์ทแรกแล้วว่าดิสโทเปียเกิดจากยูโทเปียที่ไม่อาจซ่อนความล้มเหลวของอาณาจักรได้ทำให้กลายเป็นอาณาจักรดิสโทเปียและเมื่อดิสโทเปียล่มสลายก็หมายความยูโทเปียเองก็ล่มสลายไปพร้อมๆกัน แล้วประชากรทั้งหมดจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรล่ะ? คำตอบอยู่ในพาร์ทของดามิที่บอกว่า "มาใช้ชีวิตให้ดีกันเถอะ พยายามกับสิ่งที่ไร้ความหมายไปก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ ความกระหายไม่มีที่สิ้นสุดหรอกต่อให้วิ่งตามหามันก็กลายเป็นภาพลวงตาอยู่ดี" ความกระหายในที่นี้ไม่ใช่การล้างแค้นอีกต่อไปแล้วแต่เป็นการได้เจอกับดินแดนยูโทเปีย วิ่งตามหาแค่ไหนก็ไม่เจอเพราะมันไม่อยู่จริงค่ะ และสาวๆก็ได้เข้าใจว่ายูโทเปียไม่มีจริงตั้งแต่แรกแล้วแต่ดิสโทเปียที่พยายามซุกปัญหาทุกอย่างไว้ใต้พรมมาตลอดจนวันหนึ่งที่ความแตกทุกอย่างก็ระเบิดออกมา ความสุขที่เราเคยมีและกำลังตามหาเป็นสิ่งจอมปลอมที่อาณาจักรนั้นมอบให้ ในท่อน Killing Part ก็ได้บอกว่า "ความปรารถนาที่อยากจะค่อยๆเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นก็ค่อยๆพังทลายลงไป เหมือนเรากำลังวิ่งหาเงาตัวเองแล้วมาคิดได้ว่ามันอยู่ข้างหลังเรามาตลอด ยังไงก็เปลี่ยนชะตากรรมด้วยความหวังไม่ได้หรอก" หมายความว่านอกจากจะรู้ตัวแล้วยังเกิดอาการท้อ เศร้าใจ และรู้สึกสิ้นหวัง เพราะไม่ว่ายังไงอาณาจักรก็ต้องล่มสลายไม่มีใครห้ามหรือเปลี่ยนมันได้ และในท่อนสุดท้ายอย่าง "ท้ายที่สุดฉันก็ตัดสินใจปิดดวงตาทั้งสองนั้นแล้วดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดอันสิ้นหวัง" เป็นการประกาศจุดจบว่าเมื่อมันไม่มียูโทเปียแล้วตัวเราเองก็ไม่อยากจะอยู่แล้วเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆให้มันพังไปทั้งหมดนี่แหละ เพราะหนึ่งในสาเหตุที่ให้อาณาจักรต้องล่มสลายก็คือตัวฉันเองด้วย ให้มันจบแบบนี้ดีที่สุดแล้วล่ะ เรียกได้ว่าจบแบบ Bad End ที่แท้จริง เพราะ No more Utopia ยังไงล่ะ Dreamcatcher(드림캐쳐) 'Odd Eye' MVhttps://youtu.be/1QD0FeZyDtQ มาวิเคราะห์เอ็มวีกันบ้าง ในส่วนของเอ็มวีนั้นตอนเริ่มไม่ต้นไม้เหมือนสองเพลงก่อนหน้าค่ะ แต่ละฉากเหมือนว่าสาวๆถูกขังเดี่ยวแยกกันโดยใช้ภาพลวงตาสร้างสภาพแวดล้อมขึ้นมาให้สาวๆสับสน ทุกคนอยู่คนเดียวแต่สีหน้าเหมือนกำลังมองหาหรือรอใครสักคนอยู่ เหมือนว่าจะรู้ตัวแต่ก็ไม่รู้ค่ะ เราจะได้เห็นว่าคนที่อยู่ในฉากต้นไม้จะมีแค่สองคนคือจียูกับซูอาอย่างที่เคยบอกไปแล้วในตอนต้นว่าสองคนนี้คือคนที่รู้สึกตัวก่อนคนอื่นการสร้างภาพลวงตาว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่เพื่อทำให้ทั้งสองคลายกังวลที่จะหาทางออกนั่นเอง และแน่นอนว่าเราจะได้เห็นสาวๆใน 2 ลุคที่แตกต่างกันที่หมายถึงจิตวิญญาณที่ยังแยกกันอยู่ มีแค่จิตวิญญาณเดียวที่ได้รับ Odd Eye ซึ่งเป็นจิตวิญญาณชั่วร้ายค่ะ ต้องสังเกตให้ดีๆเลยนะคะเพราะจิตวิญญาณด้านดีที่เหลืออยู่มีแค่ 3 คนอย่าง จียู ซูอา และฮันดง ส่วนยูฮยอนกำจัดจิตวิญญาณด้านดีของตัวเองทิ้งไปแล้วในเพลงก่อน รวมถึงชียอนที่ถูกไล่ล่าในเพลงก่อนอาจจะถูกกำจัดไปแล้วด้วยค่ะ ส่วนกาฮยอนน่าจะเป็นเพราะน้องเป็นคนร้ายมาก่อน ก่อนที่จะกลายเป็นเหยื่อ จิตวิญญาณด้านที่คิดว่าดีเลยดูนิ่งๆไม่สนโลกมากกว่า(จนกระทั่งโดนเข้ากับตัวเองนั่นแหละถึงรู้ซึ้งถึงปัญหา) และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นฉากที่ซูอาถูกดึงไปยังที่ไหนสักที่สุดท้ายก็คงเหลือไว้แค่จิตวิญญาณชั่วร้ายเพราะในมือกำลังถือไฟที่ลักษณะคล้ายกับดาบที่ตัวเองเคยจับในยามเป็นมนุษย์ ส่วนจียูที่เหมือนจิตวิญญาณพยายามจะทำงานร่วมกันคือการหาทางติดต่อคนอื่นๆให้ได้ทำให้เกิดคลื่นสัญญาณส่งไปยังยูฮยอนที่รออยู่และชียอนที่เป็นคนควบคุมสัญญาณ(ก็เป็นผู้นำลัทธิมาก่อนแหละนะ) เลยทำการสลับสัญญาณทำให้เครื่องส่งสัญญาณของจียูและยูฮยอนหลอมละลายไปเอง ส่วนดามิเหมือนจะเป็น Home sick คืออาการคิดถึงบ้าน เพราะฉากของน้องจะเป็นการนั่งอยู่ในพาหนะชนิดหนึ่งตลอดทำให้สื่อได้ว่าน้องอาจจะมีห่วงที่ทำให้ปล่อยวางไม่ได้ แต่ก็มีฉากที่กำลังร่ายร่ำแล้วมีเศษใบไม้ปลิวว่อน อาจเป็นพิธีบวงสรวงหรือขอขมาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าจะสายเกินไปแล้วก็ตาม ส่วนของฮันดง(กรี้ดดดดด ฮันดงมาแล้วค่ะทุกคน) เพราะมามีบทบาทเอาในเพลงนี้เลยทำให้วิเคราะห์ยากหน่อยแต่นิสามองว่าฮันดงเป็นเหยื่ออีกคนนึงค่ะ และน้องรู้ตัวตลอดเวลา จะเห็นได้จากฉากที่พยายามจะบีบคอตัวเองในกระจกเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นนั่นเอง แต่อีกนัยหนึ่งก็แอบคิดว่า เอ๊ะ หรือฮันดงจะเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นะ เพราะมีฉากนึงที่อยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างแล้วฮันดงยืนอยู่คนเดียวมันเหมือนฉากต้นไม้ที่ตั้งต้นอยู่ต้นเดียวเลยนี่นาแถมเป็นต้นไม้ที่เกิดอาเพศซึ่งเป็นสาเหตุให้ยูโทเปียล่มสลาย เพราะแบบนั้นเลยพยายามกำจัดตัวเองสินะ นอกจากนั้นเราจะเห็นฉากที่จียูถูกปิดตาและโดนเผาทั้งเป็นในขณะที่ถือดอกไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ(ศูนย์กลางของลัทธิแม่มด) เพื่อเป็นการย้ำว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งสามเพลงนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเพื่อเป็นอนุสรณ์ตอกย้ำให้ทุกคนระลึกไว้เสมอไม่ให้ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี่ ในตอนจบของเอ็มวีเราได้กลับไปยังฉากต้นไม้เหมือนเดิมแต่ต่างสถานที่พร้อมกับคำโปรยว่า "ในท้ายที่สุด พวกเธอก็ไม่เจอดินแดนยูโทเปียอย่างที่ฝัน" เป็นอันจบบทสรุปของจักรวาลดิสโทเปีย ที่ว่าไม่มีใครในที่แห่งนี้รอดสักคน เราถูกกล่าวหาในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเพราะไม่มีใครรับฟังเรา เมื่อเราพัง คุณก็พัง ดินแดนที่สงบสุขก็ไม่สงบสุขอีกต่อไป เลิกฝันถึงยูโทเปียได้แล้ว เพราะมันไม่อยู่จริงไงล่ะ. เป็นไงกันบ้างคะกับมหากาพย์จักรวาลดิสโทเปียของสาวๆ Dreamcatcher บอกตามตรงนี่เหมือนจะเป็นการเขียนบทความที่ดูดพลังนิสามากที่สุดเลยค่ะ ขนาดแบ่งเป็นสองพาร์ทแล้วยังยาวมากๆอยู่เลย หวังว่าคุณผู้อ่านจะประทับใจกับการวิเคราะห์ในครั้งนี้นะคะ ถ้ายังไงลองค่อยๆอ่านไปพร้อมๆกับการดูเอ็มวีทั้งสามไปด้วยเพื่อทำความเข้าใจสตอรี่นี้ก็ได้ค่ะ และต้องยอมรับความสามารถของทางทีมงานทุกท่านที่คิดสตอรี่พวกนี้ให้เชื่อมโยงกันได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์มากๆเลยล่ะค่ะ ในส่วนของบทความนี้คงจะต้องจบแล้วแต่เพียงเท่านี้เพราะยาวมากๆแล้ว ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกท่านทั้งที่ตั้งใจมาอ่านและไม่ได้ตั้งใจมาอ่านแต่ก็อ่านจนจบด้วยค่ะ ในครั้งหน้าเราจะมาวิเคราะห์สตอรี่ของเพลงไหน ของศิลปินท่านไหน หรือวิเคราะห์ตัวละครจากซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องอะไร หากคุณผู้อ่านอยากทราบก็อย่าลืมติดตาม Niisaxzz เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ๆด้วยนะคะ และหากทุกท่านชื่นชอบและอยากทราบอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับลัทธิแม่มดที่ได้กล่าวไปในบทความนี้ ในอนาคตไม่แน่ว่าอาจจะมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยก็ได้นะคะ อย่าพลาดเชียวล่ะ บทความที่เกี่ยวข้องPart1 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcherไขปริศนาใน BEcause จาก Dreamcatcher เกี่ยวอะไรกับภาพยนตร์เรื่อง US?Creditขอบคุณภาพประกอบบทความและวิดีโอประกอบบทความจาก Twitter:드림캐쳐 Dreamcatcher และ Youtube:Dreamcatcher officialภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2วิดีโอ ฺBOCA/วิดีโอ Odd Eyeจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
niisaxzz • 31 ต.ค. 64
อ่าน
Part1 ไขปริศนาใน Scream,BOCA,Odd Eye ความลับของจักรวาล Dystopia โดย Dreamcatcher
จากบทความวิเคราะห์ MV BEcause ของสาวๆ Dreamcatcher เมื่อคราวที่แล้วได้ผลตอบรับจากเหล่าแฟนๆทั้งในแฟนด้อมและนอกด้อมรวมถึงเหล่าแฟนหนังและผู้ที่สนใจเรื่องการวิเคราะห์สตอรี่ของนิสาค่อนข้างดีเลยค่ะ ทำให้วันนี้นิสาเลยจะพาผู้อ่านกลับมาพบการวิเคราะห์ผลงานที่นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของสาวๆ 3 เพลง 3 อัลบั้ม ที่มีเรื่องราวเชื่อมต่อกันอีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้จะเป็นคนละสตอรี่กับเพลงอื่นๆที่ผ่านมานะคะ โดยในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์สตอรี่ Scream จากอัลบั้ม Dystopia : The Tree of Language , BOCA จากอัลบั้ม Dystopia : Lose Myself และ Odd Eye จากอัลบั้ม Dystopia : Road to Utopia และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมนิสาถึงตั้งชื่อบทความว่าความลับของจักรวาล Dystopia(ดิสโทเปีย) ก็เพราะว่าทั้งสามเพลงนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดนั่นเองค่ะ และถ้าคุณผู้อ่านพร้อมแล้วที่จะร่วมผจญภัยเพื่อหาทางออกจากดินแดนดิสโทเปียนี้พร้อมกับสาวๆ เรามาเริ่มกันเลยนะคะ ก่อนอื่นเลยนิสาขอเกริ่นก่อนว่าทฤษฎีทั้งหมดคือสิ่งที่นิสาคิดและวิเคราะห์ขึ้นมาเองอาจไม่ตรงหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดนะคะ และขออธิบายเรื่องของ Dystopia เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายๆก่อน ในความจริงคำว่าดิสโทเปียมักถูกใช้และถูกพูดถึงในทางการเมืองมากกว่าเพราะทฤษฎีนี้มักจะพูดถึงการสร้างเมืองจำลองสองอาณาจักรให้ชื่อว่า Utopia ซึ่งเป็นดินแดนในอุดมคติแสนสุขของใครหลายคน เราอาจจะนึกภาพไม่ออกว่ายูโทเปียคืออะไร แต่หากพูดถึง Dystopia แล้วละก็ทุกคนอาจจะ "อ๋อ" ขึ้นมาทันที เพราะนิยามของดิสโทเปียคือการมองว่าโลกดิสโทเปียคือโลกที่ทุกอย่างแย่ไปหมด รัฐบาลสามารถสอดส่องประชาชนได้ การดำรงชีวิตพื้นฐานตกต่ำ ต้องทนอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ ผู้คนถูกล้างสมอง ปกปิดข้อมูล ตำรวจทำร้ายประชาชน ชนชั้น Elit กับคนรากหญ้าและชนชั้นกลาง ถูกแบ่งแยกกันชัดเจนค่ะ และแน่นอนว่ายูโทเปียก็คือโลกที่ทุกอย่างที่แตกต่างจากดิสโทเปียอย่างสิ้นเชิง แต่จุดที่น่าตกใจคือ การเกิดโลกดิสโทเปียหลายครั้งมักมาจากโลกยูโทเปีย ที่ไม่สามารถปกปิดจุดผิดพลาดดำมืดในสังคมเอาไว้ได้ และในท้ายที่สุดเมื่อสารพัดความชั่วร้ายที่เคยปกปิดไว้ทุกอย่างถูกเผยออกมายูโทเปียที่ว่าก็พังทลายจนกลายเป็นความโกลาหล สับสน และวุ่นวาย หลงเหลือไว้เพียงโลกดิสโทเปียที่น่ารังเกียจ แต่ถึงกระนั้นกลับไม่พบหนทางการกลับไปเป็นยูโทเปียเลยสักทางมีทางเลือกให้ประชากรแค่สองทาง คือจะอยู่กับดิสโทเปียไปตลอดกาล หรือ จะเลือกทำลายดิสโทเปียให้ย่อยยับไปพร้อมๆการสูญสลายของอาณาจักรและผู้คน เรามาเริ่มกันที่เพลง Scream กันเลยค่ะ Scream แปลความหมายตรงตัวได้ว่าการกรีดร้อง,เสียงกรีดร้อง,เสียงโหยหวน หรือจะอะไรก็ตามขึ้นอยู่กับบริบทที่เราใช้ใช่ไหมล่ะคะ แต่ในกรณีนี้ต้องบอกว่าเป็นเสียงกรีดร้องของสาวๆจากการถูกกระทำโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด และคาดหวังว่าคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดต่างหากที่สมควรจะต้องเป็นคนทรมานจนต้องกรีดร้องออกมา โดยเปิดเรื่องมาเป็นฉากต้นไม้และมีคำโปรยว่า "ในเช้าวันหนึ่งที่แสงของวันใหม่ได้หายไป ผู้คนก็เริ่มหลงเริ่มการพูด(หรือการทำสิ่งดีๆ)ให้แก่กัน" ตรงนี้เหตุที่เป็นต้นไม้เพราะชื่ออัลบั้ม The Tree of Language หรือแปลภาษาไทยได้ว่า ภาษาต้นไม้นั่นเองค่ะ ซึ่งต้นไม้คือแกนหลักของเรื่องนี้การนำเสนอให้เห็นว่าแสงค่อยๆหายไปพร้อมๆกับต้นไม้ที่ค่อยๆตายนั้นเป็นการเชื่อมโยงของเรื่องราวนี้เลยค่ะ เพราะตามความเชื่อของชาวลัทธิแม่มดเชื่อว่าธรรมชาติคือศูนย์กลางของโลกและจักรวาล เมื่อต้นไม้ตายก็เท่ากับธรรมชาติสูญสลายและมนุษย์จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ค่ะ เริ่มมาก็จับประเด็นได้แล้วว่าจักรวาลดิสโทเปียต้องเกิดขึ้นในยุคล่าแม่มดที่อยู่ภายใต้การกำกับของศาสนจักร(คริสตจักร) และสาวๆคือคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดหรืออาจจะเป็นแม่มดจริงๆก็ได้แต่เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา โดยเนื้อเพลงมักกล่าวถึงการอ้อนวอนขอถึงปีศาจหรือซาตาน ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าตนไหนให้ช่วยเพราะพวกเขาไม่เคยเชื่อในพระเจ้า สอดคล้องกับที่ในลัทธิแม่มดมีบางส่วนที่เชื่อว่าการบูชายัญและการทำพิธีต่างๆนั้นทำให้สามารถรับรู้การมีตัวตนและสื่อสารกับซาตานนั้นๆได้ แน่นอนว่าเป็นเหตุให้ศาสนจักรใช้เหตุผลนี้ในการกำจัดและปราบปรามสาวกลัทธิแม่มด แม้ว่าในภายหลังจะมีการเปิดเผยออกมาว่าเป็นเพราะผู้นำลัทธิเป็นผู้หญิง สาวกส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงและไม่เชื่อในพระเจ้าต่างหากจึงทำให้พวกเธอถูกล่า การไม่ยอมรับในความสามารถของผู้หญิงในสังคมปิตาธิปไตยของยุคนั้นทำให้พวกเธอต้องทรมานจนตายและด้วยเหตุนั้นเองทำให้มีคนไม่หวังดีแอบอ้างและกล่าวถึงว่าคนนั้นคนนี้เป็นแม่มดอย่างแน่นอนโดยไม่มีเหตุผลเมื่อนั้นผู้คนเหล่านั้นก็ถูกทรมานให้ยอมรับสารภาพว่าตัวเองนั้นคือแม่มดและใครคือพวกของตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้เป็น หากไม่ยอมรับวิธีการทรมานจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแน่นอนว่าในท้ายที่สุดคนส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมรับเพราะไม่อาจทนต่อวิธีรุนแรงพวกนั้นได้ และอ้างถึงคนนั้นคนนี้ทั้งคนที่ตัวเองรู้จักและคนที่ตัวเองเกลียดเพื่อให้คนพวกนั้นทรมานเหมือนกันกับเธอ แต่ก็ใช่ว่าจะรอดเพราะไม่ว่าจะสารภาพหรือไม่ พวกเธอก็ไม่มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้อีกแล้ว และนั่นก็คือเสียงกรีดร้องที่ถูกใส่เข้ามาเชื่อมโยงกับสตอรี่นี้นั่นเองค่ะ และถ้าทุกคนสงสัยว่านิสารู้ได้อย่างไรว่าสาวๆคือแม่มดก็ภาพโปรโมทของสาวๆนี่ไงล่ะคะ ยังไม่รวมถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของกาฮยอนและยูฮยอนที่บอกว่า "คนพวกนั้นมัดและตรึงฉันไว้จนชาไปหมด ถ้าหากคนพวกนั้นปาก้อนหินใส่ฉัน ฉันก็คงไม่รอดอยู่ดี" นั่นหมายความว่าสาวๆได้ถูกใส่ร้ายและถูกจับได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วแถมยังถูกปิดตาไม่ให้มองอะไรได้ยินแต่เสียงกรีดร้องของเพื่อนๆและคนที่ถูกใส่ร้าย นอกจากจะมีการมัดและตรึงสาวๆแล้วยังมีพิธีการจุดไฟเผาทั้งเป็นยืนยันความบริสุทธิ์อีกต่างหาก "ไม่ว่าใครก็ไม่ควรโดนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบอกเค้าไปแบบนั้นล่ะ ฉันขออ้อนวอนต่อเหล่าซาตานให้ช่วยเรา ฉันไม่อยากแม้แต่จะส่งเสียงร้องให้พวกมันได้ยิน ไดโปรดท่านซาตานจงตื่นขึ้น" นี่คือเนื้อหาในท่อนพรีฮุคและท่อนฮุคของเพลง ต่อมาในท่อนแรพของเพลงก็มีเนื้อหาซ่อนอยู่ว่า "สีหน้าเยือกเย็นภายใต้หน้ากากแห่งความเกลียดชังของคนพวกนั้นมันมากได้ด้วยเล่ห์เพทุบายที่แค่ทำเป็นเลือกใครก็ได้สักคนมาเป็นเหยื่อ และแม้นผ่านไฟที่เผาร่างนั่นมาได้พวกนั้นก็ยังหาว่าฉันมีความผิดและถูกต้อนไปยังหน้าผาแห่งความตาย ทางรอดเดียวที่มีคือการต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น" ความหมายของท่อนนี้คือทุกคนสามารถถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดได้ทั้งนั้น และแม้ว่าจะผ่านพิธีลุยไฟมาแล้วแต่คนพวกนั้นก็จะกล่าวหาว่าเป็นแม่มดอยู่ดีเพราะไม่มีมนุษย์คนไหนรอดพ้นจากไฟนั้นได้ ทางเดียวที่จะรอดคือต้องทนทรมานกับการลงโทษด้วยวิธีอื่นจนตายเท่านั้น แต่ในท่อน Killing Part ของชียอนกลับบอกว่าหลังจากที่คนพวกนั้นจากไป ตัวเองที่สลบไปแล้วก็ฟื้นกลับมา ร่องรอยบาดแผลที่เคยมีก็หายไปแล้ว จนตัวเองก็ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องทนอีกแล้วเราจะเอาคืนอย่างสาสม เราจะทำให้คุณทุกข์ทรมานแบบที่เราโดนบ้าง คนพวกนั้นจะทำได้แค่กรีดร้องออกมาเท่านั้น เป็นอันจบพาร์ทของ Scream ค่ะ Dreamcatcher(드림캐쳐) 'Scream' MVhttps://youtu.be/FKlGHHhTOsQ ในส่วนของเอ็มวีนั้นถ้าอิงตามจากที่นิสาวิเคราะห์ไว้คาแรคเตอร์ของสาวๆนั้นมีแม่มดตัวจริงอยู่แค่คนเดียวคือ ชียอน เพราะเป็นคนเดียวที่เปิดฉากมาก็สาดพลังได้เลยถือว่าเป็นแม่มดที่ค่อนข้างเป็นชั้นสูงแล้วน่ะค่ะ ส่วนจียูดูเหมือนว่าจะเป็นสาวกของลัทธิมากกว่า คืออาจจะเป็นแค่แม่มดฝึกหัดแต่คาดว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์ล่าแม่มดก็อาจจะกลายเป็นแม่มดเต็มตัวอีกคนแน่ๆเพราะมักจะมีฉากที่อยู่กับไฟแต่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ส่วนซูอานิสามองว่าเป็นเหยื่อจากการล่าแม่มดคนนึงค่ะ เดิมทีอาจเป็นนักล่าแม่มดด้วยซ้ำเพราะมีฉากที่ยืนคู่กับดาบอยู่ แต่ถูกใส่ร้ายทำให้ต้องถูกทรมานร่างกายด้วย ดามิกับกาฮยอนที่แต่งตัวปกติสุดในตอนแรก เอาเข้าจริงๆแล้วเหมือนว่าจะเป็น 1ในคนที่ใส่ร้ายคนอื่น กล่าวหาเค้าว่าเป็นแม่มด ในท้ายที่สุดก็โดนเข้าซะเองด้วยฝีมือของจียูอย่างไม่ต้องสงสัย ตรงนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าจียูบอกกับพวกนั้นว่ากาฮยอนเป็นแม่มดในขณะที่ตัวเองกำลังถูกทรมานอยู่นั่นเองค่ะ ในส่วนของคนสุดท้ายอย่างยูฮยอนมามีพลังในตอนท้ายๆแล้ว ตรงนี้แปลได้ว่าเป็นเหยื่ออีกคนนึง และทั้งหมดอาจตายไปแล้วค่ะช่วงเวลาที่จะตามแก้แค้นนี่แหละคือช่วงที่ตื่นขึ้นในโลกหลังความตายแล้วทุกคนมีพลังที่มากขึ้นจากความแค้น และเรื่องราวของ Scream ก็จบลงที่ตรงนี้ค่ะ (แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะไม่มีฮันดง ขณะนั้นน้องอยู่ที่ประเทศจีนค่ะ) ในเอ็มวีที่เห็นเป็นผู้หญิงใส่หน้ากากเป็นแดนซ์เซอร์แบคอัพที่มาเต้นในตำแหน่งของฮันดงแทน สำหรับดรีมแคชเชอร์นั้นวงนี้เป็นวงที่มีโวคอลปังๆอยู่ถึงสองคนอย่าง ชียอนและยูฮยอน มีแรปเปอร์เสียงทุ้มต่ำที่เรามักไม่ค่อยได้ยินจากไอดอลหญิง K-POP เลยอย่าง ดามิ แถมดามิยังมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงของวงแทบทุกเพลงด้วยนะคะ อีกเรื่องที่จะไม่พูดไม่ได้เลยคือ Dance Performance ที่มักจะมีคีย์เวิร์ดของเพลงๆนั้นซ่อนอยู่ในท่าเต้นและนำทัพด้วยเมนเต้นอยากซูอา ทำให้ Performance ทุกๆเพลงของวงนี้อัดแน่นไปด้วยความสมบูรณ์แบบแบบที่นานๆทีจะได้เจอในหมู่ไอดอลเจนเดียวกัน และการมีอยู่ของเมมเบอร์อีก 3 คน อย่าง จียู ฮันดง และกาฮยอน ก็ส่งให้คอนเซปต์วงชัดเจนขึ้นอารมณ์แบบ 7 girls 7 sins อะไรแบบนั้นเลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนดรอปไปนะคะ ทุกคนมีความโดดเด่นในบทบาทที่ได้รับทั้งในเรื่องของการแสดงและการร้องเพลงรวมไปถึง Performance เองก็ด้วย (อ้างอิงจากบทความวิเคราะห์ BEcause) ในส่วนของบทความนี้คงจะต้องจบแล้วแต่เพียงเท่านี้ก่อนค่ะ ใจจริงอยากเขียนรวดเดียวจบแต่ก็เกรงว่าคุณผู้อ่านจะอ่านกันไม่ไหวเลยจำเป็นต้องแบ่งเป็น 2 พาร์ทค่ะ ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกท่านทั้งที่ตั้งใจมาอ่านและไม่ได้ตั้งใจมาอ่านแต่ก็อ่านจนจบด้วยนะคะ ไว้พบกันในพาร์ท 2 เกี่ยวกับการวิเคราะห์อีกสองเพลงที่เหลือ เร็วๆนี้นะคะและหากคุณผู้อ่านชื่นชอบการวิเคราะห์สไตล์นี้ หรืออยากอ่านการวิเคราะห์เพลงและ MV อื่นๆของสาวๆและศิลปินท่านอื่นก็อย่าลืมติดตาม Niisaxzz เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ๆด้วยนะคะ บทความที่เกี่ยวข้องกันไขปริศนาใน BEcause จาก Dreamcatcher เกี่ยวอะไรกับภาพยนต์เรื่อง US? Creditขอบคุณรูปภาพประกอบจาก Twitter : 드림캐쳐 Dreamcatcherภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2/ภาพที่3Dreamcatcher(드림캐쳐) 'Scream' MV จาก Youtube Dreamcatcher officialเปิดประสบการณ์ความบันเทิงสุดหลากหลาย บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
niisaxzz • 31 ต.ค. 64
อ่าน
Pick a card ความรักของคุณและเขา จะเป็นอย่างไรกันนะ? โดยหมอนก Bird Eye View
** อยากดูดวงสดแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับหมอนก Bird Eye Viewและนักพยากรณ์ชื่อดังอีกมากมาย โหลดแอป ดวง360 ได้เลยที่ https://star360.net สุดปังสุดแม่น อย่าพลาดล่ะ! +++++++++++++++ Pick a card ความรักของคุณและเขา จะเป็นอย่างไรกันนะ? โดยหมอนก Bird Eye View ** อยากดูดวงสดแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับหมอนก Bird Eye Viewและนักพยากรณ์ชื่อดังอีกมากมาย โหลดแอป ดวง360 ได้เลยที่ https://star360.net สุดปังสุดแม่น อย่าพลาดล่ะ!
Horosociety • 13 ต.ค. 64
อ่าน
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของชาว 12 ราศีในครึ่งปีหลัง 2564 โดยหมอนก Bird Eye View
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของชาว 12 ราศีในครึ่งปีหลัง 2564 โดยหมอนก Bird Eye View สวัสดีแฟนๆ สายมูของโฮโรโซไซตี้ ครั้งนี้ขอเอาใจชาว 12 ราศีกันด้วยเรื่อง การเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 โดยหมอนก Bird Eye View ค่ะ ใครต้องรับมือกับเรื่องอะไร ต้องระวังเรื่องไหน หรือใครจะรุ่ง-ร่วงในเรื่องอะไร ลองมาเช็กกันดูได้เลย! ราศีมังกรCAPRICORN (22 ธ.ค. 20 ม.ค.) สำหรับชาวราศีมังกรจะเป็นในเรื่องของการวางแผนการเงินภายในครอบครัว ในทีแรกคุณอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยมากนัก แต่รวม ๆ แล้วก็เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่มั่นคงมากขึ้น และยังมีแนวโน้มจะมีช่องทางการเงินใหม่ ๆ เข้ามาอีกด้วย แนะนำให้รับไว้นะคะเพราะสามารถต่อยอดได้ในระยะยาว ราศีกุมภ์AQUARIUS (21 ม.ค. 19 ก.พ.) เรียกได้ว่าจะมีโอกาสทั้งเรื่องการงานและการเรียนเข้ามาให้คุณเลือกมากกว่าหนึ่งตัวเลือก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณเองแล้วล่ะค่ะว่าจะคว้ามันไว้ไหม แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้ศึกษาให้รอบคอบดี ๆ เพราะสิ่งที่คุณเลือกนั้นจะอยู่กับคุณไปอีกนาน ราศีมีนPISCES (20 ก.พ. 20 มี.ค.) คุณมีเกณฑ์ได้ซื้อของอะไรบางอย่างที่เป็นข้อผูกพันธ์ในระยะยาว อาจเป็นบ้าน คอนโดหรือที่อยู่อาศัย และก็จะเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างกะทันหันด้วย อย่างไรก็ดีทั้งตัวคุณเองและครอบครัวจะมีความสุขกับการเลือกในครั้งนี้ และหากคุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเงินหรือการผ่อน บอกได้เลยว่าไม่ต้องคิดมาก เพราะคุณจะสามารถดูแลจัดการเรื่องการเงินได้เป็นอย่างดี ราศีเมษARIES (21 มี.ค. 20 เม.ย.) สำหรับราศีเมษจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความรักค่ะ คนโสดมีแนวโน้มได้เริ่มต้นความรักครั้งใหม่ คุณจะมีความสุขและเข้ากันได้เป็นอย่างดี ส่วนคนมีคู่ มีแนวโน้มจะเกิดปัญหาในเรื่องเก่า ๆ เข้ามา แต่ก็ไม่ได้แย่นะคะ เพราะปัญหานี้จะทำให้คุณเริ่มคิดวางแผนอนาคตร่วมกันให้มั่นคงขึ้นและทำให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ ราศีพฤษภTAURUS (21 เม.ย. 20 พ.ค.) หากที่ผ่านมาคุณไม่มีความสุขหรือไม่พอใจกับเรื่องใดอยู่ก็ตาม ในเร็ว ๆ นี้จะเริ่มมีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเข้ามาแล้ว และยังมีแนวโน้มจะได้เริ่มต้นใหม่กับชีวิตในทางที่คุณเลือกเองและมีความสุขมากขึ้น ราศีเมถุนGEMINI (21 พ.ค. 21 มิ.ย.) หากที่ผ่านมาคุณรู้สึกไม่มีอิสระในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเรื่องการงานหรือการเรียนก็ตาม เร็ว ๆ นี้จะมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้น โดยคุณจะเริ่มสู้เพื่อให้ได้อิสระของตัวเองกลับมา และโดยรวมแล้วสิ่งที่คุณเลือกมันจะเป็นไปในทิศทางที่ดีและราบรื่นมากขึ้นค่ะ ราศีกรกฎCANCER (22 มิ.ย. 23 ก.ค.) ชาวราศีกรกฎมีแนวโน้มจะได้ของที่ถูกใจ โดยอาจเป็นสิ่งที่คุณวางแผนอยากได้มานาน แต่ก็จะเป็นข้อผูกพันธ์ในระยะยาวเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้คุณมีภาระเพิ่มขึ้นเหมือนเป็นเงาตามตัวเลยล่ะ แนะนำให้วางแผนเรื่องการเงินให้ดีหน่อยนะ ราศีสิงห์LEO (24 ก.ค. 23 ส.ค) เรียกได้ว่าการเงินของคุณจะโดดเด่นขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก โดยคุณอาจจะได้เริ่มกิจการหรือมีช่องทางการเงินใหม่ ๆ เข้ามา และยังมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูงมากอีกด้วย อย่าลืมตั้งใจให้มากล่ะ และเตรียมตัวรอรับความสำเร็จหรือผลงานที่ดีกันได้เลย ราศีกันย์VIRGO (24 ส.ค. 23 ก.ย.) คุณมีเกณฑ์จะได้เดินทางบ่อยขึ้นหรืออยู่ไม่ติดบ้านในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และอาจเป็นการเดินทางแบบกะทันหันด้วย สำหรับใครที่วางแผนเดินทางไปต่างประเทศก็ถือเป็นช่วงจังหวะที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวเพราะจะนำโอกาสทางด้านการเงินและความสำเร็จมาให้กับคุณค่ะ อย่างไรก็เตรียมตัวกันให้พร้อมด้วยนะ ราศีตุลย์LIBRA (24 ก.ย. 23 ต.ค.) สำหรับชาวราศีตุลย์คุณมีแนวโน้มจะได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องของการเงินเข้ามาอย่างกะทันหัน โดยอาจเป็นเรื่องของการลงทุนในระยะยาว แนะนำให้รอบคอบให้มากหน่อยนะคะเพราะในปีนี้ดวงของคุณเหมาะกับการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น และหากเลือกผิดหรือเลือกได้ไม่ดีสิ่งเหล่านั้นจะอยู่กับคุณไปอีกนานเลยค่ะ ราศีพิจิกSCORPIO (24 ต.ค. 22 พ.ย.) การเปลี่ยนแปลงของชาวราศีพิจิกเรียกนั้นได้ว่าค่อนข้างดีมากเลยค่ะ เพราะจะเป็นในเรื่องของความรัก สำหรับคนโสดจะมีคนเข้ามาและมีแนวโน้มได้พัฒนาความสัมพันธ์ รวมถึงยังสามารถส่งเสริมกันและกันได้เป็นอย่างดี ส่วนคนมีคู่จะมีการวางแผนย้ายมาอยู่ด้วยกัน หรือบางคู่อาจจะเริ่มวางแผนกันอย่างจริงจังในเรื่องของอนาคต ครอบครัว การแต่งงาน หรือการมีลูก ราศีธนูSAGITTARIUS (23 พ.ย. 21 ธ.ค.) ราศีธนูก็เช่นกันค่ะ จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีในเรื่องของความรัก คนโสดจะได้พบรักกับคนทางไกลหรือต่างถิ่นต่างที่ แต่ระยะทางก็ไม่ใช่อุปสรรคนะคะ เพราะคุณทั้งคู่จะพยายามในการมีกันและกันในชีวิตเป็นอย่างมาก ส่วนคนมีคู่ พวกคุณมีแนวโน้มที่จะได้ลงทุนหรือทำธุรกิจอะไรบางอย่างร่วมกัน หรือบางคู่ก็อาจจะมีการวางแผนซื้อของบางอย่างร่วมกันเพื่อเป็นการลงทุนในระยะยาว แน่นแน่! ใครปังเรื่องไหนกันบ้าง อย่าลืมมาแชร์ให้ฟังบ้างนะ แต่สำหรับใครที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ควรระวัง ก็อย่าลืมเตรียมตัวรับมือกันให้ดีและมีสติอยู่เสมอนะคะ เราขอเอาใจช่วยให้ทุกคนเฮง ๆ ปัง ๆ รับครึ่งปีหลังนี้กันน้า
Horosociety • 24 ก.ค. 64
ดูเพิ่มเติม